• สรุปข่าวเศรษฐกิจ (ภาคค่ำ) ประจำวันที่ 2 ตุลาคม 2563

    2 ตุลาคม 2563 | Economic News
 

·         ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐและเงินเยนพุ่งสูงขึ้นหลังประธานาธิบดีทรัมป์กล่าวว่าตนเองตรวจพบเชื้อโควิด-19

 

ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐและเงินเยนปรับตัวขึ้นทำจุดสูงสุดในรอบสัปดาห์หลังจากประธานาธิบดีทรัมป์กล่าวว่าตนเองตรวจพบเชื้อโควิด-19 และอยู่ในการกักตัว

 

ข่าวดังกล่าวสร้างความผันผวนแก่ตลาด โดยที่นักลงทุนเริ่มกังวลกับการเลิกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐที่จะเกิดขึ้นในเดือนพฤศจิกายนนี้ ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐปรับเพิ่มขึ้นประมาณ 0.5%

 

ในขณะที่ค่าเงินเยนปรับเพิ่มขึ้น 0.3% มาอยู่ที่ 105.27 เยนต่อเหรียญสหรัฐ โดยค่าเงินเยนปรับแข็งค่าขึ้นกว่าสกุลเงินอื่นๆ ท่ามกลางการหลักเลี่ยงออกจากการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงและสินค้าโภคภัณฑ์

 

ค่าเงินยูโรปอ่อนค่าลงประมาณ 0.3% อยู่ที่ระดับ 1.1716 เหรียญสหรัญต่อยูโร

 

 

·         จำนวนผู้ขอสวัสดิการว่างงานลดต่ำลงสู่ระดับ 837,000 รายตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจอย่างค่อยเป็นค่อยไป


จำนวนผู้ขอสวัสดิการว่างงานมีจำนวน 837,000 รายในสัปดาห์ที่ผ่านมา ลดลงจำนวน 36,000 รายจากสัปดาห์ก่อนหน้า ซึ่งเป็นการประกาศตัวเลขที่ต่ำกว่า ล้านรายติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่ ตั้งแต่เกิดวิกฤติโคโรนาไวรัสในสหรัฐฯ อย่างไรก็ตาม ตัวเลขดังกล่าวก็ยังสูงกว่าตัวเลขก่อนเกิดวิกฤตอยู่

 


 

·         ตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภคในสหรัฐของเดือนสิงหาคมปรับตัวสูงขึ้น เศรษฐกิจยังคงฟื้นตัวต่อเนื่องในไตรมาสที่ 3

กระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภคปรับเพิ่มขึ้นร้อยละ 1 ในเดือนสิงหาคม ต่อเนื่องจากการปรับเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.5 ในเดือนกรกฎาคม ในขณะที่รายได้ต่อหัวประชากรลดลงร้อยละ 2.7 ในเดือนสิงหาคม สะท้อนการลดลงของสวัสดิการว่างงาน ซึ่งเงินสนับสนุนการว่างงานเดือนละ 600 เหรียญสิ้นสุดในเดือนกรกฎาคมและถูกปรับลงเหลือเงินสนับสนุนเดือนละ 300 เหรียญแทน

 


 

·         ประธานธนาคารกลางสหรัฐสาขาดัลลาส กล่าวว่า อาจจะจำเป็นต้องต่อภาวะดอกเบี้ยใกล้ศูนย์ยาวนานถึง 3 ปี

 

ประธานธนาคารกลางสหรัฐสาขาดัลลาส กล่าวว่า อาจจะจำเป็นต้องต่อภาวะดอกเบี้ยใกล้ศูนย์ยาวนานถึง ปีเพื่อสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐจากวิกฤติการระบาดโคโรนาไวรัส และยังชี้ว่านโยบายเป้าหมายเงินเฟ้อใหม่ของธนาคารกลางจะส่งสัญญาณว่าจะคงอัตราดอกเบี้ยระดับต่ำถึงแม้ว่าอัตราการว่างงานจะลดลงก็ตาม

 


 

·         ประธานาธิบดีทรัมป์และภริยาตรวจพบเชื้อโคโรนาไวรัส

 

ประธานาธิบดีทรัมป์และภริยาตรวจพบเชื้อโคโรนาไวรัส  หลังจากนางโฮป ฮิก ที่ปรึกษาคนสำคัญตรวจพบเชื้อโครโรนาไวรัส ซึ่งได้มีการเดินทางร่วมกับประธานาธิบดีทรัมป์หลายครั้งด้วยกันในสัปดาห์ที่ผ่านมา นอกจากนี้ การตรวจพบเชื้อโควิด-19ของประธานาธิบดีทรัมป์เกิดขึ้นหลังการดีเบตการเลือดตั้งประธานาธิบดีบดีเพียง 2 วัน

 

