• สรุปข่าวราคาทองคำ (ภาคเช้า) ประจำวันที่ 4 สิงหาคม 2563

    4 สิงหาคม 2563 | Gold News
 

ดอลลาร์รีบาวน์กดดันทองคำอ่อนตัวลงจากระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์

· ราคาทองคำปรับตัวลงจากระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์หลังจากค่าเงินดอลลาร์กลับมาแข็งค่า และนักลงทุนเลือกที่จะทำการปิดทำกำไร โดยตลาดให้ความสำคัญต่อข้อตกลงการช่วยเหลือคนว่างงานชาวสหรัฐฯจากวิกฤตไวรัสโคโรนา


· ราคาทองคำตลาดโลกปิด -0.1% ที่ 1,972.52 เหรียญ หลังจากไปทำสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 1,984.66 เหรียญ ด้านสัญญาทองคำส่งมอบเดือนธ.ค. ปิดทรงตัวที่ 1,986.3 เหรียญ


· กองทุนทองคำ SPDR หลังจากที่ไม่ได้ทำอะไรมา 2 วันทำการ เมื่อวานนี้ก็เข้าซื้อต้อนรับเดือนส.ค. อีก 6.43 ตัน ปัจจุบันถือครองทองคำที่ระดับ 1,248.38 ตัน ส่งผลให้ระดับล่าสุดเป็นระดับการถือครองที่สูงที่สุดตั้งแต่ 5 มี.ค. ปี 2013


อย่างไรก็ดี ภาพรวมปีนี้ตั้งแต่ม.ค. – 3 ส.ค. กองทุน SPDR มีการเข้าซื้อสุทธิ 355.13 ตัน โดยเป็นระดับการเข้าซื้อมากที่สุดตั้งแต่มีการเก็บข้อมูลการถือครอง และสูงกว่าสถิติเดิมในปี 2009 ที่เข้าซื้อสุทธิเพียง 353.39 ตัน


· นักกลยุทธ์ฝ่ายการตลาดจาก RJO Futures กล่าวว่า ในทางเทคนิคราคาทองคำมีการอ่อนตัวลงและเคลื่อนไหวใกล้ 2,000 เหรียญ และก็เกิดแรงเทขายทำกำไรกลับมา ประกอบกับการแข็งค่าของดอลลาร์ที่กลายมาเป็นปัจจัยกดดันการขึ้นต่อของทองคำเวลานี้ ซึ่งการที่ทองคำจะไป 2,000 เหรียญได้นั้น อาจต้องรอดูการตัดสินใจของทางสภาคองเกรสสหรัฐฯอีกครั้ง


· ภาพรวมราคาทองคำปีนี้ปรับขึ้นได้แล้วประมาณ 30% อันเนื่องจากการสนับสนุนทางการเงินจากธนาคารกลางต่างๆทั่วโลก ด้วยการใช้อัตราดอกเบี้ยในระดับต่ำ


· นักวิเคราะห์จาก ANZ กล่าวว่า ภาพรวมของทองคำยังคงมีปัจจัยสนับสนุนในทิศทางขาขึ้นอยู่ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอัตราดอกเบี้ยติดลบที่คาดจะเกิดขึ้นในอนาคต ดังนั้น ทาง ANZ จึงปรับเป้าหมายของราคาทองคำในช่วงระหว่าง 6-12 เดือนมาที่ 2,300 เหรียญ


· ราคาซิลเวอร์ปิด -0.4% ที่ 24.26 เหรียญ ด้านแพลทินัมปิด +1.1% ที่ 916.66 เหรียญ และพลาเดียมปิดทรงตัวที่ 2,091.11 เหรียญ


