การกลายพันธุ์ของไวรัสไม่ใช่เรื่องแปลก ดังนั้น การระบาดของไวรัส Covid-19 ที่เกิดขึ้นช่วงปลายปี 2019 ที่อุบัติขึ้นในจีนจึงมีการเปลี่ยนแปลงหลากหลายสายพันธุ์ที่อาจส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญมากขึ้นได้
สายพันธุ์ใหม่ส่วนใหญ่ที่พบในเวลานี้ คือ ในประเทศแอฟริกาใต้และอังกฤษ ที่ทำให้เกิดความวิตกกังวลเกี่ยวกับประสิทธิภาพของวัคซีนในเวลานี้ รวมทั้งข้อสงสัยเกี่ยวกับการระบาดของสายพันธุ์ใหม่ในสหรัฐฯ ท่ามกลางทำเนียบขาวที่ออกโรงเตือนในช่วงปีใหม่ ว่าประเทศอาจเผชิญกับสายพันธุ์ใหม่ได้ และอาจยิ่งระบาดหนักขึ้นในสหรัฐฯได้เช่นกัน
วันอาทิตย์ที่ผ่านมาล่าสุดสถาบันโรคติดต่อญี่ปุ่น เผยการพบเชื้อไวรัสสายพันธุ์ใหม่ที่มาพร้อมกับนักท่องเที่ยวที่มาจากประเทศบราซิลจำนวน 4 ราย
สิ่งที่นักเศรษฐศาสตร์มีความวิตกกังวลในเวลานี้ คือ การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของ Spike Protein หรือโปรตีนหนามของเชื้อไวรัสที่สัมพันธ์กับตัวรับและการเข้าถึงเซลล์ภายในร่างกาย
อย่างไรก็ดี การระบาดของไวรัส อาจไม่เพียงแต่ทำให้เกิดการระบาดมากยิ่งขึ้น แต่ยังอาจมีผลให้วัคซีนมีประสิทธิภาพลดน้อยลงจากการกลายพันธุ์ของพวกมัน

สายพันธุ์ใหม่ในอังกฤษ ‘UK variant’
- 14 ธ.ค. กระทรวงสาธารณสุขอังกฤษรายงานการพบอย่างเป็นทางการต่อ WHO
- สายพันธุ์ใหม่รู้จักในนาม VOC 202012/01 (ปี 2020, เดือน 12, รหัสสายพันธุ์ 01)
- สถานที่พบสายพันธุ์ใหม่ในกระเทศอังกฤษที่แรก คือ เมือง Kent ที่อยู่ทางตะวันออกเฉียงใน้ของประเทศ
- จากนั้นเกิดการระบาดอย่าง “รวดเร็ว” ไปยังกรุงลอนดอนของประเทศ และทั่วภูมิภาค
- การระบาดอาจเร็วมากขึ้นกว่า 70% เมื่อเทียบกับสายพันธุ์เก่า
การระบาดในอังกฤษพบว่ายอดติดเชื้อรายวันพุ่งสูงเกินต้านทะลุ 50,000 รายวัน นับตั้งแต่ 28 ธ.ค.
WHO ระบุว่า ต้นกำเนิด SARS-CoV-2 VOC 202012/01 ยังมีความไม่ชัดเจน
นักวิทยาศาสตร์ พิจารณาว่า การระบาดที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ส่วนหนึ่งมาจากผู้ที่มีระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ ประกอบกับการระบาดที่มีระยะเวลายาวนานส่งผลให้เกิดโอกาสที่ทำให้ไวรัสกลายพันธุ์และทำให้แพร่ระบาดได้รวดเร็วขึ้น
สายพันธุ์ใหม่ในแอฟริกาใต้ ‘South Africa variant’
- 18 ธ.ค. พบการติดเชื้อด้วยอัตราที่รวดเร็วมากยิ่งขึ้นในประเทศแถบแอฟริกาใต้ ทั้งทางตะวันออกและตะวันตกของเมืองเคป (Eastern Cape and Western Cape) รวมไปถึง KwaZulu-Natal
- สายพันธุ์ในประเทศแอฟริกาถูกเรียกว่า 501Y.V2 เนื่องจากมีการกลายพันธุ์มาจาก N501Y
- พบสายพันธุ์นี้ระบาดในประเทศอังกฤษด้วย
- สายพันธุ์นี้ ทำให้เกิดความวิตกกังวลว่า “วัคซีนอาจเอาไม่อยู่”
นักวิทยาศาสตร์ส่วนใหญ่ คาดหวังถึงวัคซีน แม้ว่าการกลายพันธุ์ และการฉีดวัคซีนอาจมีการปรับตัวรับกับสายพันธุ์ใหม่ของไวรัส คล้ายโรคไข้หวัดได้
สายพันธุ์ใหม่ในเดนมาร์ก ‘Denmark mink variant’
ไวรัสโคโรนาอีกหนึ่งสายพันธ์ที่เกิดการระบาดขึ้นในเดนมาร์กตั้งแต่ช่วงฤดูร้อน หรือราว มิ.ย. - ก.ย. ปีที่แล้ว ที่ถูกพบการระบาดในกลุ่มของฟาร์มเลี้ยงมิงก์
- มิ.ย. ปีที่แล้วมีผู้เสียชีวิตในเดนมาร์กพบผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ที่มาจากฟาร์มมิงก์ส่วนใหญ่มากถึง 214 ราย
