• สรุปข่าวเศรษฐกิจ (ภาคค่ำ) ประจำวันที่ 14 กรกฎาคม 2563

    14 กรกฎาคม 2563 | Economic News
  

·      ดอลลาร์แข็งค่าขึ้นจากกังวตึงเคีรยดสหรัฐฯและจีนกับการระบาดของไวรัสโคโรนา

ค่าเงินดอลลาร์ปรับแข็งค่าขึ้นในกรอบแคบๆจากข่าวความกังวลเรื่องความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีน จากจำนวนยอดผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาที่เพิ่มสูงขึ้นจึงเป็นปัจจัยที่กดดันความต้องการสินทรัพย์เสี่ยง

 

ค่าเงินยูโรยังคงทรงตัวในทิศทางแข็งค่าเมื่อเทียบเงินเยน และเงินปอนด์ ท่ามกลางกลุ่มนักลงทุนที่รอคอยข้อมูลความเชื่อมั่นเยอรมนีที่จะช่วยหนุนการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจยุโรป

 

ตลาดกำลังเผชิญกับข่าวตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีน ที่จะส่งผลต่อตลาดการเงินของสหรัฐฯ ประกอบกับข่าวสถานการณ์ในฮ่องกง และความตึงเครียดบริเวณทะเลจีนใต้

 

นักกลยุทธ์จาก IG Securities กล่าวว่า ตลาดให้ความสำคัญว่าจะเกิดการ Lockdown รอบใหม่หรือไม่จากจำนวนการระบาดครั้งนี้ ที่อาจนำไปสู่ความเสียหายครั้งใหญ่ต่อเศรษฐกิจ ขณะที่ปัญหาฮ่องกงก็อาจนำไปสู่ข้อขัดแย้งทางการค้าครั้งใหม่ และความคืบหน้าเชิงลบใดๆ ก็อาจส่งผลทำให้ตลาดหุ้นลดลงได้ และเมื่อนั้นก็อาจช่วยหนุนความต้องการในสินทรัพย์ปลอดภัยอย่างดอลลาร์และเยนได้

 

เงินเยนทรงตัวที่ 107.18 เยน/ดอลลาร์ หลังจากที่ปรับอ่อนค่าขึ้น 0.4% เช้านี้

 

ค่าเงินยูโรทรงตัวที่ 1.1344 ดอลลาร์/ยูโร กลับทดสอบใกล้สูงสุดรอบ 1 เดือนที่ทำไว้วานนี้

 

สหรัฐฯและจีนที่มีการแข็งกร้าวกันทางการทูตในหลายๆครั้งก็ดูจะสร้างความผันผวนให้แก่ตลาดการเงินได้

 

เจ้าหน้าที่ระดับสูงจากสหรัฐฯ เผยกับสำนักข่าว Reuters ว่า ทีมบริหารของนายทรัมป์ มีแผนที่จะยกเลิกข้อตกลงปี 2013 ระหว่างสหรัฐฯและจีน

 

ทั้งหมดนี้อาจนำไปสู่การที่บริษัทจีนที่มีรายชื่อในตลาดหุ้นภายใต้้ข้อตกลงการเปิดเผยข้อมูลของสหรัฐฯมีการเลี่ยงข้อมูลได้

 

นอกจากนี้ ตลาดยังให้ความสนใจกับท่าทีของสหรัฐฯและจีนบริเวณทะเลจีนใต้ รวมทั้งการยุติปัญหาทางการเมืองฮ่องกงในเวลานี้



·         ค่าเงินหยวนอ่อนค่าลง 0.2% แตะ 7.0109 หยวน/ดอลลาร์ ท่ามกลางความกังวลเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯและจีน  รวมไปถึงกฎหมายสถานะพิเศษฮ่องกงของทางอังกฤษ

นักลงทุนมีแนวโน้มจะหลีกเลี่ยงการเข้าสถานะก่อนที่จะมีการเปิดเผยข้อมูลการค้าจีนสวันนี้ และในวันนี้จะมีข้อมูลสสำคัญทั้ง จีดีพีจีนยอดค้าปลีก และผลผลิตภาคอุตสาหกรรม ที่จะเป็นตัวชี้วัดทิศทางการเติบโตทางเศรษฐกิจว่าจะออกมาในรูปแบบ V-Shape สำหรับไตรมาสที่ 2 หรือไม่

ค่าเงินสิงคโปร์และค่าเงินในภูมิภาคเอเชียปรับอ่อนค่าหลังจากที่จีดีพีประเทศสิงคโปร์หดตัวลงประมาณ 41.2% ในไตรมสาที่ 2/2020 ซึ่งเป็นการตอกย้ำว่าเรื่องการระบาดของไวรัสโคโณนากำลังกระทบต่อทิศทางการค้าเศรษฐกิจกลุ่มบริษัทขนาดเล็ก