· “มนูชิน” ชี้เข้าใกล้ข้อตกลงช่วยเหลือวิกฤตไวรัสโคโรนาเพียงเล็กน้อย

นายสตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีกระทรวงการคลังสหรัฐฯ กล่าวหลังจากที่แยกตัวจากการประชุมร่วมกับพรรคเดโมแครตและพรรครีพับลิกัน ที่ดูเหมือนทั้งสองฝ่ายจะเข้าใกล้ข้อตกลงร่วมกันเพียงเล็กน้อยต่อแพ็คเกจช่วยเหลือเศรษฐกิจจากไวรัสโคโรนา


· สมาชิกเฟดเรียกร้องให้สภาคองเกรสเร่งสนับสนุนเศรษฐกิจสหรัฐฯ

นายชาร์ล อีวานส์ ประธานเฟดสาขาชิคาโก เรียกร้องให้รัฐบาลมีการเพิ่มค่าใช้จ่ายในการสนับสนุนทางเศรษฐกิจ พร้อมระบุถึงกลุ่มส.ส. และส.ว. จำเป็นต้องเร่งฟื้นคืนตลาดแรงงานให้กลับสู่ภาวะขยายตัว

ทั้งนี้ ความคืบหน้าในการหาข้อตกลงร่วมกันระหว่างพรรคเดโมแครตและทีมบริหารของนายทรัมป์ ดูจะมีความคืบหน้าเพียงเล็กน้อย หลังจากที่แพ็คเกจช่วยเหลือที่ผ่านมาตั้งแต่เดือนมี.ค. มูลค่า 2.3 ล้านล้านเหรียญได้หมดอายุลงไป

อย่างไรก็ดี ไม่เพียงแต่ประธานเฟดสาขาชิคาโก บรรดาสมาชิกเฟดท่านอื่นๆ อาทิ ประธานเฟดสาขาดัลลัสและสาขาเซนต์หลุยส์ ต่างก็เรียกร้องให้รัฐบาลมีการเพิ่มค่าใช้จ่ายเพื่อสนับสนุนภาคครัวเรือนและภาคธุรกิจในการต่อสู้และควบคุมวิกฤตไวรัสโคโรนา ท่ามกลางจำนวนผู้ติดเชื้อในสหรัฐฯที่ยังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

โดยสมาชิกเฟดยังคงสนับสนุนให้รัฐบาลสหรัฐฯให้การช่วยเหลือคนว่างงานที่ 600 เหรียญ/สัปดาห์ เนื่องจากการกลับมาจ้างงานยังเป้นไปอย่าง่ยากลำบาก

ประธานเฟดสาขาดัลลัส ระบุว่า เมื่อพิจารณาจากข้อมูลที่เราศึกษาจะพบว่าไม่เห็นการปรับขึ้นของข้อมูลมากนัก และค่อนข้างเป็นการยากที่ภาคธุรกิจจะกลับมามีการจ้างงานที่เพิ่มขึ้น แต่หากมีการสนับสนุนให้เกิดการจ้างงานเพิ่มก็จะช่วยหนุนให้เกิดการใช้จ่ายของกลุ่มผู้บริโภค และผลที่ตามมาก็จะเป็นบวกต่อทิศทางเศรษฐกิจ ขณะเดียวกันเขาก็ไม่เห็นด้วยกับประธานเฟดสาขามินนีแอโพลิสที่วันก่อนกล่าวให้การสนับสนุนให้เกิดการ Shutdown ทางเศรษฐกิจอีกครั้งเป็นเวลา 4-6 สัปดาห์


· สถานการณ์ไวรัสโคโรนา:

  

Ø  จำนวนผู้ติดเชื้อทั่วโลกล่าสุดอยู่ที่ 18,434,782 ราย

Ø  จำนวนผู้เสียชีวิตทั่วโลกล่าสุดอยู่ที่ 696,803 ราย

Ø  จำนวนผู้ติดเชื้อในสหรัฐฯอยู่ลำดับที่ 1 ของโลก ล่าสุดมีผู้ติดเชื้อสะสมอยู่ที่ 4,862,073 ราย (+48,521) และมีผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 158,915 ราย (+554)

