• สรุปข่าวราคาทองคำ (ภาคเช้า) ประจำวันที่ 26 พฤศจิกายน 2563

    26 พฤศจิกายน 2563 | Gold News

ทองปิดขยับขึ้นเหนือ 1,800 เหรียญ – ข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯกดดันตลาดหุ้น

· ราคาทองคำได้รับอานิสงส์จากข้อมูลผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ที่ออกมาแย่ลงกว่าที่คาด จึงหนุนให้ทองคำยังรีบาวน์มาเหนือ 1,800 เหรียญ

· ราคาทองคำปรับขึ้น 0.2% ที่ 1,810.41 เหรียญ หลังจากที่ทำต่ำสุดตั้งแต่ 17 ก.ค. ที่ 1,800.01 เหรียญ

· สัญญาทองคำส่งมอบเดือนธ.ค. ที่จะหมดอายุลงในวันพรุ่งนี้ที่ตลาด COMEX ปิดปรับขึ้น 9 เซนต์ ที่ระดับ 1,805.5 เหรียญ

สัญญาทองคำส่งมอบเดือนก.พ. ที่เริ่มมีการ Rollover ไปถือครองพบว่าเมื่อคืนปิดเพิ่มขึ้น 3 เซนต์ ที่ระดับ 1,811.2 เหรียญ

· กองทุน SPDR เมื่อวานนี้ทำการเทขายทองคำออกอีก 4.96 ตัน โดยปัจจุบันถือครองทองคำที่ระดับ 1,194.78 ตัน ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 7 ก.ค.ที่ผ่านมา

ภาพรวมเดือนพ.ย. ขายแล้ว 62.89 ตัน ซึ่งขายต่อเนื่องติดต่อกัน 2 เดือน และยังเป็นเป็นเดือนที่ขายมากสุดของปี แต่ภาพรวมปีนี้อยู่ในสถานะซื้อสุทธิที่ 301.53 ตัน

· ดัชนีดาวโจนส์และ S&P500 ปรับตัวลงจากสัญญาณการฟื้นตัวตลาดแรงงานที่อ่อนแอ ประกอบกับตลาดหุ้นเผชิญแรงขายหลังจากที่ขึ้นไปทำสูงสุดเป็นประวัติการณ์ได้

· นักวิเคราะห์อาวุโสจาก Kitco กล่าวว่า ข้อมูลภาคแรงงานเป็นปัจจัยบวกต่อราคาทองคำ และจะเห็นได้ว่าสถานการณ์ทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯยังไม่ค่อยดีนัก รวมถึงการระบาดของไวรัสโคโรนาในเวลานี้ด้วย

· หัวหน้านักกลยุทธ์จาก TD Securities กล่าวว่า ดอลลาร์อ่อนค่าในขณะที่ทองคำเคลื่อนไหวแถวระดับสำคัญทางเทคนิคจึงทำให้นักลงทุนหยุดการขายและเพิ่มการถือครองในทองคำ ขณะที่ในอีก 6 เดือนข้างหน้าอาจจะเป็นเวลาที่ยากลำบากสำหรับทองคำ เนื่องจาก “ทิศทางเศรษฐกิจฟื้นตัว” อาจส่งผลต่อการเพิ่มนโยบายทางการเงินของธนาคารกลางและภาครัฐ

· ราคาซิลเวอร์ปรับขึ้น 0.5% ที่ 23.37 เหรียญ
ราคาแพลทินัมปรับขึ้น 0.6% ที่ 966.59 เหรียญ
ราคาพลาเดียมปรับลง 0.5% ที่ 2,336.97 เหรียญ


· รายงานประชุมเฟดประจำวันที่ 4-5 พ.ย. สะท้อนถึงการจะปรับการเข้าซื้อพันธบัตรเพื่อหนุนเศรษฐกิจในเร็วๆนี้

สมาชิกเฟดส่วนใหญ่เห็นพ้องกันว่าเฟดอาจมีการเข้าซื้อ QE เพิ่มขึ้นเพื่อเป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการสนับสนุนเศรษฐกิจ และทุกฝ่ายยังเห็นพ้องต่อการปรับลดดอกเบี้ยใกล้ระดับศูนย์

ขณะที่ตลาดมองหาสัญญาณความเป็นไปได้ในการเข้าซื้อพันธบัตรเพิ่มขึ้นของเฟด เนื่องจากในปัจจุบัน เฟดมีการซื้อพันธบัตรและตราสารหนี้รวมแล้ว 1.2 แสนล้านเหรียญ/เดือน ขณะที่เฟดอาจตัดสินใจเข้าซื้อพันธบัตรเพิ่ม หรือขยายเวลาการเข้าซื้อพันธบัตรได้อีกในการประชุมเดือนธ.ค.

· จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์สหรัฐฯพุ่งจากติดเชื้อ Covid-19 เพิ่มสูง

ข้อมูลผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานที่เพิ่มขึ้นสะท้อนว่า ยอดติดเชื้อไวรัสโคโรนาที่เพิ่มขึ้น รวมถึงการใช้มาตรการคุมเข้มทางด้านธุรกิจดูจะส่งผลกระทบให้เกิดการว่างงานเพิ่มขึ้น และกดดันการฟื้นตัวของตลาดแรงงาน โดยล่าสุดพบมีการขอรับสวัสดิการเพิ่ม 30,000 ราย สู่ระดับ 778,000 ราย ในสัปดาห์ที่ผ่านมา


· ยอดคำสั่งซื้อสินค้าคงทนสหรัฐฯดีขึ้นเกินคาดในเดือนต.ค.

ยอดคำสั่งซื้อสินค้าใหม่ในหมวดสินค้าคงทนของสหรัฐฯปรับขึ้นเกินคาดในเดือนต.ค. แต่ก็ยังมีสัญญาณชะลอตัวทางเศรษฐกิจอยู่ในไตรมาสที่ 4

ยอดคำสั่งซื้อสินค้าคงทนที่ไม่รวมกลุ่มอะไหล่เครื่องบิน (Core Durable Goods Orders) ออกมาดีขึ้นแตะ 0.7% ในเดือนต.ค. ดีขึ้นกว่าคาด แต่น้อยกว่าในเดือนก.ย. ที่อยู่ที่ 1.9%


· S&P Case Shiller เผย ราคาบ้านในสหรัฐฯเพิ่มขึ้นทำสูงสุดรอบ 6 ปีในเดือนก.ย. โดยปรับขึ้นประมาณ 7% เมื่อเทียบรายปีในเดือนก.ย. หลังเดือนส.ค. ขยายตัวได้ที่ 5.8% เรียกได้ว่าข้อมูลล่าสุดเป็นการขยายตัวรายปีที่เพิ่มขึ้นมากที่สุดตั้งแต่ก.ย. ปี 2014 และจะพบว่าราคาบ้านในเวลานี้มีการปรับตัวขึ้นแล้วเกือบ 23% สูงกว่าระดับสูงสุดที่เคยทำไว้ในปี 2006

· ยอดติดเชื้อ Covid-19 ทั่วโลกปรับขึ้นทะลุ 60 ล้านราย ล่าสุดอยู่ที่ 60.7 ล้านราย ขณะที่ยอดเสียชีวิตสะสะมทั่วโลกอยู่สูงกว่า 1.4 ล้านราย ก่อนหน้าเทศกาลคริสต์มาส และช่วงวันหยุดเทศกาลสำคัญอื่นๆ ส่งผลให้เจ้าหน้าที่สหรัฐฯออกคำสั่งให้ประชาชนปฏิบัติตามมาตรการ Stay Home ในช่วงเทศกาล Thanksgiving เนื่องจากยอดติดเชื้อในสหรัฐฯมีแนวโน้มจะเพิ่มสูงขึ้นต่อได้อีกอย่างรวดเร็ว โดยล่าสุดสหรัฐฯมียอดติดเชื้อใหม่รายวันเพิ่มกว่า 1.8 แสนราย ล่าสุดสะสมพุ่งสูงแตะ 13.137 ล้านราย ขณะที่ยอดเสียชีวิตสะสมในสหรัฐฯเข้าใกล้ 2.7 แสนราย


· ผู้ว่าการรัฐนิวยอร์กเผยรัฐบาลประสบปัญหาทางการเงิน และจำเป็นต้องได้รับการสนับสนุนทางการเงินเพื่อให้เกิดการใช้กระจายวัคซีน Covid-19 ในพื้นที่


· FDA ประกาศว่า จะทำการพิจารณาผลการทดสอบวัคซีนแอนตี้บอดี้ฉบับใหม่ ที่ต้องระบุได้ว่ามีการออกแบบมาและทดสอบได้ว่าสามารป้องกันไวรัส Covid-19 ได้


· เยอรมนีขยายเวลามาตรการต้านไวรัส หลังยอดเสียชีวิตในเยอรมนีพุ่งสูงสุดเป็นประวัติการณ์สะสมรวมสูงกว่า 15,300 ราย

