· ดอลลาร์ร่วง - จากกระแสไบเดนชนะเลือกตั้ง
ดัชนีดอลลาร์อ่อนค่าลงต่อในวันนี้แตะ 93.20 จุด และระหว่างวันค่าเงินดอลลาร์ทำระดับอ่อนค่ามากที่สุดในรอบกว่า 2 ปีเมื่อเทียบกับค่าเงินหยวน และอ่อนค่าเมื่อเทียบกับค่าเงินหลักในเอเชีย หลังจากที่ นายโจ ไบเดน ตัวแทนผู้ชิงเก้าอี้ประธานาธิบดีสหรัฐฯจากพรรคเดโมแครตดูจะใกล้สู่ชัยชนะในการเลือกตั้งครั้งนี้
ตลาดการเงินยังคงกังวลว่า อาจมีการใช้ระยะเวลาหลายวันหรือนานนับสัปดาห์ จากกรณีที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ คู่แข่งจากพรรครีพับลิกันที่ต้องการค้านผลคะแนน เพื่อให้เกิดการนับผลคะแนนใหม่อีกครั้ง หลังจากที่นายไบเดนพลิกกลับมาเอาชนะได้หลังจากที่ช่วงต้นคะแนนนำอยู่ทางฝั่งของนายทรัมป์ จึงยิ่งน่าจะสร้างความผันผวนมากขึ้น
บรรดาเทรดเดอร์ ระบุว่า ค่าเงินดอลลาร์ถูกกดดันด้วยเหตุผลดังกล่าวระยะสั้นๆ
ทั้งนี้ นายไบเดน มีการอ้างถึงชัยชนะจากคะแนนในรัฐวินคอนซิน และมิชิแกน ขณะที่รายงานล่าสุดยังพบว่านายไบเดนยังมีคะแนนนำในรัฐเนวาดา และแอริโซนา
ทางด้านนายทรัมป์ ได้คะแนนนำในเวลานี้ในรัฐจอร์เจีย และเพนซิลเวเนีย
กลุ่มนักวิเคราะห์ มองว่า การคาดการณ์ว่านายไบเดนชนะ "กดดันให้ดอลลาร์อ่อนค่า" จากแนวทางการดำเนินนโยบายการค้า ที่อาจคุกคามต่อแนวทางการดำเนินนโยบายภาษีของทีมบริหารนายทรัมป์
ค่าเงินหยวนแข็งค่ามากสุดรอบ 2 ปี แตะ 6.6381 หยวน/ดอลลาร์ จากโอกาสชนะของนายไบเดน
ค่าเงินในตลาดเกิดใหม่อย่างมาเลเซียและอินโดนีเซียก็ปรับแข็งค่าขึ้นในวันนี้
ค่าเงินยูโรแข็งค่าขึ้นมาทรงตัวบริเวณ 1.1738 ดอลลาร์/ยูโร
ค่าเงินปอนด์อ่อนค่าลง 0.28% ที่ระดับ 1.2957 ดอลลาร์/ปอนด์
ค่าเงินเยนทรงตัวแนว 104.28 เยน/ดอลลาร์
แม้ว่านายไบเดนจะเอาชนะศึกเลือกตั้งครั้งนี้ได้ แต่ก็มีความท้าทายอย่างมากในการัรบตำแหน่งประธานาธิบดีต่อจากนายทรัมป์ เนื่องจากมีแนวโน้มว่าจะไม่สามารถครองเสียงข้างมากในวุฒิสภาสหรัฐฯได้ จึงอาจทำให้แนวทางหรือแผนต่างๆที่เขาวางไว้ไม่ราบรื่น และเป็นปัจจัยสำคัญต่อบรรดาเทรดเดอร์ค่าเงิน
นักวิเคราะห์บางส่วน ระบุว่า พรรครีพับลิกันที่ครองเสียงข้างมากในวุฒิสภาได้ตามเดิมจะเป็นอุปสรรคต่อทีมบริหารของนายไบเดน ไม่ว่าจะเป็น
- แผนขึ้นภาษีภาคบริษัท (ที่อาจส่งผลต่อตลาดหุ้น)
- โอกาสการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ (ที่อาจส่งผลลบอย่างแรงได้)
