• สรุปข่าวเศรษฐกิจ (ภาคค่ำ) ประจำวันที่ 30 ธันวาคม 2563

    30 ธันวาคม 2563 | Economic News
  

·         ดอลลาร์อ่อนค่าตลาดเข้าสู่ "ขาลง" เมินการเลื่อนโหวตกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐฯ

ค่าเงินดอลลาร์ปรับอ่อนค่าลงทำต่ำสุดรอบหลายปีเมื่อเทียบกัหลายๆสกุลเงินท่ามกลางเทรดเดอร์ที่จับตาการเลื่อนลงมติเช็คกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐฯ และยังมองถึงแนวโน้มจะเห็นการช่วยเหลือผ่านการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม


ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่ามากสุดในรอบกว่า 2 ปีเมื่อเทียบกับค่าเงินยูโรอออสเตรเลียดอลลาร์ และนิวซีแลนด์ดอลลาร์


ขณะที่เมื่อเทียบกับค่าเงินสวิสฟรังก์จะพบว่าดัชนีดอลลาร์ร่วงลงทำต่ำสุดมากที่สุดในรอบกว่า 
5 ปี และยังอ่อนค่าเมื่อเท่ียบกับค่าเงินในตลาดเอเชีย


นักวิเคราะห์จาก 
BBH มองว่า ทิศทางดอลลาร์ยังอยู่ในแนวโน้มอ่อนค่า ที่คาดว่าจะมีผลต่อในช่วงเข้าสู่ปี 2021 และสิ่งที่จะมีผลกับดอลลาร์ จะขึ้นอยู่ที่ว่า สหรัฐฯสามารถควบคุมการระบาดครั้งใหญ่ของไวรัสในปี 2021 ได้หรือไม่ ควบคู่กับแนวโน้มการกระตุ้นเศรษฐกิจ


ยูโรแข็งค่ามาที่ 
1.2295 ดอลลาร์/ยูโรในตลาดเอเชีย ซึ่งเป็นการแข็งค่ามากสุดตั้งแต่เม.ย. ปี 2018


ปอนด์แข็งค่าแตะ 
1.3543 ดอลลาร์/ปอนด์


ค่าเงินสวิสฟรังก์แตะ 
0.8819 ดอลลาร์สวิสฟรังก์ ซึ่งเป็นระดับแข็งค่ามากสุดตั้งแต่ม.ค. ปี 2015


เยนแข็งค่ามาที่ 
103.27 เยน/ดอลลาร์

สภาพคล่องในตลาดค่อนข้างต่ำ
 และนักลงทุนหลายๆคนก้าวสู่ช่วงวันหยุดยาวของเทศกาล ท่ามกลางปฏิทินเศรษฐกิจในตลาดเอเชียที่เบาบางอย่างมากจึงมีแนวโน้มที่จะไม่เห็นการทำสถานะครั้งใหญ่ของกลุ่มนักลงทุน


ดัชนีดอลลาร์ทรงตัวที่ 
89.759 จุด อยู่ไม่ห่างจากระดับต่ำสุดในรอบกว่า 2 ปีที่ทำไว้เมื่อไม่นานนี้



นอกจากนี้ นักลงทุนหลายๆคนก็ดูพร้อมที่จะจับตา ทีมบริหารชุดใหม่ของนายไบเดน ที่จะเข้าสู่พิธีสาบานตนในวันที่ 20 ม.ค.นี้


ปัจจัยลบต่อค่าเงินดอลลาร์  คือ คาดการณ์ที่ว่าเฟดจะยังคงดอกเบี้ยระดับต่ำออกไปเป็นเวลานาน


ออสเตรเลียดอลลาร์และนิวซีแลนด์ดอลลาร์แข็งค่าทำสูงสุดรอบ 
2 ปีครึ่ง จากความต้องการสินทรัพย์เสี่ยงที่เพิ่มขึ้นทั่วโลก


ค่าเงินหยวนก็แข็งค่าขึ้นแตะ 
6.5227 หยวน/ดอลลาร์


ค่าเงินวอนของเกาหลีและค่าเงินริงกิตของมาเลเซียปรับแข็งค่าขึ้น ท่ามกลางแรงเทขายในดอลลาร์

