• สรุปข่าวตลาดหุ้น (ภาคค่ำ) ประจำวันที่ 9 ธันวาคม 2563

    9 ธันวาคม 2563 | SET News

· ดัชนีฟิวเจอร์สหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวสูงขึ้นเล็กน้อย หลังตลาดทำระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ และดัชนี S&P500 ยืนเหนือ 3,700 จุด

โดยดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์ส เพิ่มขึ้น 64 จุด ขณะที่ดัชนี S&P500 และ Nasdaq

เมื่อวานนี้ดัชนีดาวโจนส์เพิ่มขึ้นประมาณ 104 จุด โดยได้รับแรงหนุนจากบริษัท Dow Inc. และ Johnson & Johnson

ขณะที่ดัชนี S&P 500 เพิ่มขึ้น 0.28% ซึ่งปิดสูงสุดเป็นประวัติการณ์และปิดเหนือ 3,700 เป็นครั้งแรก

ด้านดัชนี Nasdaq Composite ยังปิดเป็นประวัติการณ์หลังจากเพิ่มขึ้น 0.5%

· ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวสูงขึ้นทำระดับสูงสดเป็นประวัติการณ์ และดัชนีฟิวเจอร์สหุ้นสหรัฐฯ เพิ่มสูงขึ้น เนื่องจากเหล่านักลงทุนได้รับข่าวเชิงบวกเกี่ยวกับวัคซีนป้องกันไวรัสโคโรนา รวมทั้งมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ

โดยดัชนี MSCI ทีไม่รบมตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 0.65% ด้านดัชนี MSCI ทั่วโลกแตะระดับสูงุสดเป็นประวัติการณ์

ขณะที่ค่าเงินปอนด์มีการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย ก่อนที่จะมีการเจรจาตกลง Brexit


· หุ้นจีนปิดปรับตัวลดลง นำโดยหุ้นหลักทรัพย์ที่ร่วงลง 3.11% เนื่องจากความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯกับจีนที่กดดันความเชื่อมั่นของเหล่านักลงทุน

โดยดัชนี Shanghai Composite ปิด -1.12% ที่ระดับ 3,371.96 จุด ด้านดัชนี blue-chip CSI300 ปิด -1.34%

· ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดใกล้ระดับสูงสุดในรอบ 30 ปี เนื่องจากการเปิดตัววัคซีนป้องกันไวรัสโคโรนา ในอังกฤษและมาตรการการกระตุ้นเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ช่วยหนุนความหวังเกี่ยวกับการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ ขณะที่ข้อมูลเครื่องจักรในประเทศที่มีแนวโน้มดีขึ้นก็ช่วยหนุนความเชื่อมั่นของเหล่านักลงทุนเช่นเดียวกัน

โดยดัชนี Nikkei ปิด +1.33% ที่ระดับ 26,817.94 ซึ่งเป็นระดับสูงุสดนับตั้งแต่วันที่ 17 เม.ย. ปี 1991 ด้านดัชนี Topix ปิด +1.17% ที่ระดับ 1,779.42 จุด

· ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวสูงขึ้น เนื่องจากตลาดยังคงให้ความสนใจไปยังการเจรจาข้อตกลง Brexit โดยนายบอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีอังกฤษ มีแพลนจะเข้าพบกับนางเออซูบาร์ วง เดอ เลอยอน ประธานคณะกรรมาธิการอียูเพื่อผลักดันข้อตกลงการค้า Post-Brexit ขั้นสุดท้าย หลังการเจรจาระหว่าง 2 ผู้นำทางโทรศัพท์ประสบความล้มเหลว

ทั้งนี้ ดัชนี Stoxx600 เพิ่มขึ้น 0.3%

· อ้างอิงจากสำนักข่าวอินโฟเควสท์

- นายเสริมศักดิ์ วงศ์สิทธิโชค ผู้อำนวยการ ฝ่ายค้าตราสารการเงิน บล.บัวหลวง (BLS) เปิดเผยว่า ตลาดหุ้นไทยตลอดเดือน ธ.ค.63 มีแนวโน้มผันผวน เพราะในช่วงเดือนพ.ย.ที่ผ่านมา ดัชนีปรับตัวขึ้นแรงเกือบ 18% ทำให้ค่า P/E Ratio อยู่ในระดับค่อนข้างสูง แต่ด้วยสภาพคล่องที่สูง และอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำ ทำให้ธนาคารกลางประเทศต่าง ๆ อัดฉีดเม็ดเงินเข้าสู่ระบบต่อเนื่อง เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ฉะนั้นหุ้นยังคงเป็นสินทรัพย์ที่น่าสนใจ