นอกจากนี้ ค่าเงินเปโซของเม็กซิโกดูจะได้รับผลกระทบจากทีมบริหารทรัมป์ที่ยังคงเข้มขวดทางด้านการค้า
ตลาดก็ยังคงรอประชุมเฟดที่คาดว่าจะยังคงนโยบายในการประชุมสัปดาห์นี้ แต่น่าจะมีการให้ความสนใจไปยังความผันผวนของตลาดด้วย ท่ามกลางการเลือกตั้งสหรัฐฯในเวลานี้ที่ดูจะหนุนหยวนและค่าเงินเปโซของเม็กซิโก
· CNBC เผย “ทรัมป์” จะยื่นฟ้องขอนับคะแนนใหม่ในรัฐมิชิแกนและวิสคอนซิน หลังผลโหวตพลิกโผเป็นไบเดน
· ความหวังกระตุ้นเศรษฐกิจเลือนหายไป จึงอาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจที่เปราะบาง
รายงานจาก CNBC ระบุว่า แม้ว่าจะมีคำถามเกิดขึ้นมากมายว่าท้ายที่สุดใครจะได้เป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯในครั้งนี้ และหนึ่งความหวังที่จะช่วยสนับสนุนเศรษฐกิจอย่างเร่งด่วนก็คือมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของพรรคเดโมแครต ที่อาจมีเม็ดเงินกระตุ้นมากถึง 3 ล้านล้านเหรียญ
แต่แนวโน้มของความคาดหวังดังกล่าวก็ดูจะลดน้อยลงไป เมื่อเสียงข้างมากในวุฒิสภาส่วนใหญ่น่าจะยังเป็นรีพับลิกันอยู่ ดังนั้น ถึงแม้ว่านายไบเดนจะชนะ ก็อาจะทำการกระตุ้นเศรษฐกิจได้เพียงเล็กน้อยหรือไม่มีข้อตกลงใดๆเกิดขึ้นเลย
· เฟดน่าจะไม่แตะเรื่องเลือกตั้ง แต่อาจมีการกล่าวย้ำถึงเศรษฐกิจสหรัฐฯจำเป็นต้องมี “มาตรการกระตุ้นเพิ่ม”
การประชุมเฟดช่วง 2 วันที่จะสิ้นสุดในคืนวันนี้ คาดว่าจะไม่มีแถลงการณ์ใหม่ใดๆจากเฟด หรือการกระตุ้นใหม่ๆเพิ่มเติม และคาดว่า นายเจอโรม โพเวลล์ ประธานเฟดที่คาดว่าน่าจะยังกล่าวถึงมุมมองของเขาต่อความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ และน่าจะกล่าวถึงควาสำคัญของความจำเป็นที่จะต้องมี มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมก่อนสิ้นปีนี้ เพื่อช่วยเศรษฐกิจให้ฟื้นตัวต่อได้จากวิกฤตไวรัสโคโรนา ในช่วงแถลงข่าวหลังจบการประชุมคืนนี้เวลา 02.30น. (ตามเวลาไทย)
บรรดานักเศรษฐศาสตร์ กล่าวไปในทางเดียวกันว่า เฟดน่าจะไม่กล่าวถึงการเลือกตั้งรอบนี้ หลังผลการเลือกตั้งไม่ชัดเจน โดยหลายๆรัฐสำคัญก็ดูจะยังไม่แน่นอนว่าใครจะเป็นผู้ชนะ
อย่างไรก็ดี ถ้อยแถลงของประธานเฟดน่าจะค่อนข้างชัดเจนอย่างมากในการกล่าวถึงเม็ดเงินที่จำเป็นสำหรับประชาชน ที่จะส่งผลให้ตลาดอาจได้รับผลกระทบเชิงลบตามไปด้วย
