• สรุปข่าวเศรษฐกิจ (ภาคค่ำ) ประจำวันที่ 4 มกราคม 2564

    4 มกราคม 2564 | Economic News
  

· Bitcoin พุ่งเหนือ 30,000 เหรียญครั้งแรก หลังจากที่ปี 2020 ปรับพุ่งกว่า 300%

ค่าเงินสกุลดิจิทัลและ Bitcoin พุ่งขึ้นทำสูงสุดประวัติการณ์ไปเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา หลังฉายแววเหนือ 30,000 เหรียญตั้งแต่ช่วงปลายปี โดยเรียกได้ว่าเป็นครั้งแรกทีพุ่งเหนือ 30,000 เหรียญ โดยพบว่าเหล่าเทรดเดอร์และนักลงทุนดูจะให้ความสนใจกับกระแสวิธีการชำระเงินหลักแนวใหม่ด้วยค่าเงินดิจิทัล

เสาร์ที่ผ่านมา Bitcion ทำ High มากสุด 33,099 เหรียญ และยังคงปิดสูงข้ามปีในสัปดาห์ฉรกของปี 2021 โดยล่าสุดปรับขึ้นอีกราว 12% มาแถว 32,883 เหรียญ

ปี 2020 Biticon พุ่งแรงกว่า 300% ถือเป็นการสร้างขาของภาวะขาขึ้นอย่างแข็งแรงกว่า 50% นับตั้งแต่ที่ทะลุ 20,000 เหรียญขึ้นมาในช่วง 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมา

ค่าเงินที่ใช้สกุล Blockchain ดูจะพุ่งทานได้มากสุดรอบเกือบ 10 ปีในปี 2020 เพราะได้รับอานิสงส์หลักจากนักลงทุนสหรัฐฯที่สนใจเรื่องการมองหาสินทรัพย์ป้องกันความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อและวิธีชำระเงินด้วยเช่นกัน

นักลงทุนระบุว่า อุปทานของ Bitcoin ที่ผลิตเป็นบล็อคส์นั้นค่อนข้างจำกัด ซึ่งกำลังมีการค้นหาวิธีเพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว

ขณะเดียวกันนักวิเคราะห์บางส่วนก็มองว่า Bitcoin มีบทบาทเป็นสินทรัพย์ Safe-Haven ในช่วงวิกฤตไวรัส Covid-19 เช่นเดียวกับทองคำนั่นเอง ทั้งหมดนี้ จึงทำให้ Bitcoin ยังมีปัจจัยบวกอยู่


· COVID-19 บทพิสูจน์ความเชื่อมั่นสินทรัพย์เสี่ยง ฉุดดอลลาร์เข้าใกล้ต่ำสุดตั้งแต่ปี 2018

ค่าเงินดอลลาร์ทรงตัวใกล้ระดับอ่อนค่ามากสุดตั้งแต่ช่วงกลางปี 2018 จากความเชื่อมั่นในตลาดโลกส่วนใหญ่ที่เป็นขาขึ้น หนุนนักลงทุนกลับถือครองสินทรัพย์เสี่ยง อาทิ ค่าเงินหยวน แม้ว่าการระบาดของไวรัสโคโรนาจะกลับมาระบาดเพิ่มขึ้นในจีน

การใช้อัตราดอกเบี้ยนโยบายระดับต่ำ, การใช้งบประมาณจำนวนมหาศาลของสหรัฐฯ และยอดดุลการค้าที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก จะเป็นปัจจัยที่ช่วยให้การค้าทั่วโลกกลับมาฟื้นตัวอีกครั้ง จึงได้ขับเคลื่อนให้ค่าเงินคู่ค้าของสหรัฐฯปรับแข็งค่าขึ้น ในขณะที่ดอลลาณ์อ่อนค่าลง

ปี 2020 ดัชนีดอลลาร์ปรับตัวลงเป็นปีแรกนับตั้งแต่ปี 20217 โดยลดลงไปกว่า 13% จากระดับสูงสุดรอบ 3 ปีที่ทำไว้ในช่วงเดือนมี.ค. โดยล่าสุดอ่อนค่าลงมา 0.14% แถว 89.64 จุด ใกล้กับต่ำสุดรอบ 2 ปีครึ่งที่ทำไว้บริเวณ 89.515 จุด

