• สรุปข่าวเศรษฐกิจ (ภาคค่ำ) ประจำวันที่ 14 มกราคม 2564

    14 มกราคม 2564 | Economic News
  

· ดอลลาร์ – Bitcoin รีบาวน์ท่ามกลางนักลงทุนที่รอคอยรายละเอียดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐฯ

ค่าเงินดอลลาร์รีบาวน์จากระดับต่ำสุดรอบ 3 ปี เพราะได้รับแรงหนุนจาก
- อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯที่ปรับตัวสูงขึ้นต่อ
- นายโจ ไบเดน ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯมีแผนจะเผยรายละเอียดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในวันนี้

ดัชนีดอลลาร์ทรงตัวใกล้ระดับสุงสุดในตลาดเอเชีย โดยปรับขึ้นได้ 0.1% ที่ 90.431 จุด หลังจากที่ปรับขึ้นกว่า 0.3% วานนี้ ท่ามกลางนักลงทุนที่ยังคงมีมุมมองต่อตลาดเป็นทิศทางอ่อนค่า ขณะที่การจะเผยแผนเศรษฐกิจในวงเงินมหาศาลของนายไบเดนดูจะส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรปรับตัวสูงขึ้นได้เหนือ 1%

Bitcoin ทรงตัวหลังจากที่ขึ้นมาได้กว่า 10% วานนี้ โดยอยู่แถวระดับ 37,420 เหรียญ โดยเพิ่มขึ้นจากที่ทำต่ำสุดเมื่อวันที่ 11 ม.ค. ที่ระดับ 30,261.13 จุด


นายไบเดน จะให้รายละเอียดแผนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจนับล้านล้านเหรียญในวันนี้ โดยรายงานจาก CNN ระบุว่า แพ็คเกจที่จะเผยในคืนนี้อาจมีมูลค่าสูงถึง 2 ล้านล้านเหรียญ และทั้งหมดนี้เป็นปัจจัยสนับสนุนดอลลาร์


นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่มองว่า “การปรับแข็งค่าของดอลลาร์เป็นเพียง สภาวะชั่วคราวเท่านั้น” และระยะยาวยังเชื่อว่าดอลลาร์มีโอกาสจะอ่อนค่าได้อีก จากการสนับสนุนทางการเงินที่เพิ่มขึ้นเข้าหนุนความเชื่อมั่นในสินทรัพย์เสี่ยง ซึ่งจะกดดันดอลลาร์ ที่ในเวลานี้เป็นสินทรัพย์ Safe-Haven

หัวหน้านักกลยุทธ์จาก Bank of America ให้มุมมองว่าดอลลาร์อาจรรีบาวน์ได้เพียงสั้นๆ และแนะนำให้จับตาต่อ เพราะปีนี้ดอลลาร์มีแนวโน้มค่อยๆอ่อนค่าต่อ

ค่าเงินยูโรปรับอ่อนค่า 0.1% ที่ระดับ 1.21405 ดอลลาร์/ยูโร หลังจากอ่อนค่าลงไปกว่า 0.4% วานนี้

ค่าเงินเยนปรับอ่อนค่าขึ้น 0.2% ที่ 104.075 เยน/ดอลลาร์

ค่าเงิน Cryptocurrency ยังได้รับแรงสนับสนุนจากกลุ่มนักลงทุนสถาบันที่เริ่มเข้าซื้ออย่างหนัก และตลาดยังมีมุมมองเชิงบวกว่า Bitcoin จะเป็นสินทรัพย์ที่ป้องกันเงินเฟ้อได้อยู่

นักวิเคราะห์บางรายมองว่า แรงเทขายที่เกิดขึ้นในตลาดค่าเงิน Cryptocurrency ส่วนใหญ่มาจากตลาดอนุพันธุ์เป็นหลัก ท่ามกลางสภาวะ Margin Calls ที่กดดันใต้องปิดสถานะเพื่อนำเงินสดออกมาปิดภาวะดังกล่าว สิ่งเดียวจะหยุดภาวะขาขึ้นของค่าเงินนี้ได้คือ “การขาดแรงซื้อเท่านั้น”


· จีนมีรายงานพบ “การเสียชีวิต” จาก Covid-19 เป็นรายแรกในรอบกว่า 6 เดือนในวันนี้ เป็นหญิงชาวจีนที่ไม่ปราฏอาการป่วย ขณะที่ในมณฑลหูเป่ย มีรายงานว่าพบยอดติดเชื้อใหม่ล่าสุด 81 ราย ทำให้ยอดรวมสะสมในพื้นที่เพิ่มขึ้นแตะ 463 ราย


· ทีมผู้เชี่ยวชาญของ WHO เดินทางถึงอู่ฮั่น ขณะที่จีนพบรายงานเสียชีวิตคนแรกในรอบหลายเดือน ขณะเดียวกันจีนก็ยังคงกังวลถึงการระบาดที่อาจขยายวงกว้างในช่วงเทศกาลตรุษจีนที่กำลังจะมาถึง ซึ่งเป็นเทศกาลที่ประชาชนนับล้านภายในประเทศออกเดินทางไปมาหาสู่กัน