ช่วงที่เหลือของปีนี้ตลาดหุ้นไทยมีโอกาสปรับตัวขึ้น หลังผลตอบแทนปีนี้ยังตามหลังตลาดอื่น ๆ (Laggard) แต่หากมีปัจจัยที่ผิดไปจากที่ตลาดคาดหวัง เช่น วัคซีนต้านโควิด-19 ผลิตออกมาล่าช้า เป็นต้น ดัชนีอาจปรับตัวลดลงเฉลี่ย 3-5% ในวันเดียว ขณะเดียวกันก็อาจเห็นแรงซื้อดีดกลับได้เช่นกัน

- ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด เปิดเผยว่า เศรษฐกิจไทย ปี 2564 จะเป็นการฟื้นตัวบนความไม่แน่นอน โดยเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มเติบโต 2.6% จากปี 2563 คาดว่าเศรษฐกิจจะติดลบ แต่ลดลงจากคาดการณ์ไว้ลบ 10% เหลือลบ 6.7% ปัจจัยจากแรงหนุนการใช้จ่ายของภาครัฐเพื่อกระตุ้นการบริโภคและการลงทุน เช่น โครงการคนละครึ่ง โครงการเราเที่ยวด้วยกัน

ทีดีอาร์ไอ ประเมินเศรษฐกิจไทยเติบโตอย่างช้าๆ ห่วงปัจจัยเสี่ยง ส่งออกไปจีน นักท่องเที่ยวลดฮวบ หนี้ครัวเรือนแตะ 86% ลามภาคอสังหาฯ คาดผลจากพิษโควิด กระทบกำลังซื้อที่อยู่อาศัยลดวูบ 9 แสนล้านบาท คาดปี 2565 ปริมาณการซื้อจะใกล้เคียงกับปี 62 ที่ 3.92 แสนหน่วย ด้าน ดีดี พร็อพเพอร์ตี้ฯ ลุ้นดีมานด์ใหม่ฟื้น หวั่นซัปพลายล้นตลาด อัตราดูดซับช้า

- กรมการค้าต่างประเทศเผยสถิติการค้าชายแดนและผ่านแดนช่วง 10 เดือนปี 63 มีมูลค่า 1,081,572 ล้านบาท ลดลง 4.11% เหตุได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ทำให้มีการปิดด่านการค้าล่าสุดเปิดด่านเพื่อการขนส่งสินค้าเพียง 37 แห่ง จาก 97 แห่งทั่วประเทศ ระบุการค้าชายแดนลดลงทุกประเทศ แต่เมียนมาลดสูงสุด 14.85% ส่วนผ่านแดน จีน สิงคโปร์ ยังโต เวียดนามลด

ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยสถานการณ์ท่องเที่ยวช่วงวันหยุดยาว ระหว่างวันที่ 10-13 ธ.ค. 63 ว่า ในช่วงวันหยุดยาวส่งท้ายปีครั้งนี้ บรรยากาศการเดินทางท่องเที่ยวของคนไทยยังคงมีอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากเข้าสู่ฤดูท่องเที่ยวในหลายพื้นที่ และสภาพอากาศที่เริ่มหนาวเย็นเหมาะแก่การเดินทางท่องเที่ยว ทำให้คาดว่าจะมีการเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศ ประมาณ 3.11 ล้านคน-ครั้ง ชะลอตัวลงเล็กน้อยจากช่วงวันหยุดพิเศษเดือนที่ผ่านมา และมีการใช้จ่ายสร้างรายได้หมุนเวียนมากกว่า12,600 ล้านบาท โดยมีโครงการเราเที่ยวด้วยกัน และคนละครึ่ง ที่มาช่วยกระตุ้นให้เกิดการใช้จ่ายในพื้นที่ท่องเที่ยว ซึ่งจากการสำรวจอัตราการเข้าพักพบว่ามีเฉลี่ย 40%


บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com