Ø  จำนวนผู้ติดเชื้อในบราซิลเพิ่มขึ้นแตะระดับ 2,751,665 ราย (+17,988) ขณะที่ผู้เสียชีวิตรวมแล้วทั้งสิ้น 94,702 ราย (+572)

Ø  จำนวนผู้ติดเชื้อในอินเดียล่าสุดผู้ติดเชื้อสะสมอยู่ที่ 1,855,331 ราย (+50,629) และมีผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นรวมสะสม 38,971 ราย (+810)


· ทรัมป์ชี้สหรัฐฯอาจมีวัคซีนไวรัสโคโรนาได้ภายในสิ้นปีนี้

นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ กล่าวว่า สหรัฐฯอาจมีวัคซีนไวรัสโคโรนาที่สามารถใช้งานได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้คือช่วงสิ้นปีนี้หรือภายในต้นปี 2021 โดยที่บริษัท Pfizer และ Moderna ต่างเริ่มต้นทดลองเฟสใหม่ตั้งแต่สัปดาห์ที่ผ่านมา โดยทั้งคู่มองความเป็นไปได้ว่าวัคซีนที่มีการใช้ mRNA โมเลกุล จะสามารถเสริมภูมิคุ้มกันในการรับมือกับไวรัสโคโรนาได้


· ผู้ว่าการรัฐนิวเจอร์ซีย์ กลับมาใช้มาตรการคุมเข้มกับการรวมกลุ่มกันในพื้นที่ปิด (Indoor) หลังเกิดการระบาดหนักขึ้น

ผู้ว่าการรัฐนิวเจอร์ซีย์ประกาศกลับมาใช้มาตรการคุมเข้มในการรวมกลุ่มกันในอาคารอีกครั้ง หลังจากที่ยอดผู้ติดเชื้อเพิ่มสูงขึ้น โดยจำกัดการใช้พื้นที่เพียง 25% ต่อห้อง หรือให้เกิดการรวมตัวกันสูงสุดไม่เกิน 25 คน จากเดิมที่จำกัดไว้ที่ 100 คน

อย่างไรก็ดี การดำเนินการดังกล่าวจะไม่รวมถึงพิธีแต่งงาน, งานศพ และบริการด้านวันที่ระลึก รวมทั้งกิจกรรมทางด้านศาสนาและการเมืองภายใต้เงื่อนไข Fist Amndment


· ยอดติดเชื้อไวรัสโคโรนาพุ่ง การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจแอฟริกาเผชิญความไม่แน่นอน

จำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาในแอฟริกาที่เพิ่มสูงขึ้นส่งผลให้มีการกลับมาใช้มาตรการ Lockdown อีกครั้งในเดือนที่แล้วดูจะสร้างความไม่แน่นอนให้แก่การฟื้นตัวของเศรษฐกิจแอฟริกา

ทั้งนี้ องค์การอนามัยโลกหรือ WHO กล่าวเตือนในสัปดาห์ที่แล้วว่า การระบาดในแอฟริการอาจเข้าสู่ภาวะเลวร้ายมากกว่า ณ ปัจจุบัน หลังจากที่ยอดผู้ติดเชื้อที่ยังเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ท่ามกลางการตรวจหาเชื้อที่ยังอยู่ในระดับต่ำ

ขณะที่ข้อมูลดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อหรือ PMI ภาคการผลิตของแอฟริกาใต้ออกมาแย่ลงจากระดับ 53.9 จุดในเดือนมิ.ย. ปรับลงสู่ระดับ 51.2 จุดในเดือนก.ค. ซึ่งถือเป็นการชะลอตัวลงเป็นครั้งแรกในรอบ 2 เดือนนับตั้งแต่ที่เริ่มฟื้นตัวได้จากที่ดิ่งลงในเดือนเม.ย.


