• สรุปข่าวเศรษฐกิจ (ภาคค่ำ) ประจำวันที่ 19 พฤศจิกายน 2563

    19 พฤศจิกายน 2563 | Economic News
 

· BITCOIN จะขึ้นต่อเนื่องในปี 2021 - ดอลลาร์มีโอกาสร่วง 20%

นักวิเคราะห์หลายๆราย เห็นด้วยกับ MicroStrategy เกี่ยวกับมุมมองการลงทุนใน Bitcoin ที่ดูจะหนุนให้บริษัทต่างๆ, นักลงทุน, พนักงงานออฟฟิส หรือแม้แต่ผู้จัดการสินทรัพย์ต่างๆ เริ่มมองหาการลงทุนใน "Crptocurrency" หรือ Bitcoin ที่เป็นค่าเงินดิจิทัล จากความแตกกต่าง และมีมูลค่าในการถือครองสินทรัพย์ที่สามารถปกป้องกลุ่มผู้ถือครองจากภาวะเงินเฟ้อได้

ดังนั้น จึงเห็นหลายๆคนเริ่มเปิดกว้างและยอมรับต่อการเข้าซื้อ Bitcoin ในการลงทุนมากขึ้น


จะเห็นได้ว่าราคา Bitcoin แบบ Spot และแบบ Derivatives มีการปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดย BTC/USD ปรับขึ้นได้เกือบ 150% ในปี 2020 ทำสูงสุดแถว 18,500 เหรียญ

ส่งผลให้นักลงทุนคาดหวังว่าน่าจะเห็น Bitcoin เพิ่มขึ้นต่อไปแตะ 20,000 เหรียญ ที่เคยเป็นระดับสูงสุดประวัติการณ์ที่ทำไว้ในช่วงธ.ค. ปี 2017


ด้านดอลลาร์ประสบปัญหาใหญ่

Citibank เตือน วัคซีน Covid-19 จะส่งผลให้ดอลลาร์อ่อนค่าต่อ และอาจเห็นดัชนีดอลลาร์อ่อนค่ามากถึง 20% ในปี 2021


· FXStreet คาด การอ่อนค่าของดอลลาร์ในปัจจุบันแม้จะลงมามาก แต่ก็ยังไม่สิ้นสุด

การอ่อนค่าของดอลลาร์ในปัจจุบัน เมื่อพิจารณาจากกราฟประกอบด้านล่างจะพบว่าค่าเงินดอลลาร์ "มีแนวโน้มอ่อนค่าต่อ"

ค่าเงินดอลลาร์ถูกกดดันจาก

- "จีน" ที่ดูเหมือนเศรษฐกิจจะเติบโตได้ดีกว่า และหนุนค่าเงินหยวน

- การผิดนัดชำระหนี้สำหรับการกู้ยืมในภาคเอกชน

- สหรัฐเผชิญปัญหาภายในประเทศมากกว่าสหรัฐฯ


การผิดนัดชำระหนี้ของภาคบริษัท มีสาเหตุมาจากการ "สูญเสียความเชื่อมั่นของกลุ่มนักลงทุนในรัฐฐาลท้องถิ่น"

ปัญหาการเมืองในสหรัฐฯ จากการที่ "นายทรัมป์" พ่ายแพ้ในศึกเลือกตั้ง และยังไม่ยอมมอบอำนาจก็ยังเผชิญกับความล้มเหลวที่ศาลสูงโดยส่วนใหญ่ปัดตกคำร้อง เนื่องจากปราศจากหลักฐาน

และถึงแม้ "รัฐเพนซิลเวเนีย" จะให้ความสนใจ แต่ก็ไม่เพียงพอ และผลคะแนนก็ยังดูเหมือนนายไบเดนจะเป็นต่อ และมีคะแนนนำในรัฐถึง 68,000 คะแนน


· Financial Times ชี้ "การมาของวัคซีน" จะกระตุ้นให้ดอลลาร์อ่อนค่าต่อในปี 2021

บรรดานักวิเคราะห์ของสถาบันต่างๆในสหรัฐฯ ประเมินว่าอาจเห็นดัชนีดอลลาร์อ่อนค่าลงอีก 20% ภายในปี 2021 หากวัคซีนสามารถช่วยหนุนให้เศรษฐกิจมีการรีบาวน์ได้

(Goldman Sachs คาด ดอลลาร์อาจร่วงลงประมาณ 6% ในอีก 12 เดือน ปีหน้า)

Financial Times ยังเผยอีกว่า Deutshe Bank, TD Securities และ Barclays ก็มองดอลลาร์เป็นขาลงเช่นกัน