 

·         ผู้เชี่ยวชาญชี้  "ไบเดน" ไม่มีแนวโน้มจะผ่อนปรนการต้านอุตสาหกรรมเทคโนโลยีจีนและมีแนวโน้มที่จะเห็นเขาเพิ่มเป้าหมายที่เหมาะสมกับแนวทางของเขาร่วมกับการดำเนินงานกับชาติพันธมิตร

 

 

·         แพทย์สหรัฐฯ ชี้ สหรัฐฯจำเป็นต้องมีการฉีดวัคซีนให้แก่ประชาชนให้ได้ 3 ล้านคน/วัน

ดร.คาร์ลอส เดล ริโอ กล่าวเตือนว่า ชาวอเมริกาที่ยังโสดจำเป็นต้องได้รับวัคซีนและต้องได้รับวัคซีนเพิ่ม ซึ่งภายในเดือนก.ค. ปีหน้าเราคาดว่าจำเป็นต้องเริ่มเห็นการฉีดวัคซีนต่อวันให้ได้จำนวน 3 ล้านคน

 

·         นายมาร์ก เกลี เลขาธิการสำนักงานสาธารณสุขและบริการมนุษย์ของรัฐแคลิฟอร์เนีย กล่าวว่า  ทางตอนใต้ของรัฐแคลิฟอร์เนียประกาศขยายเวลาในการบังคับใช้คำสั่งให้ประชาชนอยู่กับบ้านออกไปอีกหลังเนื่องจากผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนายังคงเพิ่มสูงขึ้น จนกว่าความสามารถในการรองรับผู้ป่วยหนัก (ICU) จะ

สูงกว่าหรือเท่ากับ 15%


ทั้งนี้ ความสามารถในการรองรับผู้ป่วยหนักนั้นยังอยู่ที่ 0%

 

·         บริษัท Moderna Inc ของสหรัฐฯ ออกแถลงการณ์ระบุว่า บริษัทอยู่ในระหว่างการหารือกับรัฐบาลเกาหลีใต้เกี่ยวกับการจัดหาวัคซีนต้านไวรัสโคโรนาไม่ต่ำกว่า 40 ล้านโดส และคาดว่าการแจกจ่ายวัคซีนในเกาหลีใต้จะเริ่มได้ในไตรมาส ของปีหน้า

 

·         ยอดขายบ้านอังกฤษพุ่งขึ้นมากสุดรอบ 6 ปีในเดือนธ.ค. แตะ 7.3% เมื่อเทียบรายปี ทำสูงสุดประวัติการณ์ จากความต้องการบ้านที่เพิ่มขึ้นจากระดับดอกเบี้ยต่ำ

ขณะที่รายเดือนพบว่าโตได้ 0.8% ชะลอลงเล็กน้อยจากเดือนพ.ย. ที่ขยายตัวได้ 0.9%

 

·         วัคซีน Oxford-AstraZeneca ได้รับอนุมัติใช้ฉุกเฉินในอังกฤษ

คาดวัคซีนจะสามารถจัดส่งได้ในสัปดาห์หน้า

อาจมีการเพิ่มโปรแกรมการสร้างภูมิคุ้มกัน Covid-19 ที่เริ่มในอังกฤษเดือนธ.ค.

วัคซีนโดสแรกจาก AstraZeneca คาดส่งถึงอังกฤษในวันพุธหน้า

จะสามารถฉีดวัคซีนของบริษัทได้เร็วที่สุดประมาณช่วงต้นปีใหม่

มีเป้าหมายจัดส่งวัคซีนจำนวนหลายล้านโดสในช่วงไตรมาสที่ 1/2021

รัฐบาลอังกฤษหวังจะได้รับวัคซีน 100 ล้านโดสตามเป้าแรก

รัฐบาลอังกฤษหวังวัคซีนโดส 2 จะได้รับไม่น้อยกว่า 50 ล้านโดสสำหรับประชาชนอังกฤษตามมา

จำนวนประชากรอังกฤษอยู่ที่ระดับประมาณ 66 ล้านคน

ขณะที่วัคซีนของบริษัท Pfizer-BioNTech ส่งมอบให้ทางอังกฤษแล้วประมาณ 600,000 โดส

 

