• สรุปข่าวเศรษฐกิจ (ภาคค่ำ) ประจำวันที่ 13 สิงหาคม 2563

    13 สิงหาคม 2563 | Economic News
 

· ดอลลาร์อ่อนค่าท่ามกลางความไม่แน่นอนของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิ

ดอลลาร์อ่อนค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักส่วนใหญ่ จากตลาดที่ลดความหวังเกี่ยวกับการหารือของรีพับลิกันและเดโมแครต เกี่ยวกับการเพิ่มมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของสหรัฐฯ

ออสเตรเลียดอลลาร์แข็งค่าขึ้นหลังจากที่ข้อมูลตลาดแรงงานดีขึ้นกว่าที่คาด จึงช่วยบรรเทาความกังวลของผลกระทบจากการระบาดของไวรัสโคโรนา

ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลงตามอัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่ปรับลง แต่กลุ่มนักวิเคราะห์มองว่าการอ่อนค่าน่าจะเป็นไปอย่างชั่วคราว จากการที่บรรดาเจ้าหน้าที่สหรัฐฯที่คาดจะเห็นพ้องต่อแพ็คเกจกระตุ้นเศรษฐกิจร่วมกันได้

ค่าเงินยูโรแข็งค่าแตะ 1.1804 ดอลลาร์/ยูโร หลังจากที่เมื่อวานปรับแข็งค่าได้ 0.4%

ค่าเงินปอนด์แข็งค่าขึ้น 0.15% ที่ 1.3053 ดอลลาร์/ปอนด์

ค่าเงินเยนแข็งค่าทำสูงสุดรอบ 3 สัปดาห์ที่ 106.78 เยน/ดอลลาร์

ค่าเงินหยวนปรับแข็งค่าขึ้นมากสุดรอบ 5 เดือน ก่อนที่จะทรงตัวบริเวณ 6.9421 หยวน/ดอลลาร์ ท่ามกลางความกังวลก่อนที่เจ้าหน้าที่สหรัฐฯและจีนจะเข้าพบกันวันเสาร์นี้ เพื่อหารือการปรับทบทวนข้อตกลงการค้าเฟส 1

นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ กล่าวตำหนิพรรคเดโมแครตที่ไม่ต้องการเจรจาแพ็คเกจช่วยเหลือไวรัสโคโรนา หลังจากที่เจ้าหน้าที่ระดับสูงจากทางพรรครีพับลิกันและเดโมแครตที่ยังล้มเหลวในการหาข้อตกลงร่วมกัน

อย่างไรก็ดี ดัชนีดอลลาร์ปรับเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยในวันนี้ แต่ก็ยังยืนได้เหนือระดับอ่อนค่ามากสุดรอบ 2 ปีที่ทำไว้เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว


· คาดผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานสหรัฐฯจะอยู่สูงกว่า 1 ล้านราย ท่ามกลางความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ


ข้อมูลจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์สหรัฐฯท่ี่จะประกาศในคืนนี้เวลา 19.30น. อาจจะยังสะท้อนได้ถึงการปรับขึ้นและลงในบางช่วง แต่ภาพโดยรวมยังคงอยู่ในระดับสูง ท่ามกลางความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจสหรัฐฯจากการะบาดของไวรัสโคโรนา

ทั้งนี้ บรรดานักเศรษฐศาสตร์หลายรายคาด จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์จะออมากแถวระดับ 1.25 ล้านราย

และทั้งหมดนี้จะสะท้อนถึงสัญญาณที่เพิ่มขึ้นของชาวอเมริกาที่ปราศจากวงเงินช่วยเหลือกว่า 600 เหรียญ/สัปดาห์ นับตั้งแต่ที่แพ็คเกจช่วยเหลือดังกล่าวหมดอายุในช่วงสิ้นเดือนก.ค.


· เศรษฐกิจสหรัฐฯไม่จำเป็นต้องเพิ่มการกระตุ้นเศรษฐกิจ

นายแลรี คุดโลว์ ที่ปรึกษาทำเนียบขาว กล่าวว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯกำลังเข้าสู่การฟื้นตัวได้อย่างมีเสถียรภาพ โดยไม่จำเป็นต้องมีการอัดฉีดการกระตุ้นเศรษฐกิจขนานใหญ่จากร่างงบประมาณช่วยเหลือวิกฤตไวรัสโคโรนา และข้อมูลเศรษฐกิจส่วนใหญ๋ก็ค่อนข้างที่จะออกมาดี และข้อมูลการติดเชื้อไวรัสโคโรนาก็ดูจะเริ่มชะลอการปรับขึ้น


