• สรุปข่าวราคาทองคำ (ภาคเช้า) ประจำวันที่ 21 กันยายน 2563

    21 กันยายน 2563 | Gold News

ทองขึ้นจากดอลลาร์อ่อนค่า, จับตาการปรับขึ้นเป็นสัปดาห์ที่ 2

· ราคาทองคำปิดปรับตัวสูงขึ้นในคืนวันศุกร์ และปิดรายสัปดาห์ในแดนบวกต่อเนื่อง 2 สัปดาห์ โดยปิด +0.6% ท่ามกลางการอ่อนค่าของดอลลาร์ ประกอบกับความกังวลเกี่ยวกับการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจจากวิกฤตไวรัสโคโรนา

· ราคาทองคำตลาดโลกปิด +0.6% ที่ 1,953.72 เหรียญ ขณะที่สัญญาทองคำส่งมอบเดือนธ.ค. ปิด +0.6% ที่ระดับ 1,962.10 เหรียญ


· นักวิเคราะห์จาก ED&F Man Capital Markets กล่าวว่า การอ่อนค่าของดอลลาร์ดูจะยังทำให้ทองคำเคลื่อนไหวในกรอบ และการอ่อนค่าอย่างต่อเนื่องน่าจะเป็นผลดีกับราคาทองคำ ประกอบกับการที่เฟดและธนาคารกลางทั่วโลกยังคงมีแนวโน้มการเพิ่มมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ และข้อตกลงทางการเงินของสหรัฐฯที่จะเกิดขึ้น ทั้งหมดนี้ยังเป็นปัจจัยหนุนทองคำในทิศทางขาขึ้น


· นักวิเคราะห์จาก Standard Chartered เชื่อว่า ความเสี่ยงที่ยังมีอยู่ถือเป็นปัจจัยสนับสนุนทองคำ และเราคาดว่าจะเห็นทองคำปรับมีค่าเฉลี่ยที่ 2,000 เหรียญในช่วงไตรมาสที่ 4 ของปีนี้ และระดับราคา 2,125 เหรียญ ในปีหน้า ขณะที่ระยะสั้นๆจะมีการเคลื่อนไหวในลักษณะปรับฐาน ท่ามกลางอัตราดอกเบี้ยติดลบ และดอลลาร์อ่อนค่า ที่ดูจะทำให้ทองคำยังมีแนวโน้มจะปรับขึ้นต่อในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า


· ราคาซิลเวอร์ปิด +0.5% ที่ 26.97 เหรียญ และพลาเดียมปรับลง 0.8% ที่ระดับ 932.80 เหรียญ ทางด้านพลาเดียมปิด +0.3% ที่ 2,343.65 เหรียญ


· สถานการณ์ไวรัสโคโรนา:

พบผู้ติดเชื้อทั่วโลกล่าสุดทะลุ 31.22 ล้านราย เสียชีวิตสะสมทั่วโลกไม่น้อยกว่า 964,000 ราย สำหรับยอดผู้ติดเชื้อในสหรัฐฯสะสมเกิน 7 ล้านราย และมีผู้เสียชีวิตรวมไม่น้อยกว่า 204,000 ราย

ทางด้านอินเดียยังพบการแพร่ระบาดอยู่ในระดับสูงและมีผู้ติดเชื้อสะสมของประเทศกว่า 5.48 ล้าน ด้านบราซิลที่เป็นประเทศติดเชื้อสะสมลำดับที่ 3 พบล่าสุดผู้ติดเชื้อสูงกว่า 4.54 ล้านราย


· Reuters เผย พบผู้ติดเชื้อ COVID-19 ในสภาคองเกรสสหรัฐฯ จำนวน 18 ราย

โดยข้อมูลล่าสุดเมื่อวันอาทิตย์พบว่า ผู้ติดเชื้อไวรัสดังกล่าวเป็นสมาชิกพรรครีพับลิกัน 9 ราย และสมาชิกพรรคเดโมแครต 7 รายติดเชื้อไวรัสโคโรนา รวมทั้งเจ้าหน้าที่ในสภาฯด้วย


