ตลาดหุ้นเอเชียปิดผสมผสานกันในวันนี้ ท่ามกลางส.ส.สหรัฐฯที่ยังไม่สามารถตกลงแผนกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหม่ได้ โดยที่ตลาดการระบาดของไวรัสโคโรนาทั่วโลกยังคงเพิ่มจำนวนขึ้น ขณะที่ดัชนีดอลลาร์มีการรีบาวน์กลับ
ความเชื่อมั่นกิจกรรมภาคการผลิตในจีนยังคงขยายตัวได้อย่างรวดเร็วในรอบเกือบ 10 ปีในเดือนก.ค. ที่ระดับ 52.8 จุด
หุ้นบลูชิพของจีนอย่าง CSI300 ปิด +1.22% ขณะที่ MSCI ปิด -0.05%
ดัชนีนิกเกอิปิด -2.2% ขณะที่หุ้น Kospi ของเกาหลีใต้ปิดทรงตัว
ดัชนี E-mini futures S&P500 ค่อนข้างทรงตัว
อย่างไรก็ดี กลุ่มนักลงทุนกังวลว่าการปราศจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจฉบับใหม่ของสหรัฐฯที่ยังไม่สามารถตกลงกันได้
· หุ้นญี่ปุ่นปรับขึ้น 2% จากข้อมูลเศรษฐกิจจีนที่ดีขึ้นเกินคาด ขณะที่หุ้น HSBC ร่วง ฉุดหุ้นฮ่องกงดิ่ง
ดัชนีนิกเกอิปิด +2.24% ที่ 22,195.38 จุด ด้าน Topix ปิด +1.78% ที่ 1,522.64 จุด หลังจากที่วันศุกร์ปรับลงไปเกือบ 3%
ดัชนี Shanghai Composite ปิด +1.75% ที่ 3,367.97 จุด ด้าน HSI ปิด -0.56% ที่ 24,458.13 จุด หลังหุ้น HSBC ปิด -4% จากรายงานผลประกอบการที่ออกมาแย่ร่วงลง -65% ในช่วง pre-tax ครึ่งปีแรกของปี 2020
· หุ้นยุโรปเปิดร่วงลง ติดตามเจรจาแผนกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐฯ และการประกาศผลประกอบการ
โดยดัชนี Stoxx600 ปิด -0.2% ด้านหุ้นกลุ่มเดินทางปิด -1.8%
ขณะเดียวกันหุ้นยุโรปก็ตอบรับกับการเคลื่อนไหวที่ผสมผสานกันของหุ้นเอเชีย ทั้งจากญี่ปุ่นและจีนหลังทราบข้อมูลการผลิตจีนที่ขยายตัวได้เกินคาด แต่หุ้นส่วนใหญ่ก็ยังมีการเคลื่อนไหวในแดนลบ
อ้างอิงจากสำนักข่าวอินโฟเควสท์
· ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยว่า ม.หอการค้าไทย ได้ปรับประมาณการเศรษฐกิจไทยในปี 2563 ใหม่ โดยปรับลดประมาณการเศรษฐกิจลงเหลือ -9.4% จากเดิมเคยคาดการณ์ไว้ในช่วงเดือน เม.ย.ที่ -4.9% ถึง -3.4% เนื่องจากผลกระทบสำคัญเรื่องการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่ทำให้มีการปิดเมืองและการเลิกจ้าง ส่งให้กำลังซื้อในระบบหดตัวอย่างรุนแรง
ขณะเดียวกันได้ปรับลดมูลค่าการส่งออกไทยปีนี้ลงเหลือ -10.2% นำเข้าเหลือ -19.5% ส่วนอัตราเงินเฟ้อ คาดว่าปีนี้จะอยู่ที่ระดับ -1.5%
· กระทรวงการท่องเที่ยวฯ-ททท.จัดสัมมนาปลุกไทยเที่ยวไทย ดึงกีฬานำท่องเที่ยวจังหวัด แย้มเปิดต่างชาติเข้าภูเก็ต สธ.ชี้พื้นที่ปิด จัดการความปลอดภัยง่าย มั่นใจทัวร์จีนทะลักหลังเปิดประเทศ ด้าน 'พิพัฒน์' จ่อชงครม.ปลุกเที่ยวเฟส 2
· ธนาคารออมสินเปิดหน้าบุกธุรกิจนอนแบงก์เต็มตัว ขีดเส้นอีก 6 เดือน ลงขันร่วมลงทุนปล่อยสินเชื่อจำนำทะเบียนดอกเบี้ย