·         นอร์เวย์ขยายเวลาห้ามการเดินทางด้วยสายการบินจากอังกฤษเข้าสู่ประเทศจนถึง ธ.ค. จากการระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่

 

·         จีนปรับทบทวนจีดีพีปี 2019 เหุตหั่นเงินในกลุ่มภาคการผลิต 7.7 หมื่นล้านเหรียญ

สำนักงานสถิติแห่งชาติจีน ประกาศปรับลดจีดีพีจีนปี 2019  โดยมีสาเหตุสำคัญจากการปรับลดในกลุ่มภาคการผลิต ที่อาจมีผลต่อจีดีพีในปีนี้ด้วย โดยจีดีพีปี 2019 ณ ปัจจุบันขยายตัวได้ 6% คิดเป็นมูลค่า 9.865 หมื่นล้านหยวน (15.1 ล้านล้านเหรียญ) เมื่อเทียบกับข้อมูลเดิมที่ประกาศไว้ที่ 6.1%

เหตุผลสำคัญคือการปรับลดวงเงินภาคการผลิตลงแตะ 5.038 แสนล้านหยวน (7.715 หมื่นล้านเหรียญ) หรือคิดเป็นประมาณ 2% ของจีดีพีปี 2019

สิ่งนี้เป็นปัจจัยสะท้อนถึงผลกระทบจาก Trade War ระหว่างสหรัฐฯและจีนที่กระทบต่อกิจกรรมภาคการผลิตของจีน

 

·         ผู้ว่าการกรุงโตเกียว เตือน อาจเกิดการระบาด Covid-19 เพิ่มมากขึ้นในช่วงเทศกาลปีใหม่นี้  ขณะที่ล่าสุดยอดติดเชื้อใหม่ในประเทศญี่ปุ่นปรับขึ้นทำสูงสุดใกล้ระดับประวัติการณ์แตะ 944 ราย หลังวันเสาร์พุ่งไป 949 ราย ดังนั้นจึงอาจเห็นยอดติดเชื้อใหม่ในประเทศเพิ่มขึ้นทะลุ 1,000 รายได้

 

·         รัฐบาลสิงคโปร์เริ่มฉีดวัคซีนต้านไวรัสโคโรนาของบริษัท  Pfizer-BioNTech ให้กับประชาชนแล้วในวันนี้ ซึ่งถือเป็นหนึ่งในประเทศแรกๆ ในเอเชียที่เริ่มฉีดวัคซีน

โดย ซาราห์ ลิม พยาบาลวัย 46 ปีของศูนย์โรคติดเชื้อแห่งชาติสิงคโปร์ (NCID) เป็นบุคคลแรกในบรรดาพนักงานกว่า 30 คนของ NCID ที่ได้รับการฉีดวัคซีนและบุคลากรเหล่านี้จะได้รับการฉีดวัคซีนโดสที่สองในวันที่ 20 ม.ค. ปี 2021

 

·         ราคาน้ำมันดิบปรับตัวสูงขึ้น เนื่องจากแพคเก็จความช่วยเหลือทางการคลังที่ได้รับผลกระทบจากไวรัสโคโรนา ของสหรัฐฯและการลดลงของสต็อกน้ำมันดิบทำให้ราคาสูงขึ้น

โดยข้อมูลจาก API แสดงให้เห็นว่า สต็อกน้ำมันดิบลดลง 4.8 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้วสู่ระดับ 492.9 ล้านบาร์เรล ซึ่งเกินความคาดหมายของนักวิเคราะห์ในการสำรวจของ Reuters ที่ค่ดว่าจะลดลง  2.6 ล้านบาร์เรล

 

ทั้งนี้ ราคาน้ำมันดิบ Brent เพิ่มขึ้น 35 เซนต์หรือคิดเป็น 0.7% ที่ระดับ 51.44 เหรียญ/บาร์เรล ขณะที่ราคาน้ำมันดิบ WTI เพิ่มขึ้น 30 เซนต์หรือคิดเป็น 0.6% ที่ระดับ 48.30 เหรียญ/บาร์เรล


บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com