· รัฐมนตรีสิงคโปร์ ชี้ การระบาดของไวรัสโคโรนาส่งผลให้เกิดการแข่งขันในการหางานในสำนักงาน (White-Collar Job) เพิ่มมากขึ้น


· เฟดมินนีแอโพลิส ชี้ว่า มาตรการช่วยเหลือ Covid-19 ต้องรวมการช่วยเหลือภาคธนาคารด้วย

นายนีล คาร์ชคาริ ประธานเฟดสาขามินนีแอโพลิส กล่าวว่า ภาคธนาคารดูจะได้รับการช่วยเหลือเพียงเล็กน้อยในรอบกว่า 10 ปี จากการที่สภาคองเกรสปรับลดการช่วยเหลือคนว่างงานสหรัฐฯภายใต้นร่างมาตรการการเงินครั้งใหม่ของสหรัฐฯ


· ภาวะทางการเงินทีอ่อนแอในการฟื้นเศรษฐกิจสหรัฐฯ อาจสร้างโอกาสให้แก่นาย “ไบเดน”

จากข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯในสัปดาห์ที่ผ่านมา สะท้อนได้ว่าการฟื้นตัวยังเป็นไปอย่างช้าๆโดยปราศจากการใช้นโยบายช่วยเหลือทางการเงินครั้งใหม่ และทำให้โอกาสในการกลับมาดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสมัยที่ 2 ของนายทรัมป์อาจยากขึ้น หากยังไม่มีงบประมาณใหม่ใดๆได้ก่อน 3 พ.ย.นี้

นอกจากนี้ จากผลสำรวจเฟดเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาก็ได้สะท้อนว่าการใช้จ่ายของภาคครัวเรือนสหรัฐฯในเดือนก.ค. ที่ออกมาดีขึ้น ส่วนหนึ่งได้รับแรงหนุนจากมาตรการการช่วยเหลือของภาครัฐ

บรรดานักเศรษฐศาสตร์จาก Goldman Sachs หนุนมุมมองการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯในช่วงไตรมาสที่ 4/2020 ไว้ว่าจะฟื้นตัวดีขึ้นหาก “นายโจ ไบเดน” ได้รับชัยชนะในการเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ เนื่องจากเขาเป็นตัวแทนของพรรคเดโมแครต และเดโมแครตเองก็ครองเสียงข้างมากในวุฒิสภา จึงอาจทำให้เดโมแครตตัดสินใจอนุมัติแพ็คเกจทางการเงินมูลค่ากว่า 1 ล้านล้านเหรียญได้

สำหรับผลสำรวจจาก Reuters/Ipsos Poll สะท้อนว่า ประชาชนผู้สูงอายุส่วนใหญ่กว่า 45% ในสหรัฐฯยังคิดว่าจะเลือกนายทรัมป์ เมื่อเทียบกับ 36% ที่มองว่า นายไบเดนเหมาะกับตำแหน่งมากกว่า

อย่างไรก็ดี ภาพรวมทางเศรษฐกิจก็ยังมีความกังวลและประชาชนนับล้านก็ยังตกงานเพราะ Covid-19 ดังนั้น สิ่งที่ประชาชนสหรัฐฯให้ความสำคัญในเวลานี้ คือเขากังวลเกี่ยวกับความสามารถของผู้ลงเลือกตั้งประธานาธิบดีในการแก้ไขและต่อสู้กับวิกฤตไวรัสโคโรนา รวมทั้งการสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ภาครัฐ และในประเด็นดังกล่าวดูจะทำให้ภาพรวมนายไบเดนมีคะแนนนำนายทรัมป์


· “ทรัมป์” เห็นด้วยกับข้อตกลง TikTok ของทาง Oracle และ Walmart

นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ กล่าวชื่นชมข้อตกลงของบริษัท Oracle และ Walmart ในการเป็นหุ้นส่วนกับ TikTok ในการดำเนินการภายในสหรัฐฯ ในชื่อใหม่ “TikTok Global” ขณะที่ทางกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ ประกาศอาจจะเลื่อนกำหนดการห้ามดาวน์โหลดแอพฯ TikTok ออกไปอีกจนถึงวันอาทิตย์ที่ 27 ก.ย. จากสถานการณ์ที่เป็นไปในทางที่ดี