· อีซีบี เผยว่า ภาคธนาคารยุโรปมีแนวโน้มที่ผลกำไรจะไม่สามารถโตได้เท่าช่วงก่อนการระบาดก่อนปี 2022 โดยจะยังมีผลประกอบการที่ชะลอตัวลงต่อในรอบกว่า 10 ปี เช่นเดียวกับช่วงเกิดวิกฤตทางการเงินโลกปี 2008 ท่ามกลางการใช้กฎระเบียบที่เข้มงวดมากขึ้น และอัตราดอกเบี้ยอยู่ระดับต่ำ

ระบบภาคธนาคารจะเป็น ปัจจัยสำคัญในการสนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจ ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของไวรัสโคโรนา ขณะที่หลายๆธุรกิจมีแนวโน้มจะแสวงหาเงินทุนก้อนใหม่เพื่อหนุนธุรกิจของเขาหลังจากที่ทรงตัวมาเป็นเวลาหลายเดือน


· นายกฯไอแลนด์ เผยถึงความเป็นไปได้ที่จะเกิดผลลัพธ์ที่ดีของการเจรจาข้อตกลงการค้า ขณะที่ประธานอียูเตรียมพร้อมสำหรับ No-Deal


· “สี จิ้นผิง” ประธานาธิบดีจีนแสดงความยินดีกับนายไบเดน

· ฝรั่งเศสประกาศให้ภาคบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่จ่ายภาษีดิจิทัล ซึ่งรัฐบาลฝรั่งเศสหวังว่าจะเห็นรายได้จากการเก็บภาษีเพิ่มขึ้นประมาณ 500 ล้านยูโร แต่ในปีงบประมาณปี 2021 ตั้งเป้าไว้ที่ 400 ล้านยูโร


· “ไบเดน” มีแผนตัดลดค่าใช้จ่ายทางทหารแม้ว่าจะเผชิญแรงกดดันเพิ่ง


· ทีมบริหารของนายไบเดนมีการเข้าพบกับอดีตประธานสื่อของสหรัฐฯ


· เยอรมนีตอบรับข่าวดีจากนโยบาย “America is Back” ของนายไบเดน


· ทีมบริหารของนายไบเดนต้องการทำข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่านอีกครั้ง แม้จะเผชิญกับความยากลำบากและความเสี่ยงเพิ่มขึ้น หลังอิหร่านเผยไม่ว่าทีมบริหารไบเดนจะมีแนวทางการทำข้อตกลงอย่างไร แต่อิหร่านก็พร้อมจะตอบโต้มากกว่าที่ให้มา ท่ามกลางเศรษฐกิจอิหร่านที่หดตัวลงไปเฉลี่ยปีละ 6% ตั้งแต่ที่นายทรัมป์ยกเลิกข้อตกลงนิวเคลียร์ที่ผ่านมา


· นักบริหารเงิน คาดว่า วันนี้เงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบ 30.25-30.45 บาท/ดอลลาร์ โดยระหว่างวันเงินบาทยังคงเคลื่อนไหว sideways ปัจจัยที่มีผลต่อการเคลื่อนไหวของค่าเงินน่าจะมาจาก flow ที่ยังเข้ามาในตลาด หุ้นไทยส่งผลให้เงินบาทยังแข็งค่า อย่างไรก็ดี แม้จะเป็นช่วงปลายเดือนที่มักจะมีธุรรกรรมในการซื้อดอลลาร์ เพื่อโอนเงินไปต่างประเทศ ซึ่งจะทำให้เงินบาทอ่อนค่าได้บ้างนั้น แต่ภาพรวมแล้วเงินบาทยังมีทิศทางแข็งค่า


· อ้างอิงจากสำนักข่าวอินโฟเควสท์

- สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) เผยว่า การสำรวจความต้องการลงทุน (Bookbuild) ในพันธบัตรเพื่อความยั่งยืน (Sustainability Bond) รุ่นอายุ 15 ปี วงเงิน 20,000 ล้านบาท ในวันที่ 24 พ.ย.63 ประสบความสำเร็จด้วยดี โดยสามารถกำหนดอัตราดอกเบี้ยได้ที่ 1.652% ต่อปี ซึ่งเงินที่ได้จากการระดมทุนจะถูกนำไปใช้สำหรับโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม อันเป็นการสนับสนุนการโครงการลงทุนที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

- ธนาคารกรุงศรีอยุธยา (BAY) ประเมินว่า อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (GDP) ของไทยในปี 64 จะพลิกกลับมาเติบโตเป็นบวกที่ 3.3% จากในปีนี้ที่คาดว่าจะหดตัว -6.4% โดยปัจจัยสนับสนุนที่สำคัญ มาจากการส่งออกที่ฟื้นตัว และการลงทุนของทั้งภาครัฐและภาคเอกชนที่เพิ่มขึ้น


บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com