· อังกฤษอนุญาตให้โรงพยายามปล่อยตัวผู้ป่วย Covid-19 ให้รักษาตัวที่บ้านพัก โดยปราศจากการกลับมาตรวจหาเชื้ออีกครั้ง


· อังกฤษตั้งเป้า 24/7 ในการกระจายวัคซีน Covid-19 แข่งกับรายงานยอดเสียชีวิตที่เพิ่มสูงขึ้น

เจ้าหน้าที่กระทรวงสาธารณสุขอังกฤษ เปิดเผยรายงานล่าสุดพบว่าภายในระยะเวลา 28 วัน อังกฤษมียอดเสียชีวิตพุ่งขึ้น 1,564 รายสำหรับการตรวจหาเชื้อล่าสุดเมื่อวานนี้ จึงสะท้อนว่าอัตราการเสียชีวิตในช่วง Second Wave สูงกว่า First Wave ปีที่แล้วอย่างมาก

รายงานยอดเสียชีวิตรายวันพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็วทำสูงสุดประวัติการณ์ครั้งแรกเมื่อวันที่ 8 ม.ค. ที่ระดับ 1,325 ราย ท่ามกลางการระบาดของสายพันธุ์ใหม่ภายในประเทศ โดยยอดรวมเสียชีวิตล่าสุดในอังกฤษ 84,767 ราย

ผู้บริหารจาก AstraZeneca กล่าวว่า บริษัทจะทำการส่งมอบวัคซีน 2 ล้านโดสให้แก่อังกฤษภายในช่วงกลางเดือนก.พ. และนายกฯอังกฤษก็คาดหวังจะเร่งกระจายวัคซีนให้ได้ โดยจะทำงานให้เร็วที่สุด 24 ชั่วโมง ตลอด 7 วันทำการ แต่ ณ ขณะนี้ ปัญหาที่เกิดขึ้น คือ อุปทานที่มีจำกัด


· อินเดียเตรียมผลักดันการฉีดวัคซีน Covid-19 ครั้งใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลกในสุดสัปดาห์นี้ โดยมีแผนผลักดันวัคซีนให้ได้ 300 ล้านเหรียญ หรือมากกว่า 20% ของประชากร 1.3 พันล้านเหรียญ


· บริษัทยา Sinovac ของจีน ออกโรงป้องวัคซีน Covid-19 หลังบราซิลเผยข้อมูลที่น่าผิดหวัง

ประธานบริษัท Sinovac เผย ผลทดสอบวัคซีนเฟสที่ 3 ได้รับการพิสูจน์แล้วว่า CoronaVac มีความปลอดภัยและมีประสิทธิภาพดีสำหรับทั่วโลก


อย่างไรก็ดี ข้อมูลการทดสอบจากบราซิล สะท้อนให้เห็นว่าข้อมูลประสิทธิภาพวัคซีนบริษัทยาดังกล่าวมีเพียง 50.4% เท่านั้น ผลที่ตามมาคือทำให้ประเทศมาเลเซียและสิงคโปร์ที่เคยทำข้อตกลงซื้อวัคซีนกับบริษัท Sinovac ไว้ ต้องการข้อมูลประสิทธิภาพเพิ่มเติมจากตัวยา ก่อนที่จะอนุมัติการสั่งซื้อ


· บรรดานักเศรษฐศาสตร์ทำการปรับลดคาดการณ์มาเลเซียปีนี้ หลังเกิด Lockdown และประกาศภาวะฉุกเฉินรอบใหม่

รัฐบาลมาเลเซียทำการประกาศจำกัดการเดินทางจากต่างประเทศ และทำการ Lockdown 6 จังหวัดและบริเวณพรมแดนเป็นเวลา 2 สัปดาห์ โดยมีผลตั้งแต่เมื่อวานนี้

ขณะที่ล่าสุดกษัตริย์มาเลเซียมีการประกาศภาวะฉุกเฉินที่จะมีผลจนถึง 1 ส.ค. หรือหากสถานการณ์ Covid-19 มีการคลี่คลายด้วยอัตราการติดเชื้อที่ลดน้อยลง


อย่างไรก็ดี จะเห็นได้ว่า ประเทศมาเลเซียเป็นหนึ่งในประเทศเอเชียที่มีการเติบโตที่ย่ำแย่มากที่สุดตั้งแต่ปีที่ผ่านมา ขณะที่ช่วงเดือนต.ค. ปีที่แล้ว ไอเอ็มเอฟมีการปรับลดคาดการณ์จีดีพีของมาเลเซียสู่ระดับ -6% ในปี 2020 เมื่อเทียบกับ 4.3% ที่เคยคาดการณ์ไว้ในปี 2019


· ไบเดน หวังว่า ผู้นำวุฒิสภาจะมีการดำเนินการร่วมกับบรรดากลุ่มธุรกิจอื่นๆในระหว่างการฟ้องร้องทรัมป์


· ไบเดน จะทำการเปิดเผยแผนมาตรการ Covid-19 ฉบับใหม่ - หวังให้ทุกฝ่ายให้การสนับสนุน