· BoE คงอัตราดอกเบี้ย 0.1% และหนุนการเข้าซื้อพันธบัตรเพิ่ม 1.5 แสนล้านปอนด์ สู่ระดับ 8.95 แสนล้านปอนด์ ท่ามกลางการ Lockdown รอบ 2 ที่อังกฤษ
ในเดือนที่แล้วธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) มีการเปิดเผยถึงการเตรียมความพร้อมที่จะใช้อัตราดอกเบี้ยติดลบ โดยมีความเป็นไปได้ที่อาจเห็นอัตราดอกเบี้ยอยู่ต่ำกว่าระดับศูนย์ได้ หากจำเป็น
นับตั้งแต่ที่เกิดการระบาดของไวรัสโคโรนาตั้งแต่มี.ค. บีโออีมีการปรับลดดอกเบี้ยลงมาแล้ว 2 ครั้ง จากระดับ 0.75% เหลือเพียง 0.1% พร้อมปล่อยมาตรการ QE มูลค่า 7.45 แสนล้านเหรียญ (9.651 แสนล้านเหรียญ)
สำนักงานสถิติแห่งชาติอังกฤษ เผย จีดีพีอังกฤษโตได้เพียง 2.1% ในเดือนส.ค. หลังจากที่หดตัวไปกว่า -19.8% เมื่อช่วงไตรมาสที่ 2/2020 อันเนื่องจากผลกระทบจาก Lockdown
· อังกฤษต้องการสร้างความมั่นใจให้กับรัฐบาลใหม่ของสหรัฐอเมริกาว่าจะปกป้องข้อตกลงสันติภาพของไอร์แลนด์เหนือในการเจรจาการค้ากับสหภาพยุโรปในเรื่อง “สันติภาพไอร์แลนด์เหนือ”
· AstraZeneca คาดเผยข้อมูลวัคซีน Covid-19 ได้ภายในปีนี้
AstraZeneca บริษัทผู้ผลิตยาของอังกฤษที่เป็นหนึ่งในผู้เข้าร่วมศึกษาและวิจัยกับมหาวิทยา Oxford พบว่ามียอดขายในช่วงไตรมาสที่ 3/2020 เพิ่มขึ้นหลังจากที่บริษัทเผยว่าจะสามารถให้ข้อมูลวัคซีน Covid-19 ได้ภายในปีนี้ ท่ามกลางการทดลองที่อยู่ในขั้นตอนสุดท้าย
ทั้งนี้ บริษัทดังกล่าวได้รับเงินทุนนับพันนล้านเหรียญจากการลงนามข้อตกลงกับหลายๆประเทศในการผลิตวัคซีนให้ได้ 3 พันล้านโดสให้แก่นานาประเทศทั่วโลก และข้อมูลในเดือนต.ค. ก็พบว่าวัคซีนที่ถูกเรียก AZD1222 หรือ ChAdOx1 nCoV-19 ค่อนข้างมีผลค่อนข้างดีและเสริมภูมิต้านทานในเด็กและผู้สูงอายุ
อย่างไรก็ดี คาดว่าอังกฤษจะเริ่มต้นผลิตวัคซีนได้สำเร็จภายในช่วงเดือนธ.ค. หรือต้นปี 2021
· ยอดคำสั่งซื้อภาคอุตสาหกรรมเยอรมนีออกมาแย่ ฉุดทิศทางเศรษฐกิจยูโรโซน
ข้อมูลยอดคำสั่งซื้อสินค้าภาคอุตสาหกรรมเยอรมนี (Industrial Orders) ออกมาแย่กว่าคาด โดยขยายตัวได้เพียง 0.5% ในเดือนก.ย. ท่ามกลางยอดคำสั่งซื้อในยูโรโซนที่ปรับตัวลดลง ตอกย้ำว่าเศรษฐกิจกำลังเผชิญกับการฟื้นตัวที่ยากลำบากหลังเกิดการระบาดของ Covid-19 รอบใหม่
· อิตาลีล็อกดาวน์กรุงมิลาน ที่เป็นแหล่งสำคัญทางการเงินของประเทศ
· ฝรั่งเศส, เยอรมนี และอังกฤษประกาศ Lockdown รอบใหม่ แต่การระบาดของ Covid-19 ยังมียอดผู้ติดเชื้อใหม่เพิ่มขึ้นในระดับสูง