- สายพันธุ์ใหม่นี้ มีจุดเริ่มต้นมาจากการพบผู้ติดเชื้อทาง North Jutland ในประเทศเดนมาร์ก โดยเริ่มต้นจากฟาร์มมิงก์ และระบาดจากคนสู่คน
WHO ระบุถึงสายพันธุ์นี้ว่า “Cluster 5” ที่ค่อนข้างน่ากังวล เพราะพบว่าผู้ป่วยจะไม่ตอบสนองต่อวิธีการรักษาด้วยแอนตีบอดี้ หรือเมื่อเทียบเท่ากับสายพันธุ์อื่นๆ รวมทั้งอาจทำให้มนุษย์ลดค่ากลางในมนุษย์ หรือการลดการขยายภูมิคุ้มกันหลังจากติดเชื้อตามธรรมชาติ หรือการได้รับวัคซีน
อย่างไรก็ดี ศูนย์กลางการควบคุมโรคระบาดและโรคติดต่อของสหภาพยุโร และ WHO ระบุว่า นับว่ายังเป็นโชคดีอยู่บ้างที่ยังไม่ปรากฏว่ามีการระบาดด้วยสายพันธุ์จำนวนนี้มากขึ้น ขณะที่รัฐบาลประเทศเดนมาร์กดำเนินการได้ค่อนข้างรวดเร็ว ด้วยการสั่งสังหารมิงก์กว่า 17 ล้านตัวในฟาร์มมิงก์
สายพันธุ์ใหม่ในประเทศจีน ‘Early mutation in China’
- “D614G” เป็นสายพันธุ์ใหม่ที่กลายพันธุ์มาจาก SARS-CoV-2 ที่ถูกพบในประเทศจีนเมื่อช่วงเดือนมิ.ย. ปี 2020 ก่อนจะกลายมาเป็นการระบาดทีเกิดขึ้นทั่วทุกมุมโลก
- WHO ระบุว่า “D614G” เป็นสายพันธุ์ใหม่ที่ปรากฎรในช่วงแรกของการระบาดในประเทศจีน ก่อนที่จะถูกประกาศเป็น Global Pandemic หรือการระบาดระดับโลกในเดือนมี.ค. ปี 2020
- “D614G” เริ่มถูกพบว่ามีการระบาดตั้งแต่ช่วงลปายเดือนม.ค. หรือช่วงต้นก.พ. ปี 2020
- จากการศึกษาระบบทางเดินหายใจของมนุษย์ และรูปแบบการจำลอง สะท้อนให้เห็นว่าเมื่อเทียบกับสายพันธุ์ดังเดิม “D614G” สามารถติดต่อและแพร่เชื้อได้เพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่งเมื่อเทียบกับสายพันธุ์ดั้งเดิม
- ไม่พบว่าเป็นสาเหตุที่ทำให้อาการป่วยรุนแรงขึ้น หรือก่อให้เกิดโรคแทรกซ้อน รวมทั้งกระบวนการรักษาหรือวัคซีน รวมทั้งการใช้มาตรการการป้องกันต่างๆของสาธารณสุข
ไม่มีใครควรถูก “ตำหนิ”
ไม่ว่าจะสายพันธุ์ใหม่ที่ถูกพบในประเทศ “อังกฤษ” หรือ “เดนมาร์ก” ผู้เชี่ยวชาญส่วนใหญ่ก็ระบุเป็นเสียงเดียวกันว่า สิ่งสำคัญคือต้องทราบว่าต้นกำหนดของไวรัสอย่างนี้เกิดจากอะไร ดังนั้น ประเทศต่างๆที่พบการกลายพันธุ์ของไวรัสจึงไม่ควรถูกตำหนิถึงสายพันธุ์ที่แตกต่างกัน
กรณีเดียวกันกับที่ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ มีการวิจารณ์และเรียก Covid-19 ว่าเป็น “ไวรัสจีน” เนื่องจากพบการระบาดต้นกำเนิดจากเมืองอู่ฮั่นในประเทศจีน
แต่ทั้งนี้ พวกเราก็ยังไม่มีใครทราบว่าต้นกำเนิดจริงๆมาจากที่ใด และขณะนี้ทีมผู้เชี่ยวชาญจาก WHO ก็กำลังเดินทางไปยังประเทศจีนในสัปดาห์นี้
นักวิทยาศาสตร์ส่วนใหญ่ เชื่อว่า การระบาดของไวรัสโคโรนาเป็นการระบาดจากสัตว์สู่มนุษย์ และเชื่อว่าความเป็นไปได้นั้นอาจมาจาก “ค้างคาว”
หลายๆประเทศที่ถูกพบถึงสายพันธุ์ใหม่ ไม่ว่าจะเป็นในประเทศเดนมาร์กหรือแอฟริกาใต้ ที่ปัจจุบันอยู่ระหว่างการเฝ้าระวังและตรวจพันธุกรรมสายพันธุ์เพื่อสืบค้นถึงการกลายพันธ์ ท่ามกลาง WHO และองค์กรสำคัญต่างๆ อาทิ ศูนย์ควบคุมโรคระบาดและโรคติดต่อของสหรัฐฯ หรือแม้แต่หน่วยงาน ECDC ของยุโรป ที่มีการส่งข้อมูลคืบหน้าให้แก่นักวิทยาศาสตร์ส่วนใหญ่ทั่วโลกเพื่อเก็บข้อมูลสายพันธุ์หลักต่างๆทั่วโลก
ที่มา: CNBC