ภาพรวมดัชนีดอลลาร์มีการรีบาวน์กลับบ้าง หลังจากที่อ่อนค่าลงจากระดับต่ำสุดในรอบ 8 วันทำการ โดยวันนี้เคลื่อนไหวแถว 92.43 จุด


· เจ้าหน้าที่เลือกตั้งระดับสูงของ รัฐจอร์เจีย เผย การนับผลคะแนนรอบใหม่ "ไบเดน" ยังคงเป็นผู้ชนะ และมีคะแนนดหวตเพียงพอที่เอาชนะทรัมป์ได้

สำหรับภาพรวมคะแนนการเลือกตั้งเวลานี้ นายไบเดนยังคงนำที่ 306 เสียง ต่อ 232 เสียง


· CEO จาก JPMorgan Chase ตำหนิสภาคองเกรสสหรัฐฯ "ที่ทำตัวเป็นเด็ก" หลังยังไม่ผ่านมาตการกระตุ้นเศรษฐกิจช่วง Covid-19

นายเจมี ไดมอน CEO จาก JPMorgan Chase ชี้ใเห้ฯว่า มาตรการดังกล่าวเป็นสิ่งจำเป็นที่จะมาช่วยเหลือ "คนว่างงานในสหรัฐฯ" และ "การชะลอตัวของภาคธุรกิจ" ที่ได้รับผลกระทบจาก Covid-19

และนี่ถือเป็นเรื่องใหญ่มากที่ "ทุกคนควรใส่ใจ" ไม่ว่าจะเป็นพรรคเดโมแครตหรือรีพับลิกันก็ตาม เพราะ "หากขาดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ก็น่าจะส่งผลเสียต่อเศรษฐกิจมากกว่า"

กรณีการใช้นโยบายการขึ้นภาษี นายไดมอน เห็นควรให้มีการ "ขึ้นภาษี" สำหรับบริษัท และกลุ่มผู้มีรายได้สูงกว่า 400,000 ราย เนื่องจากมองว่า

- จะช่วยเพิ่มรายได้ให้แก่ภาครัฐฐาล

- รายได้ของภาครัฐที่เพิ่มขึ้น "เป็นความสำคัญลำดับแรกที่จะ ช่วยหนุนการเติบโตของเศรษฐกิจสหรัฐ

แม้ว่าหลายๆฝ่ายจะมองว่าการขึ้นภาษีนั้นทำร้ายการเติบโตทางเศรษฐกิจแต่ในความเป็นจริง พบว่า รายได้ของบริษัทได้รับผลกระทบเพียงเล็กน้อย จึงไม่น่าเป็ฯผลเสียต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจ ขณะที่การเก็บภาษีเงินทุนน่าจะก่อให้เกิดผลเสียและกระทบต่อการเติบโตของเศรษฐกิจมากกว่า


· ยอดติดเชื้อสหรัฐฯ พุ่งหนัก เสียชีวิตทะลุ 250,000 ราย ด้านรัฐนิวยอร์กสั่งปิดโรงเรียน


· แพทย์หญิงประจำห้องฉุกเฉินในเมือง Rhode Island เตือนให้ระวัง "เทศกาล Thanksgiving" ที่จะนำมาซึ่งการระบาดที่หนักมากขึ้น


· Oxford เผยผลทดสอบวัคซีน Covid-19 มีความปลอดภัยและภูมิคุ้มกันสามารถตอบสนองได้ในกลุ่มผู้ใหญ่

ผลการทดสอบขั้นต้นในเฟสที่ 2 ของบริษัท AstraZeneca ร่วมกับมหาวิทยาลัย Oxford พบว่า มีความปลอดภัยและช่วยกระตุ้นภูมิคุมกันในลักษณะเดียวกันของกลุ่มผู้ใหญ่ ผ่านการศึกษาโดยกระบวนการทดสอบในกลุ่มดังกล่าวจำนวน 560 ราย ประกอบด้วยผู้สูงวัยจำนวน 240 รายที่มีอายุมากกว่า 70 ปี ที่พบว่ามีความปลอดภัย และให้ผลคล้ายคลึงกันกับกลุ่มที่มีอายุ 56 ปีขึ้นไป และช่วงอายุระหว่าง 18 - 55 ปี


· อังกฤษประกาศว่า หลัง Brexit จะทำการเพิ่ม "การลงทุนทางทหาร" ด้วยเม็ดเงินที่มากที่สุดนับตั้งแต่ยุคสงครามเย็น


· รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมอังกฤษ เผย อังกฤษจะไม่ยกเลิกการช่วยเหลือระหว่างประเทศ ถึงแม้จะมีรายงานการตัดลดงบทางการทหาร