แพทย์ประจำทำเนียบขาวเปิดเผยว่า นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ และนางเมลาเนีย ทรัมป์ สุภาพสตรีหมายเลขหนึ่ง มีแผนที่จะพำนักที่ทำเนียขาวในระหว่างการพักฟื้นและกักตัว และเจ้าหน้าที่ด้านการแพทย์จะติดตามอาการของปธน.ทรัมป์และเมลาเนียอย่างใกล้ชิด

 


 

·         ทูตจีนประจำสหรัฐ กล่าวว่า ควรเร่งรื้อฟืนความสัมพันธ์อันดีระหว่างจีนและสหรัฐ

 

ทูตจีนประจำสหรัฐกล่าวถึงรัฐบาลสหรัฐว่า ความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับสหรัฐปัจจุบันอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก และควรให้ทั้งสองประเทศกลับมารื้อฟืนความสัมพันธ์อันดีกลับมาโดยเร็ว

 

 

 

·         ความเชื่อมั่นผู้บริโภคของญี่ปุ่นดีขึ้นในเดือนก.ย.

 

ผลสำรวจ แสดงให้เห็นว่า ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคของญี่ปุ่นประจำเดือนก.ย.ปรับตัวดีขึ้น ขณะที่เตือนว่าสถานการณ์ยังคงรุนแรงจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของโคโรนาไวรัส

 

โดยดัชนีความเชื่อมั่นภาคครัวเรือนทั่วไปเดือนก.ย.เพิ่มขึ้นเป็น 32.7 จาก 29.3 ในเดือนส.ค. ขณะที่ในเดือนเม.ย.ดัชนีลดลงสู่ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 21.6



 

 

·         ตลาดงานญี่ปุ่นเดือนส.ค.แย่ลง จากความเสียหายของไวรัสโคโรนายังคงมีอยู่

 

อัตราการว่างงานของญี่ปุ่นประจำเดือนส.ค.เพิ่มขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบ 3 ปีและตำแหน่งงานที่เปิดรับสมัครลดลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบกว่า 6 ปี ซึ่งบ่งชี้ถึงความเสียหายที่เกิดจากการระบาดของไวรัสโคโรนาที่ยังคงมีอยู่ตลอดทั้งเดือน

 

ตัวเลขดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากนายโยชิฮิเดะ ซูงะ นายกรัฐมนตรีคนใหม่ ให้คำมั่นว่าจะแก้ไขปัญหาแรงงานของบริษัทต่างๆในธุรกิจและช่วยให้เศรษฐกิจฟื้นตัวจากผลกระทบของมาตรการที่ใช้เพื่อควบคุมการแพร่กระจายของไวรัสโคโรนา


 

 

·         โพลล์สำรวจ Reuters ชี้ การใช้จ่ายครัวเรือนของญี่ปุ่นเดือนส.ค.ลดลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 11

 

โพลล์สำรวจจากสำนักข่าว Reuters ระบุว่า การใช้จ่ายภาคครัวเรือนญี่ปุ่นประจำเดือนส.ค.คาดว่าจะลดลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 11 ชี้ให้เห็นว่าวิกฤตไวรัสโคโรนายังคงส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของผู้บริโภค

 

โดยการใช้จ่ายภาคครัวเรือนมีแนวโน้มที่จะลดลง 6.9% จากปีก่อนหน้า หลังจากที่ร่วงลง 7.6% ในเดือนก.ค.ที่ผ่านมา

 

ด้านนักวิเคราะห์กล่าวว่า เศรษฐกิจกำลังฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไปหลังจากประสบปัญหาการหดตัวในไตรมาสที่สอง แต่สถานการณ์การจ้างงานและค่าจ้างยังคงอ่อนแอ

 

ขณะที่ยอดผู้ติดเชื้อรายใหม่ในญี่ปุ่นมีแนวโน้มลดลงเมื่อเร็ว ๆ นี้


 

 

·         ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลงหลังผลเลือดของ ทรัมป์ ออกมาเป็นบวกจาก COVID - 19

 

ราคาน้ำมันดิบปรับลดลงประมาณ 3% ในวันนี้ หลังจากที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ป์ของสหรัฐฯ กล่าวว่าตัวเขาเองได้เข้าทดสอบ COVID - 19 และเป็นผลบวก ในขณะที่ความวิตกกังวลเกี่ยวกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของสหรัฐฯที่ยังไม่สามารถตกลงกันได้ ทำให้เกิดความกังวลด้านอุปสงค์

 

น้ำมันดิบ Brent ปรับลดลงจากข่าวของนายทรัมป์ ลดลง 1.12 เหรียญ หรือประมาณ 2.7% ที่ระดับ 39.81 เหรียญ/บาร์เรล

น้ำมันดิบ WIT ปรับลดลง 1.12 เหรียญ หรือ 2.9% ที่ระดับ 37.60 เหรียญ/บาร์เรล

 

ภาพรวมรายสัปดาห์ราคาน้ำมันดิบ WTI และ Brent กำลังลดลง 5% และ 6% ตามลำดับ ซึ่งลดลงเป็นสัปดาห์ที่สองติดต่อกัน


บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com