ดัชนี PMI ที่สะท้อนถึงกิจกรรมภาคการผลิตในญี่ปุ่น, เกาหลีใต้ และไต้หวัน ปรับตัวสูงขึ้น และทำให้การผลิตในภูมิภาคดูจะยังฟื้นตัวได้ต่อเนื่องจากผลกระทบเชิงลบของ Covid-19 ในปีที่ผ่านมา




ค่าเงินหยวนปรับแข็งค่ากว่า 0.9% ทำสูงสุดรอบ 30 เดือนที่ 6.4693 หยวน/ดอลลาร์

กิจกรรมภาคการผลิตจีนยังเติบโตได้อย่างรวดเร็วในเดือนธ.ค. แม้ว่า PMI จะแย่กว่าคาดเล็กน้อยที่ 53 จุด

ค่าเงินเยนแข็งค่าขึ้นในฐานะ Safe-Haven อีก 0.4% แตะ 102.9 เยน/ดอลลาร์ และมีโอกาสจะกลับทดสอบระดับสำคัญ 102.55 เยน/ดอลลาร์ ท่ามกลางนายกฯญี่ปุ่นพิจารณาการประกาศภาวะฉุกเฉิน

การอ่อนค่าของดอลลาร์ดูจะช่วยหนุนราคาสินค้าโภคภัณฑ์ และหนุน Bitcoin รวมทั้งค่าเงินต่างๆในตลาดเอเชียให้ปรับตัวสูงขึ้น

ออสเตรเลียดอลลาร์ และนิวซีแลนด์ดอลลาร์ปรับแข็งค่าขึ้น 0.4% ใกล้ต่ำสุดรอบหลายปี

ยูโรอ่อนค่าลงจากแรงขายทำกำไร แต่ก็ยังปรับขึ้นได้ราว 0.4% ที่ 1.2270 ดอลลาร์/ยูโร และนักลงทุนรวมทั้งเทรดเดอร์กำลังรอสัญญาณชี้นำทางเศรษฐกิจรอบใหม่ของภูมิภาค

ค่าเงินปอนด์แข็งเพราะได้รับแรงหนุนจากข้อตกลงการค้าระหว่างอังกฤษกับยุโรป จึงเห็นปอนด์แข็งค่ามาที่ 1.3678 ดอลลาร์/ปอนด์ แข็งค่ามากสุดตั้งแต่ต้นปี 2018

นักลงทุนให้ความสนใจกับการเลือกตั้งผู้แทนวุฒิสภาสหรัฐฯประจำรัฐจอเจียร์ที่จะเป็นตัวกำหนดว่าพรรคใดจะเป็นผู้ครองเสียงข้างมากของวุฒิสภา

รายงานจาก Reuters ระบุว่า Bitcoinทำ สูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 34,800 เหรียญก่อนจะย่อตัวลงมาแถว 32,340 เหรียญ โดยรวมพุ่งขึ้นแล้วกว่า 800% นับตั้งแต่มี.ค. จากนักลงทุนสถาบันที่หันกลับมาซื้อมากขึ้น


· ประธานจาก Operation Warp Speed ระบุว่า โครงการฉีดวัคซีน Covid-19 ของรัฐบาลสหรัฐฯอาจเร่งการใช้งานวัคซีนได้เร็วขึ้นหากกลุ่มเสี่ยงหลักได้รับวัคซีนครึ่งโดสในเข็มแรกเพื่อช่วยกระจายให้วัคซีนใช้งานได้วงกว้างมากขึ้น