· รัฐมนตรีสาธารณสุข ระบุว่า ยูเครนมีสถิติผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนารายใหม่ 13,357 รายในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา ซึ่งเพิ่มขึ้นจากสถิติเดิมที่ 12,524 รายที่รายงานเมื่อสัปดาห์ที่แล้

โดยจำนวนผู้เสียชีวิตที่เกี่ยวข้องกับโคโรนาไวรัสยังแตะระดับสูงสุดใหม่ที่ 257 ราย เมื่อเทียบกับสถิติก่อนหน้านี้ที่มีผู้เสียชีวิต 256 ราย


ขณะที่ยอดรวมผู้ติดเชื้อสะสมทั้งหมด 583,510 ราย ด้านผู้เสียชีวิตมี 10,369 ราย


· โตเกี่ยวประกาศยอดผู้ติดเชื้อโคโรนาไวรัสสูงสุดในวันนี้ โดยมีจำนวนผู้ป่วยรายใหม่สูงสุดเป็นประวัติการณ์มากกว่า 500 ราย ขณะที่ยอดรวมทั่วประเทศยังแตะระดับสูงสุดใหม่ที่ 2,201 ราย


· โควิดระบาดหนักส่งผลให้บริษัทส่วนใหญ่ในญี่ปุ่นกว่า 90% ยกเลิกแผนจัดงานช่วงสิ้นปีและปีใหม่ เพื่อสกัดการระบาดเพิ่ม

· ญี่ปุ่นให้ความสำคัญต่อมาตรการทางภาษีสำหรับแผนงบประมาณปีหน้า เพื่อสนับสนุนให้ นายกฯญี่ปุ่นบรรลุเป้าหมายในเรื่องค่าเงินดิจิทัล และการลดมลพิษเรือนกระจกถึงระดับศูนย์


· บรรดาผู้นำเอเชียแปซิฟิก ผลักดันข้อตกลงการค้าเสรี หลังเผชิญ "ยุคทรัมป์"

บรรดาผู้นำเอเชียแปซิฟิก เรียกร้องให้มีการเปิดกว้างและให้การสนับสนุนการค้าแบบพหุภาคีเพื่อสนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจโลกในการต่อสู้กับวิกฤตไวรัสโคโรนา ท่ามกลางความคาดหวังบางส่วนที่อาจเห็นข้อตกลงร่วมกับทางสหรัฐฯได้ ภายใต้การบริหารงานของนายโจ ไบเดน ที่จะเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯคนใหม่

นายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน ร่วมประชุมกับบรรดาผู้นำ 21 ประเทศในการประชุม APEC โดยยังปฏิเสธแนวคิดการกีดกันทางการค้า พร้อมระบุว่า สภาวะโลกาภิวัตน์ (Globalisation) จะไม่กลับไปเป็นแบบเดิม และจีนจะยังเปิดกว้าง พร้อมกับสนับสนุนการร่วมมือ และการปฏิบัติตามแนวทางพหุภาคี ประกอบกับการให้คำปรึกษาในประเด็นหลักๆ เพื่อให้เกิดการช่วยเหลือและแบ่งปันผลประโยชน์ร่วมกัน

นอกจากนี้ นายสี ยังกล่าวอีกว่า การใช้นโยบายแบบเอกภาคนิยม, การกีดกันทางการค้า และการว่าร้ายกันจะสร้างผลเสียให้แก่เศรษฐกิจโลก รวมทั้ง "เพิ่มความเสี่ยง" และ "ความไม่แน่นอน" ตามมาด้วย

ซึ่งเป็นการกล่าวถ้อยแถลงก่อนที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่ถูกคาดว่าจะเข้าร่วมการประชุมในครั้งนี้ด้วย

· ประธานาธิบดีจีน เผยจะทำการปรับลดภาษี หนุนนำเข้าสินค้าและบริการคุณภาพสูงพากทุกประเทศ พร้อมเดินหน้าผลักดันการปฏิรูปและการสนับสนุนนวัติกรรมขับเคลื่อนโครงสร้างการเติบโต และเชื่อว่าการดำเนินการดังกล่าวภายใต้ "ยุทธศาสตร์สองวงจร" หรือ "Dual Circulation" ที่จะมาเป็นโมเดลในการพัฒนานวัตกรรมทางด้านเทคโนโลยี


· สถาบันที่ปรึกษาบริษัท ECA เผยรายงาน ค่าแรงในเอเชียแปซิฟิกน่าจะโตได้มากที่สุดในโลกของปี 2021 หรือมากกว่าประเทศอื่นๆที่เหลือในโลก ถือเป็นสัญญาณว่ากลุ่มผู้จ้างงาน เชื่อว่า ภูมิภาคนี้จะฟื้นตัวได้เร็วมากขึ้นจากสถานการณ์ระบาดของไวรัสโคโรนาที่ย่ำแย่