· ที่ปรึกษาทำเนียบขาว ชี้ ข้อตกลงการค้าสหรัฐฯ-จีนยังอยู่ดี

นายแลรี คุโลว์ ที่ปรึกษาทางเศรษฐกิจของทำเนียบขาว กล่าวว่า จีนยังคงมีการเข้าซื้อสินค้าของสหรัฐฯอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ ภายใต้ข้อตกลงการค้าเฟส 1 กับทางสหรัฐฯ แม้ว่าจะมีความตึงเครียด เกี่ยวกับกรณีฮ่องกงและประเด็นอื่นๆอยู่ก็ตาม

และทั้งหมดที่เกิดขึ้นจะไม่สร้างความเสียหายของข้อตกลงการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีน ซึ่ง ณ ขณะนี้ก็ยังดำเนินไปด้วยดี


· แม้จะมีข้อตกลงการค้า แต่จีนก็ยังซื้อสินค้าเกษตรสหรัฐฯได้ไม่มากพอ

ตลอดช่วง 7 เดือนของข้อตกลงการค้าเฟสแรกระหว่างสหรัฐฯและจีนเพื่อระงับ Trade War ล่าสุดก็ดูเหมือนจีนจะมีการเข้าซื้อสินค้าเกษตรของสหรัฐฯได้ไม่ตรงตามเป้า

ขณะที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ก็พร้อมสำหรับการเลือกตั้งประธานาธิบดีในเดือนพ.ย. นี้

ทั้งนี้ ทั้ง 2 ฝ่ายจะเริ่มต้นหารือกันอีกครั้งต่อข้อตกลงการค้าในวันที่ 15 ส.ค.นี้ โดยสหรัฐฯมีการเรียกร้องให้จีนจะต้องสินค้าและภาคบริการของสหรัฐฯในปีนี้และปีหน้า

แต่ข้อมูลจาก PIIE ก็ระบุว่า จีนมีการเข้าซื้อสินค้าเกษตรในเดือนมิ.ย. ได้ไม่ถึงเป้าของข้อตกลงโดยมีการเข้าซื้อเพียง 39% ของเป้าหมายกลางปี ขณะที่สหรัฐฯเรียกร้องการเข้าซื้อที่ 48%

เจ้าหน้าที่อาวุโสของ PIIE กล่าวว่า ถ้านำข้อมูลดังกล่าวเปรียบเทียบก็ถือว่าดีกว่าเดิมค่อนข้างมาก ขณะที่ภายใต้เงื่อนไขข้อตกลงดังกล่าว จีนจะต้องมีการนำเข้าสินค้าเกษตรจากสหรัฐฯเพิ่มให้ได้ 3.2 หมื่นล้านเหรียญตลอดช่วง 2 ปีนี้ เมื่อเทียบจากระดับเดิมในปี 2017


· จีนกังวลภาวะตลาดตลาดการเงินในเหล็กผันผวน จากตึงเครียดกับสหรัฐฯที่เพิ่มขึ้น

ความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯและจีนที่เพิ่มขึ้นดูจะสร้างภาวะสงครามทางการเงินในเชิงลึก และผลที่ตามมาดูจะกดดันต่อค่าเงินดอลลาร์ ขณะที่เจ้าหน้าที่จีนและนักเศรษฐศาสตร์หลายรายมองว่า ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ได้มีการหารือถึงการที่จีนถูกปิดกั้นจากการชำระด้วยเงินดอลลาร์ ท่ามกลางระดับหนี้จำนวนมหาศาลของจีนที่อยู่ในรูปดอลลาร์

ความกังวลดังกล่าว ได้ทำให้หยวนมีการปรับอ่อนค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์ ขณะที่นักเศรษฐศาสตร์บางราย เชื่อว่าความตึงเครียดจะกระทบกับการส่งออกวัคซีนของจีนที่ถูกกำหนดการจ่ายเงินในรูปดอลลาร์


· EUR/USD ปรับขึ้นเหนือ 1.18 ดอลลาร์/ยูโร เหตุดอลลาร์ร่วง ผลตอบแทนพันธบัตรอ่อนตัว

นักวิเคราะห์จาก FXStreet วิเคราะห์ว่า ค่าเงินยูโรมีระดับการซื้อขายเหนือ 1.18 ดอลลาร์/ยูโร ท่ามกลางการปรับตัวลดลงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ขณะที่ตลาดจับตาข้อมูลจ้างงานรัฐบาลสหรัฐฯคืนนี้

ในทางเทคนิค ราคามีแนวโน้มจะทดสอบแนวต้านที่ 1.1840 ดอลลาร์/ยูโร และน่าจะมีโอกาสเข้าซื้อในจังหวะที่ราคามีการอ่อนตัว โดยจะมีระดับ Double-Top ที่ 1.1900 - 1.1910 ดอลลาร์/ยูโร ซึ่งภาพรวมตลาดยังให้น้ำหนักค่าเงินเป็นทิศทางแข็งค่า และมีโอกาสกลับทดสอบ 1.2000 ดอลลาร์/ยูโร ซึ่งเป็นระดับสำคัญทางจิตวิทยา โดยที่แนวต้านสำคัญอยู่ที่ 1.1975 - 1.1980 ดอลลาร์/ยูโร