นอกจากนี้ หนี่งในวิธีเร่งภูมิคุ้มกันต้าน Covid-19 อาจเป็นการใช้วัคซีนของบริษัท Moderna ให้ได้จำนวน 2 โดสครึ่งในบางรายด้วย และเป็นที่ทราบกันดีว่า การใช้วัคซีนจำนวนครึ่งโดสสำหรับกลุ่มคนอายุ 18 – 55 ปี กับจำนวน 2 โดสครึ่งอาจให้ผลลัพธ์ความสำเร็จได้มากกว่าในการสร้างภูมิต้านทานให้ประชาชนได้มากขึ้นเป็นเท่าตัว เนื่องด้วยร่างกายคนเรามีปฏิกิริยาตอบสนองต่อระบบภูมิกันในปริมาณ 100 ไมโครกรัมต่อโดส


· การเดินทางด้วยสายการบินของสหรัฐฯปรับตัวสูงขึ้นมากสุดเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา นับตั้งแต่มี.ค. ในช่วงเทศกาลปีใหม่ ท่ามกลางการระบาดของไวรัสโคโรนาที่เพิ่มขึ้นเช่นกัน จุดประกายความกังวลมากขึ้นว่าการเดินทางที่มีจำนวนสูงขึ้นจะนำมาซึ่งการติดเชื้อและเสียชีวิตที่สูงขึ้นในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า


· รัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุขอังกฤษ เผย อาจจำเป็นต้องมีการคุมเข้มมากขึ้นเพื่อจำกัดไวรัสโคโรนาที่ยังคงระบาดต่อเนื่องในประเทศ


· นาย โยชิฮิดะ ซูงะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น จะให้รัฐบาลพิจารณาประกาศภาวะฉุกเฉินในพื้นที่โตเกียว จากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาที่เพิ่มขึ้นในโตเกียว และอาจส่งผลกระทบต่อการจัดกิจกรรมากีฬาโอลิมปิกและเพื่อรักษาความเสียหายทางเศรษฐกิจให้เหลือน้อยที่สุด

โดยญี่ปุ่นพบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 4,520 รายในวันที่ 31 ธ.ค. ส่งผลให้เมืองหลวงอย่างกรุงโตเกียวและสามจังหวัดใกล้เคียงถูกประกาศภาวะฉุกเฉินโดยรัฐบาลแห่งชาติ โดยมียอดผู้ป่วยล่าสุด 3,158 รายในวันอาทิตย์ที่ผ่านมา


· เจ้าหน้าที่รัฐบาลสิงค์โปร์ เผย จะทำการพิจารณาคลายข้อจำกัดให้แก่นักท่องเที่ยวที่ได้รับการฉีดวัคซีนแล้ว


· วิกฤต Covid-19 ส่งผลให้เศรษฐกิจสิงคโปร์เข้าสู่ภาวะถดถอยที่เลวร้ายที่สุดเท่าที่เคยมีมาในปี 2020

เศรษฐกิจสิงคโปร์หดตัวลงน้อยกว่าที่คาดไว้ในปี 2020 เนื่องจากมีการเพิ่มกิจกรรมทางเศรษฐกิจในไตรมาสที่ 4/2020 และมาตรการผ่อนคลายข้อจำกัดล็อคดาวน์ที่มากขึ้น

โดยภาพรวมเศรษฐกิจเอเชียตะวันออกเฉียงใต้หดตัวที่ระดับ -5.8% ในปี 2020 เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ซึ่งดีกว่าการคาดการณ์สำหรับการหดตัวต่อปีที่ระดับ -6% ถึง -6.5% ต่อปี

ทั้งนี้ ไตรมาสสุดท้ายหรือไตรมาสที่ 4/2020 เศรษฐกิจสิงคโปร์หดตัวถึง -3.8% เมื่อเทียบกับปี 2019 โดยดีขึ้นจาก -5.6% เมื่อเที่ยบรายปีในช่วงไรมาสที่ 3 ที่ผ่านมา

และเมื่อเทียบรายไตรมาสจะพบว่า ไตรมาสที่ 4 ของปีที่แล้วโตได้เพียง 2.1% เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 3/2020 ที่หดตัวไปมากถึง -9.5%




โดยผลการดำเนินงานของภาคต่างๆในไตรมาสที่ 4/2020 ประกอบด้วย :