· แหล่งข่าว เปิดเผย จีนพิจารณาเป้าหมายการเติบโตของจีดีพีในช่วง 5 ปีที่ระดับ 5%
· จีนสั่งห้ามผู้เดินทางจากอังกฤษ-เบลเยียมเข้าประเทศชั่วคราว หวังยับยั้งไวรัสโคโรนาระลอก 2
รัฐบาลจีนประกาศห้ามผู้ที่เดินทางจากอังกฤษและเบลเยียมเข้าสู่ประเทศจีนเป็นการชั่วคราว พร้อมกำหนดมาตรการตรวจหาเชื้อไวรัสโคโรนาที่เข้มงวดสำหรับผู้ที่เดินทางมาจากสหรัฐ ฝรั่งเศส และเยอรมนี นอกจากนี้ รัฐบาลจีนยังประกาศใช้มาตรการควบคุมพื้นที่ชายแดนอีกครั้ง โดยมีเป้าหมายที่จะสกัดการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา ซึ่งขณะนี้มีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นทั่วโลก
· ออสเตรเลียสั่งซื้อวัคซีน Covid-19 เพิ่มเป็นจำนวน 135 ล้านโดส
นายกรัฐมนตรีออสเตรเลีย ระบุว่า รัฐบาลจะทำการเข้าซื้อวัคซีน
- 40 ล้านโดสจากบริษัท Novavax
- 10 ล้านโดสจากบริษัท Pfizer และ BioNTech
- (ล่าสุดเพิ่ม) 85 ล้านโดส จากบริษัท AstraZeneka
โดยคาดว่าจะมีค่าใช้จ่ายโดยรวมประมาณ 2.3 พันล้านเหรียญ
· อินโดนีเซียได้รับผลกระทบจาก Covid-19 เข้าสู่ภาวะถดถอยเป็นครั้งแรกในรอบ 20 ปี
ท่ามกลางประชาชนนับล้านคนที่ตกงาน และคาดจีดีพีจะแย่กว่า -3.49% เมื่อเทียบรายปี หลังจากที่หดตัวไป -5.32% ใน Q2/2020 พร้อมคาดจีดีพี Q3/2020 จะได้รับผลกระทบจาก
- การอุปโภคบริโภคภาคครัวเรือนดิ่งลง
- การลงทุนปรับตัวลดลงใน
· ราคาน้ำมันดิบปรับลดลงกว่า 1% เนื่องจากตลาดได้รับผลกระทบจากความไม่แน่นอนของการเลือกตั้งสหรัฐฯ
ราคาน้ำมันปรับลดลงในวันนี้ ขณะที่นายโจไบเดน จากพรรคเดโมแครตขยับเข้าใกล้ต่ำแหน่งประธานาธิบดีในการเลือกตั้งของสหรัฐฯในครั้งนี้ แต่พรรครีพับลิกันดูเหมือนจะยังคุมเสียงข้างมากในวุฒิสภาซึ่งจะลดโอกาสในการกระตุ้นแพ็กเกจ COVID-19
น้ำมันดิบ WTI ร่วงลง 64 เซนต์ หรือ -1.63% ที่ระดับ 38.51 เหรียญ ขณะที่ น้ำมันดิบ Brent ลดลง 68 เซนต์ หรือ -1.65% ที่ระดับ 40.55 เหรียญ/บาร์เรล โดยที่ทั้งคู่เพิ่มขึ้นจากเมื่อวาน 4%
ไบเดนถูกคาดว่าจะเอาชนะนายทรัมป์ได้ในรัฐมิชิแกน และวิสคอนซิน ขณะทีนายทรัมป์จะฟ้องศาลและเรียกร้องให้เกิดการนับผลคะแนนใหม่
นักวิเคราะห์จาก RBC Capital Markets ระบุว่า ในอีก 2-3 สัปดาห์ข้างหน้าอาจเผชิญกับความวุ่นวายค่อนข้างมากทางการเมืองและความท้าทายของสภาสูง ตลอดจนการนับผลคะแนนใหม่ได้