ในทางตรงข้าม ระดับแนวรับจะอยู่ที่ 1.1740 และ 1.1735 ดอลลาร์/ยูโร หากหลุดลงมาจะมีแนวรับที่ 1.1700 ดอลลาร์/ยูโร ซึ่งหากปิดต่ำกว่าระดับดังกล่าวลงมามีโอกาสจะกลับเป็นขาลงและมีเป้าหมายระดับแนวรับถัดไปที่ 1.1625 - 1.1620 ดอลลาร์/ยูโร

นอกจากนี้ หากปรับลงต่ำกว่า 1.1600 ดอลลาร์/ยูโร จะเข้าสู่ภาวะปรับฐาน คาดจะมีเป้าหมายต่อไปที่ 1.1550 และ 1.1540 ดอลลาร์/ยูโร ขณะที่กรอบของ Fibonacci 50% อยู่ระหว่าง 1.1168 - 1.1916 ดอลลาร์/ยูโร


· เยอรมนี มองทิศทางบวกจากวัคซีนที่จะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่เดือน และคาดใช้ได้จริงแน่ปีหน้า

รัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุขของเยอรมนี กล่าวว่ากับสถานี ZDF โดยระบุถึงความคาดหวังว่าวัคซีน Covid-19 จะเกิดขึ้นได้ในอีกไม่กี่เดือน และมีวัคซีนใช้แน่ๆในช่วงปีหน้า แต่เขาก็ไม่ได้ให้รายละเอียดถึงเดือนที่แน่นอน


· กองทัพจีนกล่าวว่าการซ้อมรบใกล้ไต้หวันเมื่อเร็วๆนี้ “จำเป็น” เพื่อปกป้องอธิปไตย

สำนักข่ารอยเตอร์ส รายงานว่าเมื่อเร็วๆโฆษกของกองทัพจีนกล่าวว่า กองทัพของจีนฝึกซ้อมที่ไต้หวัน หลังจากการมาเยือนของผู้นำระดับสูงของสหรัฐฯที่ไต้หวัน

ผู้พันของกองทัพจีน นายจาง ชุนฮุย กล่าวว่าการฝึกซ้อมครั้งนี้ “เป็นการกระทำที่สำคัญ” เพื่อปกป้องอำนาจอธิปไตยของจีน

การฝึกซ้อมในครั้งนี้เกิดขึ้นระหว่างช่องแคบทางเหนือและใต้ของไต้หวัน

จีนมองว่าไต้หวันเป็นดินแดนส่วนหนึ่งของตนและใช้กำลังเพื่อนำเกาะนี้มาอยู่ภายใต้การควบคุมของตนเอง


· โรงงานนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม

U.S. think-tank รายว่า จากภาพดาวเทียมแสดงให้เห็นว่าน้ำท่วมที่เกาหลีเหนือครังล่าสุดอาจสร้างความเสียหายให้กับโรงปั๊มน้ำและโรงงานนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือ

นายกรัฐมนตรีกลาโหมของเกาหลีใต้ปฏิเสธที่จะแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับรายงานดังกล่าว แต่ได้กล่าวว่าได้จับตามองการพัฒนาที่เกี่ยวข้องกับนิวเคลียร์และแผนการใช้จรวดของเกาหลีเหนือและรักษาความร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับรัฐบาลสหรัฐฯ


· ราคาน้ำมันลดลง หลังจากกลุ่มโอเปกคาดการณ์อุปสงค์ที่ลดลง แต่การลดลงเป็นไปได้อย่างจำกัดจากสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐฯ

ราคาน้ำมันดิบสหรัฐฯปรับตัวลดลง หลังจากที่กลุ่มโอปเก ระบุว่า อุปสงค์น้ำมันจะมีการปรับตัวลดลงแตะ 9.06 ล้านบาร์เรลในปี 2020 เมื่อเทียบกับคาดการณ์ก่อนหน้าที่คาดไว้ที่ระดับ 8.95 ล้านนบาร์เรล ประกอบกับความไม่แน่นอนที่จะยังมีอยู่เกี่ยวกับเรื่องการฟื้นตัวในปีหน้า แม้ว่าข้อมูลแสดงการปรับลดลง แต่ยังได้รับแรงหนุนจากสต็อกน้ำมันดิบอยู่

ทั้งนี้ ราคาน้ำมันดิบ Brent ลดลง 26 เซนต์ หรือคิดเป็น 0.6% ที่ระดับ 45.17 เหรียญ/บารืเรล ขณะที่ราคาน้ำมันดิบ WTI ลดลง 25 เซนต์ หรือคิดเป็น 0.6% ที่ระดับ 42.42 เหรียญ/บาร์เรล


บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com