-ผลประกอบการอุตสาหกรรมการผลิต เติบโต 3.3% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว โดยการผลิตขยายตัวได้ 9.5% เมื่อเทียบรายปี

-ภาคการก่อสร้างหดตัวมากสุดเป็นประวัติการณ์ในช่วงไตรมาสที่ 4/2020 แต่เมื่อเทียบรายปีออกมาดีกว่าไตรมาสก่อนหน้าแตะ -28.5%

-อุตสาหกรรมภาคบริการหดตัวลงอย่างต่อเนื่องในไตรมาสที่ 4 ที่ระดับ -6.8% เมื่อเที่ยบรายปี

อย่างไรก็ดี ข้อมูล Advance GDP เป็นการประมาณการณ์ข้อมูลเดือน ต.ค. และพ.ย. ของไตรมาสที่ 4/2020 ซึ่งข้อมูลอย่างเป็นทางการรัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์และภาคอุตสาหกรรมจะประกาศอีกครั้งในเดือนก.พ.


· ยอดโควิดวันนี้ ไทยพบผู้ติดเชื้อ 'โควิด-19' เพิ่ม 745 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 1 ราย



ศบค. แถลง "ยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 วันนี้" ไทยพบผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่ม 745 ราย ยอดผู้ป่วยสะสม 8,439 ราย ติดเชื้อภายในประเทศ 729 คน เสียชีวิต เพิ่ม 1 ราย

เมื่อวันที่ 4 ม.ค. 64 นายแพทย์ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 (ศบค.) แถลงสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ประจำวัน ว่า ประเทศไทยพบจำนวน ผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่ม 754 ราย ยอดผู้ป่วยสะสม 8,439 ราย พบผู้เสียชีวิตเพิ่ม 1 ราย รวมยอดผู้เสียชีวิต 65 ราย ผู้ป่วยที่รักษาหายแล้ว 4,352 ราย


· จีนมุ่งบรรลุข้อตกลงการลงทุนกับอียูให้ได้ก่อนไบเดนเข้ารับตำแหน่งอย่างเป็นทางการ สะท้อนถึงความต้องการที่เพิ่มมากขึ้น

รายงานจาก CNBC รายงานว่า คณะกรรมาธิการจีนและอียูมีการประกาศถึงการเจรจาที่ลุล่วงไปด้วยดีภายใต้ข้อตกลง “Comprehensive Agreement on Investment” หรือข้อตกลงภายใต้การลงทุนเพื่อสนับสนุนธุรกิจรายใหญ่ของแต่ละฝ่ายให้สามารถเข้าถึงตลาดอื่นๆได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ข้อตกลงดังกล่าวเกิดขึ้นอย่างเร่งรีบก่อนที่ นายโจ ไบเดน ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯคนใหม่จะกล่าวปฏิญาณตนเพื่อรับตำแหน่งผู้นำต่อจากนายโดนัลด์ ทรัมป์

ภาพรวมมีคาดการณ์ส่วนใหญ่ว่า “ทีมบริหารของนายไบเดนจะใช้วิธีร่วมมือกับชาติพันธมิตร อาทิ อียู เพื่อจัดการด้านความสัมพันธ์กับจีน”

อย่างไรก็ดี โฆษกกระทรวงพาณิชย์จีน ยังแสดงความคาดหวังว่าจีนจะสามารถบรรลุข้อตกลงกับประเทศอื่นๆเพิ่มเติมได้


· จีนไม่เห็นด้วยกับแนวทางการค้าที่นำมาสู่ปัญหาทางการเมืองสหรัฐฯ ทำให้มีการลบรายชื่อบริษัทโทรคมนาคมจีนออกจากกระดานซื้อขาย NYSE


· ทรัมป์ ขวาง สภาคองเกรส เพื่อรับรองชัยชนะของไบเดน

นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ จะเข้าร่วมประท้วง ที่วอชิงตันดีซีในวันที่ 6 ม.ค. ซึ่งเป็นวันที่สภาคองเกรสรับรองผลคะแนนการเลือกตั้งและประกาศชัยชนะให้แก่ นายโจ ไบเดนประธานาธิบดีสหรัฐฯคนใหม่ ซึ่งถือเป็นขั้นตอนสุดท้ายในการประชุมร่วมกันของรัฐสภา


