MTS Help Center

ข้อตกลงการค้าของจีนกับอียูดูจะเพิ่ม 3 ความกังวลใหม่ให้กับยุโรป

ข้อตกลงการค้าฉบับใหม่ระหว่างอียูกับจีนอาจสร้างความล้มเหลวเหมือนในอดีตหลังจากที่ภาพรวมดูเหมือนข้อตกลงจะเพิ่มความน่ากังวล 3 เรื่องใหญ่  และหลังจากการเจรจามาอย่างยาวนาน 7 ปี คณะกรรมาธิการยุโรปก็ดูจะทำข้อตกลงกับจีนได้เมื่อวันที่ 30 ธ.ค. ที่ผ่านมา โดยตลาดกังวลว่า

 

1) มีอะไรในข้อตกลงบ้าง?

ค่อนข้างเป็นระยะเวลานานที่อียูทำข้อตกลงด้านการลงทุนกับต่างประเทศเพื่อให้เกิดความยุติธรรมแก่บริษัทยุโรป และเพื่อให้ทันการแข่งขันกับบริษัทในจีน

 

หัวหน้าฝ่ายการค้าของอียู กล่าวในสัปดาห์ที่แล้วว่า วัตถุประสงค์หลักของข้อตกลงคือเรื่อง "ความไม่แเท่าเทียมกันในด้านเศรษฐกิจของความสัมพันธ์ที่มี"

 

ผลที่ตามมาของข้อตกลงการค้าระบุว่า จีนจะไม่ใช้เวลานานเกินไปเพื่อจำกัดการเข้าถึงหรือแนะนำกฎใหม่ต่อภาคการผลิตและการบริการบางส่วนด้วย และข้อตกลงนี้ "จะเป็นเรื่องที่ง่ายมากขึ้นต่อบริษัทยุโรป" ให้ได้รับสิทธิในการอนุมัติจากเจ้าหน้าที่ของจีน

 

2) ความจำเป็นต้องร่วมมือกัน

รัฐสภายุโรปมีการประณามรัฐบาลจีนอย่างแข็งกร้าวในเรื่องการบังคับใช้แรงงานและการหาประโยชน์จากกลุ่มอุยกูร์, ชาวคาซัค และคีร์กีซ รวมทั้งชนกลุ่มน้อยอื่นๆ ในโรงงานและนอกค่ากักกันของเมืองซินเจียง

 

ทั้งนี้ บรรดานักกฎหมายของยุโรปค่อนข้างมีความชัดเจนในเรื่องสิทธิมนุษยชนและมองว่า "ข้อตกลงการลงทุน" ไม่ควรมีหากจีนยังไม่ตอบโจทย์เรื่องเงื่อนไขตลาดแรงงานได้ ขณะที่รัฐบาลปฏิเสธซ้ำถึงการเข้าใจผิดเรื่องกลุ่มอุยกูร์

 

3) สิ่งที่เกี่ยวข้องกับสหรัฐฯ

ข้อตกลงที่เพิ่งถูกประกาศออกมา เกิดขึ้นก่อนที่นายโจ ไบเดน ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯจะเข้ารับตำแหน่งอย่างเป็นทางการ และนักกฎหมายบางคนก็มีความกังวลว่าสิ่งที่เกิดขึ้นก่อน  "อาจไม่ใช่สิ่งที่ดีที่สุด" ในการสานสัมพันธ์กับทีมบริหารชุดใหม่ของสหรัฐฯ ซึ่งต้องไม่ลืมว่า ความสำคัญทั้งหมดอียูไม่ต้องการเป็นเครื่องมือของข้อพิพาทระหว่าง "สหรัฐฯและจีน"

 

นายเจค ซัลลิแวน ผู้ถูกเลือกมารับหน้าที่ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงของนายไบเดน  เมื่อไม่กี่วันก่อนเกิดข้อตกลงก็มีการประกาศว่าเป็นกังวลต่อยุโรปเกี่ยวกับการดำเนินนโยบายทางเศรษฐกิจของจีน

 

อย่างไรก็ดี ยังไม่มีใครเห็นข้อตกลงกับทางจีน สิ่งนี้จึงสะท้อนให้เห็นแค่เพียงว่าอียูสามารถเข้าถึงข้อตกลงหลักๆได้บางส่วน ดังนั้น เรื่องนี้จึงเป็นเรื่องที่ "สำคัญ" ที่จะต้องมีการหารือร่วมกับประเทศคู่ค้าทั้งหมด

 

ที่มา: CNBC