• สรุปข่าวเศรษฐกิจ (ภาคค่ำ) ประจำวันที่ 13 มกราคม 2564

    13 มกราคม 2564 | Economic News
  

·         ดอลลาร์อ่อนตัว – อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯปรับลง

 

ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลง โดยดัชนีดอลลาร์ทรงตัวที่ 90.004 จุด หลังจากที่ร่วงลงไปกว่า 0.5% วานนี้ แต่ภาพรวมยังยืนได้เหนือต่ำสุดรอบเกือบ 3 ปี ซึ่งดอลลาร์ได้รับแรงกดดันจาก
- การร่วงลงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ โดยวันนี้ร่วงลงอีก 0.06
% จากสูงสุดที่เคยทำไว้เมื่อวานนี้กว่า 1.18%

- กลุ่มนักลงทุนมีท่าทีระมัดระวังมากขึ้นว่าอาจเห็นการกลับมาอ่อนค่าของดอลลาร์ได้อีกครั้ง

 

ยูโร-ปอนด์ ได้รับอานิสงส์จาก ธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ลดมุมมองการใช้อัตราดอกเบี้ยติดลบ  
- ค่าเงินยูโรในวันนี้แข็งค่ามากสุดในรอกว่า 1 เดือน และทรงตัวแนว 1.2214 ดอลลาร์/ยูโร

- ค่าเงินปอนด์วันนี้ทำระดับแข็งค่ามากสุดในช่วงต้นตลาดเอเชียที่ 1.3693 ดอลลาร์/ปอนด์

 

ค่าเงินนิวซีแลนด์ดอลลาร์ และออสเตรเลียดอลลาร์ ปรับอ่อนค่าลงจากระดับแข็งค่าหลังลงไปทำต่ำสุดรอบ 1 สัปดาห์
- ค่าเงินออสเตรเลียดอลลาร์แข็งค่ามาทรงตัวแนว 0.7758 ออสเตรเลียดอลลาร์
- ค่าเงินกีวีของนิวซีแลนด์ ปรับแข็งค่ากว่า 72 เซนต์ มาแถว 0.7220 กีวี/ดอลลาร์

 

แรงขายในอัตราผลตอบแทนพันธบัตรหนุนให้ค่าเงินเยนแข็งค่าขึ้น 103.66 เยน/ดอลลาร์ในตลาดเอเชีย หลังจากวันก่อนอ่อนค่าไปเหนือ 104 เยน/ดอลลาร์

 

GREAT EXPECTATIONS

กลุ่มนักลงทุนมีการคาดการณ์ถึง “การจะเห็นการกู้ยืมที่เพิ่มมากขึ้นครั้งใหญ่ของรัฐบาลสหรัฐฯ เพื่อนำมากระตุ้นค่าใช้จ่ายและสิ่งนี้อาจช่วยให้อัตราดอกเบี้ยปรับขึ้นได้ และทำให้ดอลลาร์กลับมาแข็งค่าได้

สัญญาณที่ผสมผสานกันจากสมาชิกเฟดเกี่ยวกับระยะเวลาในการใช้นโยบายที่ยังเป็นไปในเชิงการผ่อนคลายทางการเงิน ดูจะเป็นตัวกดดันอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล

นายอีริค โรเซ็นเกร็น ประธานเฟดสาขาบอสตัน และ นางเอสเธอร์ จอร์จ ประธานเฟดสาขาแคนซัสซิตี้  “มีความกังวลเกี่ยวกับทิศทางเงินเฟ้อ ขณะที่สมาชิกเฟดอีกหลายรายมีกำหนดการกล่าวถ้อยแถลงในสัปดาห์นี้

ค่าเงินดอลลาร์รอคอยการประกาศข้อมูลเงินเฟ้อสหรัฐฯ หรือ ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ในช่วงเวลาประมาณ 20.30น. ตามเวลาไทย

