• ดาวโจนส์ปิดขึ้นกว่า 150 จุด ท่ามกลางน้ำมันขึ้น - ตลาดรอผลเลือกตั้งรัฐจอร์เจีย

    6 มกราคม 2564 | SET News
 

ตลาดหุ้นสหรัฐฯปิดปรับตัวสูงขึ้นในวันอังคาร หลังจากที่เผชิญแรงเทขายไปเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา โดยเหล่าเทรดเดอร์กลับมาคาดหวังต่อเรื่องการฟื้นตัวที่แข็งแกร่งของเศรษฐกิจโลก

ตลาดหุ้นดาวโจนส์ปิดปรับขึ้น 167.71 จุด หรือ +0.6% ที่ 30,391.6 จุด

ดัชนี S&P500 ปิดปรับขึ้น 0.7% ที่ 3,726.86 จุด

ดัชนี Nasdaq ปิดสูงขึ้นเกือบ 1% โดยปรับขึ้น 0.95% ที่ระดับ 12,818.96 จุด

ความเชื่อมั่นในตลาดหุ้นได้รับแรงสนับสนุนมาจากข้อมูลการผลิตสหรัฐฯที่แข็งแกร่ง โดยสถาบันจัดการด้านอุปทาน (ISM) เผย ดัชนี PMI ภาคการผลิตที่ออกมาดีขึ้น 60.7 จุดในเดือนธ.ค. ซึ่งเป็นระดับที่สูงที่สุดนับตั้งแต่ส.ค. ปี 2018 และเป็นการปรับขึ้นจากเดือนพ.ย. ที่ระดับ 57.5 จุด

“ทองแดง” ดูจะเป็นสินทรัพย์ที่ชี้นำสัญญาณการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจโลก และมีการปรับขึ้นทำสูงสุดในรอบเกือบ 8 ปี

นักลงทุนกำลังมองหาสัญญาณการเลือกตั้งผู้แทนวุฒิสมาชิกสหรัฐฯ 2 รายในรัฐจอร์เจีย เพราะจะเป็นปัจจัยที่บ่งชี้ว่าพรรคใดจะได้ครองเสียงข้างมากในวุฒิสภา

นักลงทุนหลายรายก็มีความกังวลว่าการเพิ่มภาษีและการดำเนินนโยบายอื่นๆของพรรคเดโมแครตจะเป็นตัวกดดันตลาดหากว่าเสียงข้างมากในวุฒิสภาเป็นของพรรคเดโมแครตได้

อย่างไรก็ดี ผลลัพธ์ดังกล่าวก็อาจสร้างโอกาสครั้งใหญ่และรวดเร็วมากยิ่งขึ้นสำหรับการสนับสนุนแพ็คเกจค่าใช้จ่าย

The Sevens Report รายงานว่า ผลการเลือกตั้งรัฐจอร์เจียมีนัยยะสำคัญต่อตลาดหากว่าสมาชิกจากพรรคเดโมแครตทั้งสองรายเป็นฝ่ายเอาชนะได้ และภาพโดยรวมไม่คิดว่าพรรคเดโมแครตจะมีผลในระยะสั้นเนื่องจากตลาดอาจยังมีปัจจัยบวกสนับสนุน แต่การเปลี่ยนแปลงที่ตามมาอาจเป็นเรื่องใหม่และยังไม่สามารถอธิบายถึงความผันผวนที่จะเกิดขึ้นในช่วงต้นตลาดได้


หุ้นสหรัฐฯฟิวเจอร์สเช้านี้เปิดทรงตัว นักลงทุนรอคอยผลเลือกตั้งรัฐจอร์เจีย

ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์สเปิดลง 20 จุด หรือ -0.1% เช่นเดียวกับ S&P500 ฟิวเจอร์สที่ปรับลง 0.1% ขณะที่ Nasdaq 100 ฟิวเจอร์สปรับขึ้นเพียงเล็กน้อย


ศึกเลือกตั้งผู้แทนสมาชิกวุฒิสภา รัฐจอร์เจีย

สมาชิกพรรครีพับลิกัน ได้แก่ “นางเคลลี ลอฟเฟอร์” และ “นายเดวิด เพอร์ดิว”
สมาชิกพรรคเดโมแครต ได้แก่ “นายราฟาเอล วอร์นอค” และ “นายจอน ออสสอฟ”

หากเดโมแครตเอาชนะได้ทั้งคู่ ก็มีโอกาส 50-50 ที่จะเห็นที่นั่งในวุฒิสภานั้นเพิ่มสูงขึ้น หลังจากที่นางคามาลา แฮริส ว่าที่รองประธานาธิบดีแนะให้ใช้วิธีโหวตเพื่อเป็นเกณฑ์ตัดสินการครองเสียงข้างมากในวุฒิสภา

ทั้งนี้ หลายฝ่ายก็ยังกังวลต่อการครองเสียงข้างมากของพรรคเดโมแครตในสภาสูงเพราะอาจส่งผลให้เกิดแรงกดดันตลาด จากแผนผลักดันของพรรคเดโมแครตในเรื่อง
- การขึ้นภาษีบริษัท
- การใช้กฎข้อบังคับที่เข้มงวดมากขึ้น
แต่การครองเสียงข้างมากของพรรคดังกล่าว อาจเป็นผลดีในการเอื้อประโยชน์ในการเพิ่มการกระตุ้นเศรษฐกิจมากขึ้น เพื่อสนับสนุนบริษัทต่างๆที่เผชิญกับความยากลำบากในช่วงวิกฤตไวรัสโคโรนา

นักวิเคราะห์จาก Oppenheimer คาดว่า ดัชนี S&P500 อาจปรับฐานลงมาได้กว่า 10% หากพรรคเดโมแครตชนะการเลือกตั้งครั้งนี้

CIO จาก UBS Global Wealth Management แสดงความเห็นว่า แม้จะมีข้อกฎหมายที่มีความก้าวหน้ามากเป็นพิเศษ แต่ก็ไม่อาจรับประกันได้ว่าชัยชนะการเลือกตั้งจะเป็นของพรรคเดโมแครตครั้งนี้ เพราะชัยชนะที่เกิดขึ้นก็ยังเป็นโอกาสเพียง 50-50 ที่อาจไม่ใช่ทั้งหมดที่เห็นพ้องต่อการผลักดันนโยบายของไบเดนในวุฒิสภาได้ แต่สิ่งที่ควรให้ความสำคัญคือการเลือกตั้งกลางเทอมในปี 2022 ที่จะเป็นตัวบ่งชี้ได้ชัดเจนว่าพรรคของนายไบเดนจะสูญเสียที่นั่งในสภาคองเกรสมากน้อยเพียงใด

พร้อมกันนี้ ยังเชื่อว่าพรรคเดโมแครตมีความกังวลต่อเรื่องดังกล่าว หากพวกเขาเผชิญกับการสูญเสียที่นั่งหลักๆไปทั้งสองสภา


ที่มา: CNBC, Reuters


บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com