พร้อมคาดจะเห็นค่าแรงเฉลี่ยเพิ่มขึ้น 4.3% ในปีหน้า จาก 3.2% ในปี 2020 ขณะที่ค่าแรงทั่วโลกค่อนข้างแย่ ขณะที่เงินเฟ้อสะท้อนว่าค่าแรงตามจริงในภูมิภาคน่าจะโตได้ 1.7% สูงกว่ามาตรการโลกที่อยู่ที่ 0.5%


· ผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณสุข U.N. ชี้ ผู้ผลิตยาในอินเดียจำเป็นต้องเร่งผลิตยารักษา Covid-19 เพื่อช่วยเหลือประเทศรายได้ปานกลางและรายได้น้อย


· นักลงทุน ระบุว่า ห่วงโซ่อุปทานโลกและท้องถิ่นต้องแยกออกจากกัน และภาคเทคโนโลยีจะต้องมาเสริมในบทบาทที่ใหญ๋มากขึ้น ท่ามกลางวิกฤต Covid-19 ในเวลานี้


· นายกฯ ออกแถลงการณ์ จะบังคับใช้กฎหมายทุกฉบับทุกมาตรากับกลุ่มผู้ชุมนุม

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้ออกแถลงการณ์นายกรัฐมนตรี โดยระบุว่า จากสถานการณ์การชุมนุมในห้วงที่ผ่านมา ซึ่งรัฐบาลและทุกฝ่ายกำลังร่วมกันหาทางออกโดยสงบและสันติ บนพื้นฐานของกระบวนการตามกฎหมาย และการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข


· ราคาน้ำมันปรับตัวลงจากยอดผู้ป่วยไวรัสโคโรนาที่เพิ่มสูงขึ้น กดดันมุมมองเชิงบวกของวัคซีน

ราคาน้ำมันดิบปรับลดลงในวันนี้ โดยปรับลดลงไปจากเมื่อวานเนื่องจำนวนยอดผู้ติดเชื้อไว้รัสโคโรนาที่เพิ่มขึ้นและข้อจำกัดทางเศรษฐกิจที่เข้มงวดมากขึ้นทั่วโลกทำให้เกิดความกังวลต่อความต้องการเชื้อเพลิงที่ลดลง ซึ่งไปกดดันข่าวเชิงบวกเกี่ยวกับวัคซีนป้องกันไวรัสดังกล่าว

ทั้งนี้ น้ำมันดิบ Brent ปรับลดลง 17 เซนต์ หรือ 0.4% ที่ระดับ 44.17 เหรียญ/บาร์เรล หลังจากที่เมื่อวานขึ้นไป 1.4% ทางด้านน้ำมันดิบ WTI ปรับลดลง 29 เซนต์ หรือ 0.7% ที่ระดับ 41.53 เหรียญ/บาร์เรล จากที่เมื่อวานขึ้นไปเกือบ 1%


· ตลาดน้ำมันดิบทั่วโลกเล็งหาการสนับสนุนจากความต้องการในจีน

จีนถือเป็นหนึ่ในผู้ใช้น้ำมันของตลาดโลกค่อนข้างมากในปีนี้ โดยจะเห็นได้จาก การเพิ่มการเข้าซื้อจากกลุ่มผู้ส่งออก อาทิ

- รัสเซีย

- สหรัฐฯ

- อังโกลา

ท่ามกลางกลุ่มผู้ซื้อในหลายๆประเทศที่ลดคำสั่งซื้อลงจากการะบาดของไวรัสโคโรนา และการ Lockdown ที่เป็นปัจจัยกดดัน


กราฟอุปสงค์น้ำมันโลกในภูมิภาคระห่ว่าง Q2 vs Q3 ของปีนี้

ดังนั้น จีนจึงถือเป็นผู้นำเข้ารายใหญ่ที่สุดในโลก และน่าจะเป็นกลุ่มผู้ซื้อหลักที่เพิ่มอุปสงค์น้ำมันได้ในปีนี้ ท่ามกลาง Covid-19 ที่ทำลายการอุปโภคบริโภคทั่วโลก และจีนถูกคาดว่าจะมีการเพิ่มยอดนำเข้าน้ำมันแตะ 12 ล้านบาร์เรล/วันได้ในปีหน้า ดังนั้น กลุ่มผู้ขายจึงต้องการได้ส่วนแบ่งการตลาดจากการอุปโภคบริโภคที่ถูกคาดว่าจะลดน้อยลงไปเกือบ 9% ในปี 2020


Related
บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com