นอกจากนี้ ในค่ำคืนนี้จะมีการกล่าวถ้อยแถลงเพิ่มเติมของสมาชิกเฟด คือ “นายเจมส์ บุลลาร์ด” ประธานเฟดสาขาเซนต์หลุยส์ เรื่องแนวทางการดำเนินนโยบายการเงินในช่วงเวลาประมาณ 02.30น. ตามเวลาไทย

ขณะที่ นางลาเอล เบรนาร์ด หนึ่งในสมาชิกบอร์ดบริหารของเฟด และ นายริชาร์ด แคลริดา รองประธานเฟดก็มีกำหนดการจะกล่าวถ้อยแถลงในคืนนี้ด้วยเช่นกัน

อย่างไรก็ดี ในคืนนี้จะมีรายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจโดยรวมหรือ Beige Book ของเฟด ที่จะเป็นตัวบ่งชี้ทิศทางเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในช่วงเวลาประมาณ 02.00น. ตามเวลาไทย

สำหรับถ้อยแถลงของ “นายเจอโรม โพเวลล์” ประธานเฟด มีกำหนดการจะกล่าวถ้อยแถลงในคืนวันพฤหัสบดี

 

·         BlackRock : อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯอายุ 10 ปี มีโอกาสปรับขึ้นเหนือ 1.50% ภายในสิ้นปีนี้


 

·         CNBC เผยมุมมองนักวิเคราะห์บางรายมองว่า แม้จะเห็นการเพิ่มขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ กว่า 7.9 พันล้านเหรียญ แต่กลุ่มผู้จัดการด้านการเงินเชื่อว่าเงินเฟ้อก็จะกลับมาสร้างความกังวลจากการปรับขึ้นเกินต้าน

 

·         นักวิเคราะห์จาก RBC Capital Markets – ยูโรอาจแตะ 1.16 – 1.17 ดอลลาร์/ยูโร ภายในช่วงสิ้นปีนี้  


·         Market Preview: ตลาดรอนัยยะจากถ้อยแถลงของเฟด และ CPI เดือนธ.ค.

 

ข้อมูลเงินเฟ้อของสหรัฐฯที่มีเสถียรภาพมาตลอด 5 เดือน นับตั้งแต่ที่ดัชนีราคาสามารถฟื้นตัวได้หลังเผชิญ Lockdown ช่วงเดือนมี.ค. - เม.ย. ขณะที่ข้อมูลเดือนธ.ค. คาดว่าอาจไม่มีแรงกดดันด้านเงินเฟ้อมากพอที่จะให้อัตราเงินฟเฟ้อกลับไปสูงขึ้นได้เท่าช่วงก่อนการระบาด

 



ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ถูกคาดว่าจะโตได้ 0.4% ในเดือนธ.ค. และเงินเฟ้อรายปีเดือนพ.ย.คาดว่าจะปรับขึ้นได้จาก 0.2% มาที่ 1.2%

 

ดัชนี Core CPI คาดจะปรับขึ้นได้ราว 0.1% หลังจากที่ภาพรวมรายปีน่าจะโตได้ 1.6% ในเดือนพ.ย.

 

ข้อมูลค้าปลีก


ข้อมูลค้าปลีกสามารถฟื้นตัวได้หลังจากที่ร่วงลงไปกว่า -22.9% ในช่วง Lockdown เมื่อเดือนมี.ค. - เม.ย. โดยเพิ่มขึ้นกว่า 29.7% ในเดือนพ.ค. - ก.ย.

โดยการประกาศข้อมูลในสัปดาห์นี้คาดว่าจะเห็นข้อมูลค้าปลีกโตได้ไม่มากนัก เนื่องด้วยการอุปโภคบริโภคอาจไม่สามารถกลับมาได้มากขึ้นเพื่อหนุนกลุ่มค้าปลีกและกลุ่มผู้ผลิต

หนึ่งบทเรียนของวิกฤตทางการเงินในสภาวะถดถอย และการใช้ QE คือไม่มีผลรวมของสภาพคล่องที่จะหนุนให้ราคาการผลิตปรับขึ้นได้มากในขณะที่อุปสงค์ “อ่อนแอ”

 

ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด)