· ทีมบริหารทรัมป์จ่อคว่ำบาตรอิหร่านเพิ่ม

ทีมบริหารนายทรัมป์มีกำหนดการจะประกาศมาตรการคว่ำบาตรรอบใหม่ต่ออิหร่าน และดูจะมีการเพิ่มมาตรการสนับสนุนการกดดันขั้นสูงสุดต่อต้านการพัฒนาโครงการนิวเคลียร์ของอิหร่าน รวมทั้งการคว่ำบาตรรายชื่อกว่า 24 รายและบริษัทต่างๆที่มีการอำนวยความสะดวกทางด้านยุทโธปกรณ์หรืออุปกรณ์แก่อิหร่าน


· อิตาลีคาดจีดีพีปีนี้โตได้ -9% คาดปีหน้าโตได้กว่า 5%

อิตาลีมีการปรับคาดการณ์จีดีพีที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตไวรัสโคโรนา โดยคาดว่าปีหน้าจีดีพีจะเติบโตได้กว่า 5% หลังจากที่หดตัวลงมากว่า -9% ในปีนี้ ซึ่งคาดการณ์ใหม่นี้ดูจะสอดคล้องกับคาดการณ์ของบริษัทการเงินต่างๆ ที่จะนำมาเปิดเผยในสัปดาห์หน้า ประกอบกับการเตรียมกรอบการดำเนินนโยบายงบประมาณปี 2021 ที่จำเป็นต้องได้รับอนุมัติจากทางคณะกรรมาธิการอียูในช่วงกลางเดือนต.ค.


· “สี” เผยเศรษฐกิจจีนยังแข็งแกร่ง แม้ว่าจะมีความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงต่างๆที่เกิดขึ้น

นายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน กล่าวว่า เศรษฐกิจจีนยังคงมีความแข็งแกร่ง ท่ามกลางการใช้เครื่องมือในการดำเนินนโยบายอย่างเพียงพอต่อการจัดการกับเศรษฐกิจของประเทศ แม้ว่าจะมีความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงต่างๆที่เกิดขึ้นก็ตาม

โดยจะเห็นได้ว่า เศรษฐกิจจีนมีการฟื้นตัวได้อย่างมีเสถียรภาพหลังได้รับผลกระทบจากวิกฤตไวรัสโคโรนา แต่บรรดานักวิเคราะห์กล่าวว่า บรรดาผู้กำหนดนโยบายทางการเงินกำลังเผชิญกับภาวะตึงตัวในภาคแรงงานที่คาดจะขยายตัวไปอีกหลายปี ในการจะทำให้ประเทศจีนกลับมามีรายได้ในระดับสูงอีกครั้ง


· นักบริหารการเงิน ปประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทสำหรับสัปดาห์นี้ไว้ที่ 30.85-31.30 บาท/ดอลลาร์ฯ โดยปัจจัยสำคัญในประเทศ ได้แก่ สถานการณ์ทางการเมือง ผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ในวันที่ 23 ก.ย. และตัวเลขการส่งออกเดือนส.ค.

ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญระหว่างสัปดาห์ ได้แก่ ดัชนี PMI ภาคการผลิต/ภาคบริการเดือนก.ย. (เบื้องต้น) ยอดขายบ้านใหม่ ยอดขายบ้านมือสอง และยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนส.ค. และจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์

นอกจากนี้ ตลาดยังรอติดตามถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่เฟด สถานการณ์ไวรัสโคโรนาทั่วโลก ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ-จีน ประเด็น BREXIT และการกำหนดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ LPR ประจำเดือนก.ย. ของธนาคารกลางจีน

สำหรับเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ค่าเงินบาทอยู่ที่ระดับ 31.10 บาท/ดอลลาร์ เงินบาททยอยแข็งค่าขึ้น ตามทิศทางค่าเงินหยวนและสกุลเงินเอเชียอื่นๆ ซึ่งมีแรงหนุนจากข่าวการพัฒนาวัคซีนสำหรับป้องกันไวรัสโคโรนา ขณะที่เงินดอลลาร์ฯ เผชิญแรงขายตามการส่งสัญญาณผ่อนคลายทางการเงิน และยืนอัตราดอกเบี้ยนโยบายในระดับต่ำเป็นเวลานานของเฟด ประกอบกับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ (อาทิ ตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านที่หดตัวลง) ก็อ่อนแอกว่าที่คาดด้วยเช่นกัน นอกจากนี้การแข็งค่าของค่าเงินบาทยังสอดคล้องกับจังหวะการซื้อสุทธิพันธบัตรไทยของนักลงทุนต่างชาติด้วยเช่นกัน

· อ้างอิงจากสำนักข่าวอินโฟเควสท์

- นายวิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการ ธปท.เผยให้ความสำคัญกับการผลักดันการพัฒนาและลงทุนด้านดิจิทัลและเทคโนโลยีในระบบการเงินอย่างต่อเนื่อง เพื่อช่วยให้ภาคการเงินและภาคธุรกิจในการลดต้นทุน บริหารจัดการความเสี่ยงและอำนวยความสะดวกให้แก่ลูกค้าในการให้บริการได้ดีขึ้นโดยเฉพาะในช่วงการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา

- นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.อุตสาหกรรม เปิดเผยว่า กระทรวงอุตสาหกรรมผลักดันแผนพัฒนาอุตสาหกรรมเครื่องจักรกลให้เป็นอุตสาหกรรมสนับสนุนเพิ่มขีดความสามารถการผลิตทั้งภาคอุตสาหกรรมและภาคเกษตรกรรม ลดการนำเข้าจากต่างประเทศและหันมาใช้เครื่องจักรกลที่ผลิตภายในประเทศแทน ซึ่งจะเป็นจุดเริ่มต้นในการปฏิรูปโครงสร้างทางเศรษฐกิจที่พึ่งพาต่างประเทศ สร้างความเข็มแข็งให้กับเศรษฐกิจภายในและเศรษฐกิจฐานราก เพิ่มการบริโภคและการลงทุนในประเทศยกระดับขีดความสามารถผู้ผลิตเครื่องจักรกลไทยด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่ สร้างนวัตกรรมที่ตอบสนองความต้องการและยกระดับแบรนด์ไทยให้เป็นที่น่าเชื่อถือ


· อ้างอิงจากไทยรัฐ

สื่อนอกชี้ เยาวชนไทย จุดม็อบ ‘ความเหลื่อมล้ำ’ ประท้วงใหญ่ปฏิรูปประชาธิปไตย

- สื่อต่างชาติจับตาการชุมนุมประท้วงครั้งใหญ่สุดของไทยในรอบ 6 ปี เรียกร้องปฏิรูปประชาธิปไตย

- กลุ่มผู้ประท้วงในไทยยื่นข้อเรียกร้องใหม่ 3 ข้อ ให้นายกฯ ยุบรัฐสภา แก้ไขรัฐธรรมนูญ และหยุดคุกคามประชาชน

- ชี้ม็อบ 19 กันยา จากเยาวชนจุดพลเมืองทุกชนชั้นไม่พอใจ ความเหลื่อมล้ำทางสังคม ชุมนุมประท้วงใหญ่

สำนักข่าวอัลจาซีราเปิดเผยว่า กลุ่มผู้ประท้วง ซึ่งนำโดยกลุ่มนักศึกษาได้เพิ่มจำนวนมากขึ้นในการชุมนุมเมื่อวันที่ 19 ก.ย.ที่ผ่านมา โดยมีผู้คนจากหลากหลายวัย และทุกระดับชั้นของสังคมเข้าร่วมการชุมนุม ท่ามกลางความไม่พอใจเรื่องเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจ ที่ขยายตัวเพิ่มมากขึ้น


อ่านข่าวอื่นๆเพิ่มเติมได้ที่: www.mtsgold.co.th


บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com