· “เพนซ์” สนับสนุนส.ว.รีพับลิกันเลื่อนการประกาศรับรองชัยชนะ “ไบเดน” และการเลือกตั้งส.ว.ในรัฐจอร์เจีย ขณะที่สมาชิกรายอื่นๆแสดงความเห็นต่าง โดยมีสมาชิกจากวุฒิสภา, สภาผู้แทนราษฎร ร่วมด้วยสมาชิกพรรคเดโมแครตเห็นต่างต่อการสร้างความท้าทายครั้งนี้


· น้ำมันดิบปรับตัวขึ้นทำสูงสุดรอบหลายเดือน ตลาดรอ OPEC+ คาดจำกัดการเพิ่มผลผลิต

ราคาน้ำมันดิบปรับตัวสูงขึ้นทำสูงสุดรอบหลายเดือนในวันนี้จากกระแสคาดการณ์ที่ว่าการประชุม OPEC+ ในวันนี้อาจยังจำกัดการปรับเพิ่มผลผลิตน้ำมันไว้ที่ระดับปัจจุบันในเดือนก.พ. ท่ามกลางการระบาดของไวรัสโคโรนาที่ยังเป็นชนวนเหตุสำคัญที่กดดันอุปสงค์น้ำมันช่วงครึ่งปีแรก

น้ำมันดิบ Brent วันนี้ปรับขึ้นทำสูงสุดตั้งแต่มี.ค. ปี 2020 ที่ระดับ 53.17 เหรียญ/บาร์เรล
น้ำมันดิบ WTI ปรับขึ้นทำสูงสุดที่ 49.71 เหรียญ/บาร์เรล ซึ่งเป็นสูงสุดตั้งแต่ก.พ. ปี 2020

สัญญาน้ำมันดิบ Brent ส่งมอบเดือนมี.ค. ปรับขึ้นราว 1.14 เหรียญ หรือ 2.2% มาแถว 52.94 เหรียญ/บาร์เรล

สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.พ. ปรับขึ้นมาประมาณ 98 เซนต์ หรือ 2% บริเวณ 49.50 เหรียญ/บาร์เรล

Energy Aspects มองว่า แนวโน้มเศรษฐกิจที่เป็นปัจจัยหนุนตลาดในเวลานี้ คือ การอ่อนค่าของค่าเงินดอลลาร์ นักลงทุนมีการเข้าถือครองสถานะน้ำมันเพิ่ม

เลขาธิการ OPEC+ กล่าววานนี้ว่า อุปสงค์น้ำมันดิบถูกคาดว่าจะเพิ่มขึ้นได้ราว 5.9 ล้านบาร์เรล/วัน สู่ระดับ 95.9 ล้านบาร์เรล/วันในปีนี้ โดยสมาชิกอาจเห็นพ้องกันว่ายังมีความเสี่ยงด้านอุปสงค์ปรับตัวลดลงในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2021 ได้


· อิหร่านมีแผนเพิ่มสมรรถนะยูเรเนียมอีกกว่า 20% ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ภายใต้การอำนวยความสะดวกอ้านอาวุธนิวเคลียร์ และถือเป็นแรงกดดันในเรื่องการเพิ่มประสิทธิภาพของอาวุธนิวเคลียร์ และเป็นแรงกดดันมากขึ้นแก่ชาติตะวันตกจากเรื่องของปัญหาข้อตกลงอาวุธนิวเคลียร์ที่ถูกทำลายลง

ความเคลื่อนไหวดังกล่าวของอิหร่านตอกย้ำถึงความตึงเครียดระหว่าง “สหรัฐฯ-อิหร่าน” ที่ดูจะเลวร้ายลงหลังจากที่ทีมบริหารของนายทรัมป์กำลังหมดวาระลง ซึ่งนายทรัมป์เป็นผู้ฉีกสัญญาอาวุธนิวเคลียร์ฉบับปี 2018 ลงไปนั่นเอง·


 
บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com