• นักบริหารการเงิน ประเมินว่า ค่าเงินบาทมีแนวโน้มกลับมาแข็งค่าที่ระดับ 30.50 บาท/ดอลลาร์ในช่วงสิ้นปี 63

    30 กรกฎาคม 2563 | SET News

นักบริหารการเงิน ประเมินว่า ค่าเงินบาทมีแนวโน้มกลับมาแข็งค่าที่ระดับ 30.50 บาท/ดอลลาร์ในช่วงสิ้นปี 63 นี้ หลังจากที่เงินบาทแตะอ่อนค่าไปในกรอบ 31.50-32.00 บาท/ดอลลาร์ตามที่ประมาณการไว้ก่อนหน้านี้ จากแรงกดดันจากการอ่อนค่าของค่าเงินดอลลาร์ประกอบกับแนวโน้มการคงนโยบายการเงินในไทยและโครงสร้างดุลชำระเงินของไทยที่สนับสนุนการแข็งค่าของค่าเงินบาท โดยคาดว่าการอ่อนค่าอย่างรุนแรงของค่าเงินดอลลาร์จะกดดันให้เงินบาทมีแนวโน้มจะทยอยแข็งค่าสอดคล้องกับค่าเงินสกุลอื่นในช่วงที่เหลือของปี*

สำหรับปัจจัยที่เงินดอลลาร์มีแนวโน้มถูกกดดันให้อ่อนค่าจากหลายปัจจัย ได้แก่

1. นักลงทุนถือครองทองคำสูงขึ้น จากทั้งความเชื่อมั่นต่อเงินดอลลาร์ลดลงและความเสี่ยงภูมิรัฐศาสตร์สหรัฐฯ-จีน โดยล่าสุด ราคาทองคำพุ่งขึ้นแตะระดับ 1,980 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์

ความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯ และจีนที่ลุกลามไปมากกว่าประเด็นการค้า ทั้งการต่อต้านการใช้เทคโนโลยีจากจีน การกล่าวหาว่าจีนละเมิดสิทธิมนุษยชนของชาวฮ่องกง และนำไปสู่การยกเลิกสิทธิพิเศษฮ่องกงและสั่งปิดกงสุลของจีนในสหรัฐฯ การระบาดของไวรัสโควิด-19 ฉุดการขยายตัวเศรษฐกิจทั่วโลกอย่างรุนแรง โดยเฉพาะในสหรัฐฯ โดย IMF คาดว่าเศรษฐกิจโลกจะหดตัวรุนแรงถึง4.9% ในปีนี้ และการระบาดของเชื้อไวรัสที่รุนแรงในสหรัฐฯ ทำให้คาดว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ จะหดตัวถึง 8% สภาพคล่องดอลลาร์พุ่งขึ้นล้นตลาด เนื่องจากมาตรการซื้อสินทรัพย์ของเฟด ทำให้นักลงทุนเริ่มหันไปลงทุนสินทรัพย์อื่นๆ กดดันให้เงินดอลลาร์อ่อนค่า ทั้งนี้ ประสบการณ์จากวิกฤตซับไพรม์ ขนาดงบดุลของเฟดเพิ่มขึ้นราว 1.3 ล้านล้านเหรียญ ขณะที่เงินดอลลาร์อ่อนค่าลงถึง 16% ขณะที่มาตรการของเฟดในปัจจุบันทำให้ขนาดงบดุลของเฟดเพิ่มขึ้น 3.2 ล้านล้านเหรียญ ตั้งแต่เดือนก.ย. 62 ความเสี่ยงทางการคลังของสหรัฐฯ สูงขึ้น จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อเยียวยาผลกระทบโควิด-19 ทำให้ปัญหาหนี้ สาธารณะรุนแรงขึ้น โดยสหรัฐฯ ขาดดุลงบประมาณในช่วง 9 เดือนแรกของปี งบประมาณถึง 2.74 ล้านล้านเหรียญและสำนักงบประมาณสหรัฐฯ ประเมินว่า สหรัฐฯจะขาดดุลงบประมาณทั้งสิ้น 3.7 ล้านล้านเหรียญในปีงบประมาณนี้ ซึ่งจะทำให้หนี้สาธารณะสูงขึ้นกว่า 130% ต่อจีดีพี ณ สิ้นปี 63


2. ความเชื่อมั่นต่อเงินยูโรสูงขึ้นเทียบกับดอลลาร์เนื่องจากสถานการณ์การระบาดในยุโรปที่ดีขึ้นและดีกว่าสหรัฐฯ ที่การรระบาดยังรุนแรง รัฐบาลในยูโรโซนผ่อนคลายมาตรการปิดเมืองแล้วตั้งแต่เดือนพ.ค.เมื่อจำนวนผู้ติดเชื้อใหม่ลดลง ขณะที่ ผู้ติดเชื้อในสหรัฐฯ กลับมาเพิ่มขึ้นเป็ นระลอกที่สอง ส่งผลให้เงินยูโรแข็งค่าขึ้น รวมทั้งมาตรการทางการคลังในยุโรปทั้งการอนุมัติกองทุนฟื้นฟูยุโรป และมาตรการกระต้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ของเยอรมนีและอิตาลี ทำให้นักลงทุนคลายความกังวลความเสี่ยงเศรษฐกิจยุโรปมากขึ้น


3. นายโจ ไบเดน มีโอกาสชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในเดือนพ.ย.นี้ ผลสำรวจคะแนนนิยมในการเลือกตั้งล่าสุด พบว่าคะแนนนิยมของไบเดนนำประธานาธิบดีทรัมป์ อยู่ที่ 50.6 ต่อ 40.7 อีกทั้งผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสมัยที่สองในช่วงเศรษฐกิจถดถอยส่วนใหญ่ในอดีตประธานาธิบดีในขณะนั้นจะพ่ายแพ้การเลือกตั้ง


บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com