· ทรัมป์จ่อเลื่อนเลือกตั้ง, แต่พรรครีพับลิกันและเดโมแครตค้านไม่เอาด้วย

· นักบริหารเงิน คาดว่าค่าเงินบาทยังมีทิศทางแข็งค่า ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวในกรอบ 31.10-31.30 บาท/ดอลลาร์ โดยการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทค่อนข้างจะนิ่งมาก ไม่ค่อยมีปัจจัยสำคัญใหม่ๆเข้ามากระทบ ตลาดรอดูตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐวันศุกร์นี้ ส่วนในไทยคง รอดูประชุม กนง.วันพุธ แต่เชื่อว่าน่าจะคงดอกเบี้ยไว้เท่าเดิม


· อ้างอิงจากสำนักข่าวอินโฟเควสท์

- ธนาคารกรุงศรีอยุธยา (BAY) คาดว่าคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) จะมีมติคงดอกเบี้ยไว้ที่ 0.50% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ในการประชุมวันที่ 5 ส.ค. โดยมองว่ากนง.จะเน้นย้ำความไม่แน่นอนต่อทิศทางการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในระยะถัดไปและพร้อมจะใช้เครื่องมือที่เหมาะสมเพิ่มเติมหากจำเป็น แม้ว่าเศรษฐกิจได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วในไตรมาส 2/63 แต่สถานการณ์ยังคงเปราะบางและผลกระทบเชิงลบจากโควิด-19มีแนวโน้มลากยาว ขณะที่ความเสี่ยงด้านขาลงของเศรษฐกิจยังอยู่ในระดับสูง

- ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ได้ปรับประมาณการเศรษฐกิจไทยในปี 63 ใหม่ โดยปรับลดประมาณการเศรษฐกิจลงเหลือ -9.4% จากเดิมเคยคาดการณ์ไว้ในช่วงเดือน เม.ย.ที่ -4.9% ถึง -3.4% เนื่องจากผลกระทบสำคัญเรื่องการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่ทำให้มีการปิดเมืองและการเลิกจ้าง ส่งผลให้กำลังซื้อในระบบหดตัวอย่างรุนแรง ขณะเดียวกันได้ปรับลดมูลค่าการส่งออกไทยปีนี้ลงเหลือ -10.2% นำเข้าเหลือ -19.5% ส่วนอัตราเงินเฟ้อ คาดว่าปีนี้จะอยู่ที่ระดับ -1.5% พร้อมประเมินว่าจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้าไทยในปีนี้จะเหลือเพียง 7 ล้านคน หรือลดลงมากถึง 82.3% จากปีก่อน

- ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจ เดือนก.ค.63 พบว่า ดัชนีฯ อยู่ที่ระดับ 42.9 เพิ่มขึ้นจากระดับ 38.5 ในเดือนมิ.ย.63 และปรับเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 โดยเป็นการเพิ่มขึ้นในเกือบทุกธุรกิจ ยกเว้นกลุ่มผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ดัชนีฯ ลดลง หลังจากปรับดีขึ้นมากในเดือนก่อน

- ประธานกรรมการบริหาร บมจ. เมืองไทย แคปปิตอล (MTC) เปิดเผยว่า บริษัทฯร่วมกับธนาคารออมสินลงนามเซ็นสัญญาเงินกู้ซอฟท์โลน มูลค่ารวม 4,958 ล้านบาท เพิ่มสภาพคล่องเพื่อช่วยเหลือลูกหนี้รายย่อยที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของไวรัสโควิด-19 ได้เต็มที่ โดยปัจจุบัน บริษัทฯ ได้ช่วยเหลือลูกค้าที่เข้ามาตรการพักชำระหนี้ไปมากกว่า 140,000 ราย และลูกค้าที่ขอลดการชำระค่างวดอีกกว่า 80,000 ราย


อ่านข่าวอื่นๆเพิ่มเติมได้ที่: www.mtsgold.co.th

บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com