นายโจ ไบเดน ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ถูกคาดว่าจะทำการเปิดเผยแผนเศรษฐกิจที่รอคอยมาอย่างยาวนานในวันนี้

ขณะที่แหล่งข่าวใกล้ชิด บ่งชี้ว่า ทีมบริหารของนายไบเดนแสดงความหวังที่จะเห็นการสนับสนุนจากทั้งสองพรรคในสภาคองเกรสสำหรับร่างกฎหมายดังกล่าว

ข้อเสนอดังกล่าวถูกคาดว่าจะประกอบไปด้วย
- การเพิ่มเช็คกระตุ้นเศรษฐกิจที่จ่ายตรงให้แก่ชาวอเมริกาที่ปัจจุบันมีวงเงิน 600 เหรียญ
- การขยายประกันคนว่างงานมากขึ้น
- การสนับสนุนหน่วยงานและรัฐบาลท้องถิ่น

นายมาคร์ รูบิโอ หนึ่งในสมาชิกวุฒิสภาจากพรรครีพับลิกัน แสดงความคิดว่า เขาจะพึงพอใจกับเช็คกระตุ้นเศรษฐกิจที่วงเงิน 2,000 เหรียญ และจะมีการหารือกับพรรคสมาชิกเดโมแครตเพิ่ม


· ไบเดนเล็งกลับเข้าข้อตกลงภูมิอากาศ ที่อาจสร้างแรงกดดันต่อจีนที่กำลังขยายโครงการโครงการสร้างพื้นฐานครั้งใหญ่

สหรัฐฯจะกดดันจีน จากการที่นายไบเดน กล่าวว่า จะพาสหรัฐฯกลับเข้าสู่ข้อตกลงด้านภูมิอากาศของฝรั่งเศส เพื่อแก้ไขปัญหาภาวะโลกร้อนฉบับปี 2015 ที่มีประเทศสมาชิกรวมกว่า 200 แห่งภายใต้ข้อตกลงนี้ รวมทั้งจีนด้วย

แต่นายทรัมป์ถอนชื่อสหรัฐฯออกจากข้อตกลงไปเมื่อวันที่ 4 พ.ย. ปีที่แล้ว

อย่างไรก็ดี หลายๆฝ่ายเชื่อว่า การกลับเข้าสู่ข้อตกลงของนายไบเดนจะยิ่งกดดันจีน เนื่องจากนายไบเดนมีการวิจารณ์การใช้พลังงานฟอสซิลทั่วโลกว่าเป็นมลพิษในโครงการเชื่อมต่อเส้นทางสายไหม The Belt and Road Initiative


· จีนเรียกร้องสหรัฐฯและนานาประเทศ เลิกดำเนินการกระทำที่ผิดในการแบนการนำเข้าผลิตภัณฑ์จากมณฑลซินเจียง


· บริษัทสัญชาติยุโรปในประเทศจีนเตรียมพร้อมรับมือกับสิ่งเลวร้ายที่สุด จากการแยกข้อมูลดิจิทัลของทั้งสองประเทศ


· ยอดส่งออกจีนโตขึ้นเกินคาด และยอดนำเข้าก็ปรับขึ้นด้วยในเดือนธ.ค.

ยอดส่งออออกจีนดีขึ้นเกินคาดท่ามกลางความต้องการสินค้าที่เพิ่มขึ้น แม้ว่าหยวนจะอยู่ในทิศทางแข็งค่าและมีผลต่อมูลค่าสินค้าของผู้ซื้อต่างชาติ ขณะที่ยอดนำเข้าปรับขึ้นอย่างรวดเร็วเกินคาด

ยอดส่งออกในเดือนธ.ค. โตได้ 18.1% เมื่อเทียบรายปี แต่ชะลอตัวลงจากเดือนพ.ย.ที่อยู่ที่ระดับ 21.1%

ยอดนำเข้าสินค้าเพิ่มขึ้น 6.5% เมื่อเทียบรายปี สูงกว่าที่คาดการณ์ และข้อมูลในเดือนพ.ย. ที่อยู่ที่ 4.5%


· ยอดคำสั่งซื้อเครื่องจักรในจีนเพิ่ม แต่การประกาศภาวะฉุกเฉินสู้ Covid-19 ดูเป็นผลลบต่อแนวโน้ม


· น้ำมันดิบปรับลงต่อจากกังวลลไวรัส แม้สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐฯจะปรับตัวลงต่อเนื่อง 5 สัปดาห์

น้ำมันดิบ Brent ปรับลง 18 เซนต์ หรือ -0.3% ที่ 55.88 เหรียญ/บาร์เรล
น้ำมันดิบ WTI ปรับลง 11 เซนต์ หรือ -0.2% แถว 52.80 เหรียญ/บาร์เรล


· สหรัฐฯคงท่าทีเคียงข้างไต้หวัน แม้ล่าสุดยกเลิกการเดินทางเยือนประเทศก่อนพิธีสาบานตนของไบเดน


Related
บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com