• สรุปข่าวราคาทองคำ (ภาคเช้า) ประจำวันที่ 5 สิงหาคม 2563

    5 สิงหาคม 2563 | Gold News
 

ทองพุ่งทะลุ 2,000 เหรียญ หวังเห็นมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของสหรัฐฯ

· ราคาทองคำปรับตัวขึ้นทำระดับสูงสุดใหม่เหนือ 2,000 เหรียญเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ ท่ามกลางการใช้อัตราดอกเบี้ยระดับติดลบ และความหวังที่จะเห็นมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมของสหรัฐฯ ทั้งหมดนี้จึงเป็นปัจจัยที่ดูจะช่วยหนุนราคาทองคำในฐานะ Safe-Haven ขณะที่ภาพรวมราคาทองคำปีนี้ปรับขึ้นได้แล้วประมาณ 32%


· ราคาทองคำตลาดโลกปรับขึ้นมากถึง 1.6% บริเวณ 2,009.13 เหรียญ ก่อนที่ภาพรวมจะปิด +1.4% ที่ 2,004.34 เหรียญ และเช้านี้ปรับขึ้นไปทำสูงสุดใหม่ต่อเนื่องทดสอบ 2,030 เหรียญ


· สัญญาทองคำส่งมอบเดือนธ.ค. ทำสูงสุดวานนี้ที่ 2,027.3 เหรียญ ก่อนจะปิด +1.7% ที่ 2,021 เหรียญ และเช้านี้ขึ้นต่อทำ New All-Time High ที่ 2,048 เหรียญ


· นักวิเคราะห์จาก Standard Chartered กล่าวว่า ความต้องการซื้อสินทรัพย์ปลอดภัยที่มากขึ้นได้ช่วยหนุนให้ทองคำไปทำสูงสุดเหนือ 2,000 เหรียญได้เป็นครั้งแรก ขณะที่ดอลลาร์กลับมาทดสอบระดับอ่อนค่ามากที่สุดในรอบ 2 ปี และอัตราดอกเบี้ยแท้จริงที่ร่วงลงสู่ระดับติดลบมากที่สุดตั้งแต่ปี 2013 ประกอบกับตลาดมีแรงหนุนจากความหวังจะเห็นการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง และทั้งหมดนี้ทำให้ทองคำนั้นขึ้นได้อย่างรวดเร็ว แต่ก็มีความเสี่ยงที่จะเห็นราคาทองคำอ่อนตัวลงเป็นการชั่วคราวเช่นกัน แต่ภาพหลักก็ยังเป็นขาขึ้นจากปัจจัยหลักๆที่ยังคงสนับสนุนราคาทอง


· กองทุนทองคำ SPDR ซื้อทองคำเพิ่มอีก 9.35 ตัน โดยปัจจุบันถือครองที่ระดับ 1,257.73 ตัน ซึ่งเป็นระดับการถือครองทองคำที่มากที่สุดครั้งใหม่ตั้งแต่ 28 ก.พ. ปี 2013 ขณะที่ช่วง 2 วันทำการต่อเนื่อง SPDR ซื้อแล้ว 15.78 ตัน


อย่างไรก็ดี ภาพรวมปีนี้ตั้งแต่ม.ค. – 4 ส.ค. กองทุน SPDR มีการเข้าซื้อสุทธิ 364.48 ตัน โดยเป็นระดับการเข้าซื้อมากที่สุดตั้งแต่มีการเก็บข้อมูลการถือครอง และสูงกว่าสถิติเดิมในปี 2009 ที่เข้าซื้อสุทธิเพียง 353.39 ตัน

· ผู้นำสภาคองเกรสสหรัฐฯจากสภาคองเกรสและเดโมแครต เผยการเข้าใกล้ข้อตกลงร่วมกันสำหรับร่างงบประมาณช่วยเหลือวิกฤตไวรัสโคโรนา

  

· ยอดผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาทั่วโลกปรับขึ้นสูงกว่า 18.6 ล้านราย ขณะที่ยอดเสียชีวิตทั่วโลกทะลุ 7 แสนราย โดยเมื่อวานนี้สหรัฐฯยังพบผู้ติดเชื้อใหม่เพิ่มกว่า 54,000 ราย ส่งผลให้ปัจจุบันยอดผู้ติดเชื้อสะสมในสหรัฐฯยังสูงที่สุดของโลกที่ 4.9 ล้านราย และมีผู้เสียชีวิตในสหรัฐฯรวม 160,274 รายโดยประมาณ

· หัวหน้าฝ่ายการซื้อขายจาก BMO กล่าวว่า ความคืบหน้าของการเจรจา ได้ช่วยสนับสนุนให้ทองคำปรับขึ้นเมื่อคืนนี้

· นักวิเคราะห์จาก OANDA กล่าวว่า ราคาทองคำจะมีระดับราคาเป้าหมายที่ 2,300 เหรียญภายในช่วงสิ้นปีนี้ ท่ามกลางตลาดพันธบัตรที่ยังมีสัญญาณว่าอัตราดอกเบี้ยระดับต่ำ

· ราคาซิลเวอร์ปรับขึ้นไปกว่า 7% ทำระดับสูงสุดในรอบสัปดาห์ที่ 25.95 เหรียญ ก่อนที่จะปิด -5.6% ที่ระดับ 25.60 เหรียญ


· ราคาแพลทินัมปิดปรับขึ้น 1.4% ที่ 928.78 ตัน และราคาพลาเดียมปิด +2.3% ที่ 2,132.63 เหรียญ


· คาดสัปดาห์นี้ได้ข้อตกลงร่างงบประมาณไวรัสโคโรนา

เจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวและตัวแทนระดับสูงในสภาคองเกรสจากพรรคเดโมแครตมีกำหนดเข้าร่วมประชุมกันอีกครั้งในวันอังคาร เพื่อถกประเด็นแผนช่วยเหลือไวรัสโคโรนารอบใหม่ หลังมีรายงานว่า มีความคืบหน้าในการพูดคุยของทั้งสองฝ่ายบ้างแล้ว

ทั้งนี้ การหารือร่วมกันระหว่าง 4 ผู้แทนหลัก กับนายสตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีกระทรวงการคลังสหรัฐฯ ดูจะมีความเป็นไปได้มากขึ้นและอาจนำไปสู่ความชัดเจนในการโหวตของสภาล่างและสภาสูงในช่วงปลายสัปดาห์นี้


· เฟดถูกคาดว่าจะมีนโยบายเพิ่มเติมเพื่อหนุนเงินเฟ้อในเร็วๆนี้

รายงานจาก CNBC ระบุว่า ในอีก 2-3 เดือนข้างหน้า เฟดน่าจะทำการคงนโยบายดอกเบี้ยระดับตำต่อไป แต่อาจมีการปรับนโยบายเพื่อสนับสนุนเงินเฟ้อให้ปรับตัวสูงขึ้น รวมทั้งการหนุนการจ้างงานให้มีการจ้างงานที่เต็มรูปแบบหลังได้รับความเสียหายจากการเผชิญกับวิกฤตไวรัสโคโรนา

ทั้งนี้ สมาชิกเฟดและบรรดานักวิเคราะห์และนักเศรษฐศาสตร์ ต่างมีการมุ่งประเด็นมาที่เงินเฟ้อสหรัฐฯ โดยต่างก็ต้องการเห็นระดับเงินเฟ้อเหนือเป้าหมาย 2% ที่กำหนดไว้ ดังนั้น เจ้าหน้าที่เฟดจึงน่าจะยังไม่ทำการขึ้นดอกเบี้ยใดๆ จนกว่าเงินเฟ้อและการจ้างงานจะกลับสู่กรอบเป้าหมายอีกครั้ง โดย ณ ขณะนี้ระดับเงินเฟ้อเข้าใกล้ 1% แต่อัตราว่างงานยังคงอยู่ระดับสูงมากกว่าในยุค Great Depression จึงมีแนวโน้มที่เฟดอาจต้องใช้เวลาหลายปีในการผลักดันให้กลับสู่เป้าหมาย


