นักลงทุนในตลาดบางส่วนเริ่มมีความวิตกกังวลต่อมูลค่าในตลาดหุ้นที่ยังคงทำสูงสุดต่อเนื่อง และเฟดดูจะยังไม่แสดงความกังวลในเรื่องฟองสบู่ ตลาดจึงอาจยังไม่ตอบรับกับสภาวะกังวล
หัวหน้านักกลยุทธ์จาก Prudential Financial กล่าวว่า หากตลาดคาดหวังว่าเฟดจะแก้ไขปัญหาได้ทั้งหมด สิ่งหนึ่งที่จะกลายเป็นปัญหาสำหรับเฟดก็คือ “เงินเฟ้อปรับสูงขึ้นมากเกินไป” และจะกลายเป็นสิ่งที่ตลาดตั้งคำถามตามมา
ค่อนข้างเป็นที่แน่ชัดว่า นักลงทุนมีการตอบรับกับภาวะความกังวลของเงินเฟ้อ ประกอบกับผลเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภาสหรัฐฯจากรัฐจอร์เจีย ที่หากเดโมแครตสามารถคว้าชัยได้ครั้งใหญ่ก็อาจสร้างความน่ากังวลต่อตลาดครั้งใหญ่ เพราะ 2 ตัวแทนจากรัฐนี้จะเป็นตัวตัดสินว่าใครจะสามารถครองเสียงข้างมากในวุฒิสภาสหรัฐฯได้
ขณะเดียวกันก็ยังคงมีสถานการณ์น่าหวั่นวิตกเกี่ยวกับการระบาดของไวรัสโคโรนา และความล่าช้าในการกระจายวัคซีนที่อาจทำให้หลายๆสถาบันทำการ Shutdown เพิ่มเติมได้ และนี่จะเป็นผลกระทบเชิงลบเหมือนที่เคยเกิดขึ้นในช่วงไตรมาสที่2 ของปีที่แล้ว
อย่างไรก็ดี ตลาดหุ้นสหรัฐฯค่อนข้างผันผวนมากในช่วงเริ่มต้นปีใหม่ และคาดว่าอาจมีการปรับขึ้นได้มากกว่า 2 เท่าใน 3 ดัชนีหลักของตลาดหุ้นสหรัฐฯ
อย่างไรก็ดี การพิจารณาถึงความสัมพันธ์ระหว่างเฟดกับตลาดการเงิน มักจะเป็นผลจากภัยคุกคามต่อประสิทธิภาพในการดำเนินนโยบายการเงิน หรือสัญญาณบ่งชี้ที่จะเห็นเฟดขึ้นดอกเบี้ย
ซึ่งประเด็นนี้ การเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วของเงินเฟ้อที่อาจสูงกว่าคาดการณ์ของเฟด “จะกลายเป็นภัยร้ายแรงครั้งใหญ่” แม้ว่า ณ เวลานี้ ตลาดจะคลายแรงกดดันลงไปในปีนี้
แต่สภาวะดังกล่าวอาจจะเป็นผลดีต่อ “สินค้าโภคภัณฑ์” ให้เกิดการซื้อขายได้ดีหรือมีการปรับขึ้นในอัตราส่วนทางการเงินที่เทียบกันระหว่าง Price/Earning Per Share (P/E) จากความเสี่ยงที่ว่า หากเงินเฟ้อนั้นแกร่งกว่าที่คาดหวังไว้
ราคา “ทองคำ”, ทองแดง และซิลเวอร์ ที่ปรับตัวสูงขึ้นเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา เป็นกลุ่มสินทรัพย์ที่ตอบรับกับเงินเฟ้อได้ค่อนข้างดี แต่สินค้าโภคภัณฑ์บางตัวอาจไม่สดใสนัก อาทิ น้ำมันที่ปรับตัวลงไปราว 1.4% ควบคู่กับตลาดหุ้นที่ดูจะค่อนข้างสดใสอย่างมาก
เมื่อคืนนี้ นายชาร์ล อีวานส์ ประธานเฟดสาขาชิคาโก ยังตอกย้ำถึงการเพิ่มขึ้นของเงินเฟ้อ และกล่าวถึงการใช้นโยบายผ่อนคลายทางการเงินฉบับพิเศษต่อไปในอนาคต แต่การจะให้เงินเฟ้อบรรลุเป้าหมาย 2% ก็อาจใช้เวลานาน และการใช้เครื่องมือและการจัดการด้านความเสี่ยงของเฟด ก็ดูจะสะท้อนถึงการที่เฟดยังมีท่าทีผ่อนคลายทางการเงินต่อไป
ความกังวลเกี่ยวกับการเพิมขึ้นของเงินเฟ้อดูจะลดลงหลังจากที่ลงไปทำต่ำสุดนับตั้งแต่มี.ค. ขณะที่ข้อมูลเงินเฟ้อในอดีตจะเห็นว่าส่งผลให้ตลาดหุ้นเผชิญภาวะฟองสบูได้ และระงับการปรับขึ้นของตลาดตั้งแต่เริ่มในเดือนมี.ค. ปี 2009
ตลาดหุ้นกว่า 22 ครั้ง มีผลประกอบการเฉลี่ยสูงกว่าในช่วง 5 ปี เป็นจำนวน 17.4 ครั้ง และเมื่อเทียบกับช่วง 10 ปี จะพบว่ามีจำวน 15.7 ครั้ง ซึ่งทั้งหมดเป็นการวัดจากค่า P/E Ratio ที่อยู่ราว 33.6 จุด หรือเป็นสองเท่าของค่าเฉลี่ยระยะยาว และสูงกว่าตลาดที่เผชิญปัญหาเงินสด Black Tuesday ในช่วงยุค Great Depression
ภาพรวมสมาชิกเฟดยังคาดว่าจะเดินหน้าผ่อนคลายทางการเงินต่อเพื่อหนุนภาวะเศรษฐกิจที่ยังอยู่ในวิกฤต ขณะที่นายเจอโรม โพเวลล์ ประธานเฟด กล่าวหลังจบประชุมในเดือนธ.ค. ที่ผ่านมา โดยยังกังวลต่อเรื่องของมูลค่าตลาด พร้อมแนวคิดที่ว่าการใช้ดอกเบี้ยระดับต่ำจะช่วยให้หลีกเลี่ยงภาวะการผิดนัดชำระหุ้นกู้ได้
หัวหน้านักวิเคราะห์จาก Yardeni Research ระบุว่า ถ้อยแถลงของนายโพเวลล์ บ่งชี้ว่า เฟดมีแนวทางการแก้ไขปัญหาเรื้อรังในภาคธุรกิจที่กำลังแย่ลง ด้วยการใช้อัตราดอกเบี้ยในระดับต่ำ และการให้นักลงทุนยังเข้าถือซื้อพันธบัตรเป็นจำนวนมากได้
นักกลยุทธ์ประจำธนาคารกลางสหรัฐฯหรือเฟด กล่าวว่า ตลาดยังคงตอบรับกับ “การใช้นโยบายผ่อนคลายทางการเงินครั้งประวัติศาสตร์” และอัตราดอกเบี้ยแท้จริงที่อยู่ระดับต่ำ ที่สอดรับกับเงื่อนไขและแนวโน้มทางเศรษฐกิจเชิงลึกเพื่อให้เกิดการฟื้นตัว