เฟดมีการวางแบบจำลองค่าเฉลี่ยเงินเฟ้อที่จะมีผลต่อแนวทางการปรับนโยบายดอกเบี้ย และภายใต้กรอบการดำเนินนโยบายเงินเฟ้อรอบใหม่ในการอนุญาตให้เงินเฟ้อปรับเหนือ 2% ทำให้สมาชิกเฟดหรือผู้ว่าการเฟดบางรายเริ่มมีความกังวล

 

บทสรุปกับตลาด

ข้อมุลเศรษฐกิจที่ผสมผสานกันระหว่าง “มุมมองเฟดต่องินเฟ้อ” และข้อมูลเงินเฟ้อเป็นประเด็นสำคัญของตลาด แต่ไม่คาดว่าผลของข้อมูลในเดือนนี้จะเป็นที่สนใจต่อตลาดการเงินมากนัก 


·         นักวิจัยชาวบราซิล กล่าวว่า วัคซีน Covid-19 ของบริษัท Sinovac มีประสิทธิภาพเพียง 50% น้อยกว่าที่ประกาศในช่วงแรก

 

สถาบัน Butantan Institute กล่าวว่า ในสัปดาห์ก่อน  Sinovac เผยวัคซีน CoronaVac มีประสิทธิภาพสูงกว่า 78% ในกลุ่มอาสาสมัครที่มีการติดเชื้

 

Wall Street Journal เผย รายงานล่าสุดของสถาบันเมื่อวานนี้ พบว่าภาพรวมประสิทธิภาพของวัคซีนลดลงมาเหลือเพียง 50.4% เท่านั้น เรียกได้ว่า น้อยกว่าวัคซีนจากบริษัท Pfizer-BioNTech และบริษัท Moderna ทีมีประสิทธิภาพสูงกว่า 95% ในการทดลองขั้นสุดท้าย

 

·         ความไม่มั่นใจต่อวัคซีนในฝรั่งเศส หลังการขนส่งเป็นไปอย่างยากลำบากFrance’s


โครงการฉีดวัคซีน Covid-19 ของฝรั่งเศสที่เริ่มต้นช้ากว่าประเทศอื่นๆ ดูจะยิ่งเพิ่มแรงกดดันท่ามกลางสภาวะการระบาดของไวรัสโคโรนาที่เพิ่มจำนวนมากขึ้น ขณะที่สายพันธุ์ใหม่กำลังเข้าคุกคาม ด้วยการระบาดที่รวดเร็วมากขึ้น


นายแอนโธนีย์ บริสแตลล์ ผู้เชี่ยวชาญของสมาคมนักวิทยาศาสตร์สังคมและทางการเมือง ประจำหน่วยงาน PACTE laboratory at Sciences Po Grenoble มองว่า จากการเก็บผลข้อมูลศึกษาความเชื่อมั่นต่อวัคซีน ดูเหมือนจะมีแค่ประชาชนสูงอายุท่านั้นที่เชื่อมั่นมากกว่ากลุ่มวัยหนุ่มสาวในฝรั่งเศส

ขณะที่ผู้หญิงมีแนวโน้มลังเลในเรื่องวัคซีนมากกว่าผู้ชาย

และความกังวลหรือความกลัวทั้งหมดนี้มาจาก”ความเป็นไปได้ของผลข้างเคียงที่จะเกิดขึ้น”

ขณะที่พรรคซ้ายจัดหรือขวาจัดบางส่วนก็ดูมีแนวโน้มจะมีท่าทีไม่เชื่อมั่นต่อวัคซีน ดังนั้น จึงทำให้เกิดการเสียความเชื่อมั่นในภาครัฐบาลตามมา

จะฟื้นความเชื่อมั่นอย่างไร?