แค่ 8-10% พร้อมเป็นผู้นำกดดอกเบี้ยเงินกู้ในธุรกิจลีสซิ่ง ช่วยคนรากหญ้าไม่ให้ถูกโขกดอกเบี้ย
· "100 ซีอีโอ" ผวา "ศก.โลก-โควิดระลอก 2" ฉุดเศรษฐกิจ 5 เดือนสุดท้าย พบกว่า 71% อยากให้ครม.ชุดใหม่มี
มาตรการระยะสั้น-ยาว ควบคู่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ส่วนเกือบครึ่งเชื่อมั่นทีมเศรษฐกิจใหม่ต้องเริ่มงานได้ทันที เร่งดันสภาพคล่องกำลังซื้อฟื้นท่องเที่ยว ประเมินจีดีพีปีนี้ติดลบ 10% หอค้าต่างประเทศแนะอุ้มตกงาน ช่วยผู้ประกอบการ
· "ซีอีโอ" วอนรัฐเลือก รมต.ชำนาญงานร่วมครม. เคลื่อนนโยบายเป็นเอกภาพ อัดมาตรการผ่อนคลายภาษีลดดอกเบี้ย เน้นช่วยภาคเกษตร ดันส่งออกฟื้น ช่วยเอสเอ็มอีเร่งด่วน- กระทรวงการท่องเที่ยวฯ-ททท.จัดสัมมนาปลุกไทยเที่ยวไทย ดึงกีฬานำท่องเที่ยวจังหวัด แย้มเปิดต่างชาติเข้าภูเก็ต สธ.ชี้พื้นที่ปิด จัดการความปลอดภัยง่าย มั่นใจทัวร์จีนทะลักหลังเปิดประเทศ ด้าน 'พิพัฒน์' จ่อชงครม.ปลุกเที่ยวเฟส 2
อ้างอิงจากสำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย
· กองทุนทองคำผลตอบแทนแจ่มสุดในอุตสาหกรรม เฉลี่ย 23.18% หลังราคาทองพุ่งทะยานทุบสถิติตลอดกาล เหตุเม็ดเงินโยกเข้าสินทรัพย์ปลอดภัย หนีภัยโควิด-19 ดอลลาร์อ่อนค่า เปิดโผ TOP 5 กองทุนทองคำผลงานเด่น แจกยีลด์สูงสุด 38% แต่วงการเตือนระวังแรงขายทำกำไร
*** กองทุนทองคำผลตอบแทนสูงสุด 23.18%
"ชญานี จึงมานนท์" นักวิเคราะห์อาวุโส บริษัท มอร์นิ่งสตาร์ รีเสิร์ช (ประเทศไทย) เปิดเผยผลตอบแทนอุตสาหกรรมกองทุนรวมครึ่งแรกปี 63 พบว่า กองทุนทองคำ (Commodities Precious Metals) เป็นกลุ่มที่ให้ผลตอบแทนสูงสุด โดยผลตอบแทน 1 ปีย้อนหลังอยู่ที่ 23.18% ขณะที่ผลตอบแทนสะสมตั้งแต่ต้นปี (Year to date) อยู่ที่ 17.42% รองลงมาคือกองทุนกลุ่ม Global Technology ผลตอบแทน 1 ปีอยู่ที่ 22.99% และผลตอบแทน YTD อยู่ที่ 14.85%
ด้านกองทุนหุ้นไทยกลุ่มหุ้นขนาดใหญ่ (Equity Large-cap) ผลตอบแทน 1 ปีติดลบ 20.50% ผลตอบแทน YTD ติดลบ 14.51% ส่วนกองทุนหุ้นไทยขนาดเล็ก/กลาง (Equity Small/Mid Cap) ผลตอบแทน 1 ปีติดลบ 15.37% และผลตอบแทน YTD ติดลบ 8.83%
อ้างอิงจากสำนักข่าวกรุงเทพธุรกิจ
· เมื่อวันที่ 3 ส.ค. 63 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายแพทย์ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 (ศบค.) แถลงสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ประจำวัน ว่า ประเทศไทยพบจำนวน ผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่ม 3 ราย ยอดผู้ป่วยสะสม 3,320 ราย ไม่พบผู้เสียชีวิตเพิ่ม รวมยอดผู้เสียชีวิต 58 ราย ผู้ป่วยที่รักษาหายแล้ว 3,142 ราย ยังคงรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 120 ราย