· เอกอัคราชทูตจีนประจำสหรัฐฯ กล่าวว่า จีนไม่ต้องการเพิ่มความตึงเครียดใดๆ แม้ว่าล่าสุดต่างฝ่ายต่างมีการปิดสถานกงสุลบางแห่งระหว่างกัน พร้อมกันนี้ ไม่คาดหวังว่าว่าจะเกิดสงครามเนครั้งใหม่ใดๆ


· คาดจีนจะหันพึ่งพาเศรษฐกิจตนเองมากขึ้นจากความเสี่ยงภายนอกที่เพิ่มมากขึ้น

เจ้าหน้าที่ที่ปรึกษาของรัฐบาลจีน เผยว่า จีนลดการพึ่งพาตลาดต่างประเทศและมีการพัฒนาด้านเทคโนโลยีเพื่อนำมาใช้กับเศรษฐกิจ จากปัญหาขัดแย้งกับสหรัฐฯ รวมทั้งการที่การระบาดของไวรัสโคโรนาทั่วโลกยังคงอยู่ในระดับสูงที่อาจเพิ่มความเสี่ยงของปัจจัยภายนอกและกระทบกับความก้าวหน้าของจีนในระยะยาว


· การเสนอราคาของทรัมป์สำหรับ Microsft Tiltok กระตุ้นปฏิกริยาทางกฎหมาย

สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า กรรมการการลงทุนต่างประเทศของสหรัฐฯ(CFIUS) และผู้อภิปรายทางการเมืองเสนอให้เห็นความเสี่ยงด้านความมั่นคงในประเทศที่จะเกิดขึ้น จากการไบต์แดนซ์ ตั้งแต่วันที่ 15 ก.ย. เพื่อต่อรองการขาย TIKTOK ให้กับMicrosoft ท่ามกลางการกังวลเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคล

CFIUS แย้งว่าค่าธรรมเนียมจากการไบต์แดนซ์อาจทำให้สหรัฐฯ กีดกันทรัพยากรณ์ที่สนับสนุนจีนทางด้านเทคโนโลยีซึ้งจะทำให้สหรัฐฯเสียผลประโยชน์ได้

กรมธนารักษ์ของทำเนียบขาวยังไม่ได้ตอบโต้ข้อซักถามทันทีเกี่ยวกับไบต์แดนซ์และ Microsoft

ผู้เชี่ยวชาญทางกฎหมายกล่าวว่าสำนักงานกฎหมายของสหรัฐฯกล่าวว่าข้อเสนอของประธานาธิบดีเป็นการปิดกั้นความมั่นคงของประเทศนั้นไม่ยังไม่ได้รับการพิจารณา อย่างไรก็ตามแต่การกระตุ้นทางกฎหมายสหรัฐอเมริกาครั้งที่ 5 ซึ่งห้ามไม่ให้รัฐบาลยึดทรัพย์โดยไม่มีค่าตอบแทนเพียงอย่างเดียวและยังถึงกฎหมายอื่น ๆด้วย

นักวิชาการยังเสริมว่า ในขณะที่ก่อนการพิจารณาครั้งที่ 5 การแก้ไขข้อเรียกร้อง สำหรับ CFIUS ประสบความสำเร็จอย่างจำกัด นั่นคือครั้งแรกของข้อท้าทายของงสหรัฐในการเรียกเก็บค่าธรรมเนียม


· พบจรวดยิงใส่สถานทูตกรุงแบกแด

เช้านี้มีรายงานพบจรวดปริศนา 2 ลูกถล่มเขตกรีนโซนของกรุงแบกแดด ประเทศอิรักซึ่งเป็นศูนย์ราชการที่มีการรักษาความปลอดภัยและเป็นที่ตั้งของสถานทูตต่างชาติ รวมถึงสถานทูตสหรัฐฯโดยจรวดตกในจุดที่ห่างจากสถานทูตสหรัฐเพียงแค่ 100 เมตรเท่านั้น

อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ในกองทัพอิรักยืนยันว่า เหตุการณ์ครั้งนี้ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ หรือเสียชีวิตแต่อย่างใด


· นักบริหารเงิน ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทวันนี้ไว้ระหว่าง 31.00-31.15 บาท/ดอลลาร์ โดยตลาดรอ ผลการประชุมคณะกรรมการการนโยบายการเงิน (กนง.), ตัวเลขการจ้างงานภาคเอกชนเดือน ก.ค.จาก ADP, จำนวนผู้ขอรับ สวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือน ก.ค.ของสหรัฐฯ


· อ้างอิงจากสำนักข่าวอินโฟเควสท์

- ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบร่างสัญญาเงินกู้ในนามของรัฐบาลไทยจากธนาคารเพื่อการพัฒนาเอเชีย(ADB) วงเงิน 1,500 ล้านเหรียญ หรือคิดเป็น 48,000 ล้านบาท คำนวณจากอัตราแลกเปลี่ยน 32 บาท/ดอลลาร์ เพื่อนำไปใช้ในโครงการแผนงานตาม พ.ร.ก.เงินกู้ โดยมีกำหนดลงนามในสัญญาเงินกู้ในเดือน ส.ค.63

- ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติการใช้เงินกู้เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมตามโครงเงินกู้ 1 ล้านล้านบาทเพิ่มเติมจำนวน 157 โครงการ วงเงิน 884.62 ล้านบาท

- ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินว่า ในการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ในวันที่ 5 ส.ค.นี้จะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 0.50% เพื่อรอดูภาวะเศรษฐกิจในประเทศ โดยเฉพาะตัวเลข GDP ไตรมาส 2/63 ที่คาดว่าจะหดตัวลึกสุดในรอบปี โดยสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สภาพัฒน์) จะประกาศในวันที่ 17 ส.ค.นี้ หากตัวเลขหดตัวมากกว่าคาดก็จะเพิ่มแรงกดดันให้ภาครัฐต้องมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติ

- ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดให้บริการสินเชื่อ"โครงการสินเชื่อพิเศษ" ตามมติคณะรัฐมนตรี เพื่อเสริมสภาพคล่องชั่วคราวในการดำรงชีวิตแก่ประชาชนที่ได้รับผลกระทบดังกล่าวอีกครั้ง โดยยังคงให้วงเงินกู้สูงสุด 50,000 บาท อัตราดอกเบี้ย 0.35% ต่อเดือน (Flat Rate) ให้ผ่อนชำระไม่เกิน 3 ปี

- ประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) หรือสภาผู้ส่งออก เปิดเผยว่า สรท. คงคาดการณ์การส่งออกไทยในปี 63 หดตัว -10% (ณ ส.ค. 63) แต่ยังเป็นกังวลเนื่องจากภาวะเศรษฐกิจทั่วโลกที่ยังหดตัวรุนแรงจนไม่เห็นทิศทางการฟื้นตัว ขณะที่ยอดการส่งออกยังหดตัวรุนแรงต่อเนื่อง

- ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCBEIC) ปรับประมาณการและมุมมองต่อตลาดการเงิน โดยคาดว่า ค่าเงินบาท ณ สิ้นปี 63 มีแนวโน้มแข็งค่าจากระดับปัจจุบันมาอยู่ที่กรอบ 30.50-31.50 บาท/ดอลลาร์ จากเงินดอลลาร์สหรัฐที่มีแนวโน้มอ่อนค่าเพิ่มเติมได้ในช่วงที่เหลือของปีนี้ เงินทุนเคลื่อนย้ายมีแนวโน้มไหลเข้าตลาดเกิดใหม่ (EM)


อ่านข่าวอื่นๆเพิ่มเติมได้ที่: www.mtsgold.co.th

บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com