นายเฟลมมิง คองราชซอง ผู้เชี่ยชาญด้านสุขภาพจากมหาวิทยาลัยโคเปเฮเกน มีมุมมองว่า สิ่งสำคัญที่จะต้องเกิดขึ้นไม่เพียงแต่เรื่องของ “การสื่อสาร” เท่านั้น แต่ยังหมายรวมถึง “นักการเมือง” และ “ผู้สูงอายุ” หลายคน ดังนั้น ทุกฝ่ายต้องร่วมมือกันเพื่อฟื้นความเชื่อมั่นกลับมา

เพราะไม่เพียงแต่ประชาชนจะกลับมาเชื่อในนายกฯฝรั่งเศส หรือข้าราชการต่างๆ แต่ฝรั่งเศสจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องส่งสารเพื่อให้กลุ่มเพื่อนหรือเจ้านายที่ทำการ เป็นหนึ่งในกระบวนการสื่อสารที่สำคัญเวลานี้ 


·         ญี่ปุ่นประกาศภาวะฉุกเฉินเพิ่มเพื่อจำกัดผลกระทบทางเศรษฐกิจ  โดยล่าสุดประกาศภาวะฉุกเฉินในเมืองใหญ่อย่าง โตเกียว, ไซตามะ, ชิบะ และคานากาวะ จนถึง 7 ก.พ.


 

·         มิจฉาชีพอ้างขายวัคซีน Covid-19 ในตลาดมืดด้วยราคาสุงถึง 1,000 เหรียญ ของมูลค่า Bitcoin

 

 

·         Jim Cramer นักข่าวชื่อดังของ CNBC ระบุว่า ข้อมูลจ้างงานในเดือนพ.ย. จะเป็นตัวเร่งการเพิ่มเช็คกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่

 

·         YouTube ตั้งข้อสงสัยช่องของนาย “ทรัมป์” ที่อาจเป็นการชักจูงความรุนแรงนำไปสู่การก่อจลาลจเมื่อไม่นานนี้  

 

·         ไบเดนเผยแผนจัดตั้งหัวหน้าหน่วยงานชั่วคราวระหว่างการเข้าพิธีสาบานตนรับตำแหน่ง  

 

·         สมาชิกพรรครีพับลิกันบางราย – สมาชิกพรรคเดโมแครตในสภาผู้แทนราษฎร เดินห้าลงมติ “ฟ้องร้องนายทรัมป์” ในวันนี้ สำหรับข้อกล่าวหาในการแทรกแซงและปลุกปั่นให้เกิดการจลาจลในรัฐสภา

 

 

·         ราคาน้ำมันดิบปรับตัวขึ้นกว่า 1% หลังจากที่สต็อกน้ำมันดิบมีคาดการณ์จะปรับตัวลดลง

 

ราคาน้ำมันดิบวันนี้ปรับขึ้นได้ราว 1% จากสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐฯที่ปรับขึ้นตลอดช่วง 7 วันทำการ หลังจากที่ข้อมูลของภาคอุตสาหกรรมสะท้อนว่ามีแนวโน้มจะเห็นสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐฯปรับลดลงกว่าคาดการณ์ จึงชดเชยมุมมองสถานการณ์ที่เลวร้ายในสภาวะการระบาด

น้ำมันดิบ WTI ปรับขึ้น 67 เซนต์ หรือ +1.3% แถว 53.88 เหรียญ/บาร์เรล หลังจากที่พุ่งขึ้นเกือบ 2% ในการปิดตลาดวานนี้

น้ำมันดิบ Brent ปิดปรับขึ้น 79 เซนต์ หรือ +1.4% ที่ระดับ 57.37 เหรียญ/บาร์เรล หลังปิด +1.7% วานนี้  

สัญญาน้ำมันดิบทั้ง 2 ชนิดปรับขึ้นทำสูงสุดได้นับตั้งแต่เดือนก.พ. ก่อนที่การระบาดของไวรัสโคโรนาที่มีจุดเริ่มต้นจากจีนจะบุกเข้าระบาดในหลายๆประเทศทั่วดลก และประชาชนจำนวนมหาศาลต้องเข้าสู่สภาวะ Lockdown เพื่อจำกัดการระบาดที่ส่งผลให้มียอดเสียชีวิตและติดเชื้อเป็นจำนวนมากสำหรับ Second Wave ครั้งนี้ 

Related
บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com