ความต้องการสินทรัพย์เสี่ยงที่มากขึ้น ส่วนหนึ่งก็เป็นผลมาจากการที่รัฐแคลิฟอร์เนีย ที่มีประชากรมากที่สุดลำดับต้นๆของสหรัฐฯ ที่พบผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นและนำไปสู่การใช้มาตรการคุมเข้มทางภาคธุรกิจมากขึ้น


·      จีน ชี้ ท่าทีล่าสุดของสหรัฐฯสร้างความตึงเครียดมากขึ้นในทะเลจีนใต้

ในวันนี้จีนกล่าวว่า การที่สหรัฐฯปฏิเสธข้อเรียกร้องของจีนในทะเลจนใต้ล่าสุด ก่อให้เกิดความตึงเครียดทางภูมิภาคโดยไม่จำเป็น ซึ่งข้อพิพาทที่เกิดขึ้นบริเวณดังกล่าวจะรวมไปถึงเรื่องของหมู่เกาะการประมงแหล่งทรัพยากรพลังงานการทหาร และเส้นทางการค้า ซึ่งเป็นบริเวณชายฝั่งทางตอนใต้ของจีนที่อยู่ระหว่างไต้หวันและประเทศทางแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อาทิ เวียดนามอินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์ เป็นต้น

 

ทั้งนี้ สหรัฐฯมีการส่งเรือบรรทุกเครื่องบินรบจำนวน 2 ลำเข้าสู่น่านน้ำและมีการซ้อมรบกันไปเมื่อวันที่ 4 ก.ค. ซึ่งเป็นวันประกาศอิสรภาพของสหรัฐฯ ขณะที่จีนเองก็เตรียมความพร้อมในการฝึกซ้อมรบในทะเลจีนใต้เช่นกันตั้งแต่ 1 - 5 ก.ค. ที่ผ่านมา

 

·      จีนชี้ส่งออก-นำเข้าในหน่วยค่าเงินดอลลาร์พุ่งขึ้นเกินคาดในเดือนมิ.ย.

การส่งออก-นำเข้าของจีนในรูปค่าเงินดอลลาร์เพิ่มขึ้นในเดือนมิ.ย. ท่ามกลางการผ่อนคลายมาตรการต่างๆ และหลายๆประเทศก็กลับมาเปิดทำการทางเศรษฐกิจ โดยข้อมูลภาษีศุลากรเผยข้อมูลยอดส่งออกพุ่งขึ้นกว่าที่คาดแตะ 0.5% เมื่อเทียบปีที่แล้ว ขณะที่ยอดส่งออกก็ปรับขึ้นเกินคาดเช่นกันที่ 2.7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว

 

ขณะที่ยอดส่งออกในเดือนมิ.ย. ที่มีหน่วยเป็นหยวนก็ปรับตัวขึ้นกว่า 4.3% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ขณะที่ยอดนำเข้าปรับขึ้น 6.2% ในช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว

 

ทั้งนี้ นักวิเคราะห์ มองว่า การเพิ่มขึ้นของยอดนำเข้าก็ได้สะท้อนว่าอุปสงค์ในประเทศจีนยังคงมีความแข็งแกร่ง

 

CEO ด้านทางบริษัทการลงทุนจาก Global CIO Office ชี้ว่า อุปสงค์ภายในประเทศเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ และขึ้นได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งถือเป็ฯข่าวดีสำหรับตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ และข่าวดีในแง่การเจริญเติบโตทั่วโลก



·         จีนคว่ำบาตร Lockheed Martin เหตุขายอาวุธให้ไต้หวัน


Reuters รายงานว่า จีนจะทำการคว่ำบาตรบริษัทสัญชาติอเมริกันอย่าง Lockheed Martin เหตุขายอาวุธให้แก่ไต้หวัน จึงยิ่งสร้างความกังวลต่อความสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีนมากขึ้น

โดยบริษัทค้าอาวุธดังกล่าวมีการอัพเกรดแพ็คเกจเป็ฯวงเงิน 620 ล้านเหรียญแก่ไต้หวัน อันรวมถึงการยิงมิสไซน์ทางอากาศ ซึ่งทางรัฐบาลสหรัฐฯมีการอนุมัติไปเมื่อัปดาห์ที่แล้ว

อย่างไรก็ดี รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศจีนเรียกร้องให้สหรัฐฯทำการยุติการค้าอาวุธแก่ไต้หวันเพื่อหลีกเลี่ยงความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯและจีน รวมทั้งเป็นการสร้างความงบและเสถียรภาพให้แก่ไต้หวันด้วย ขณะเดียวกันบริษัท Lockheed Martin ยังไม่มีการตอบโต้ใดๆต่อกรณีที่เกิดขึ้นดังกล่าว


·      Huawei คาดผลประกอบการชะลอตัวจากการที่อังกฤษแบน 5ของบริษัท

รายงานจากบริษัท Huewei ชี้ว่า การเติบโตช่วงครึ่งปีแรกนนตั้นจะได้รับผลกระทบจากการระบาดของไวรัสโคโรนา และการที่สหรัฐฯใช้มาตรการคว่ำบาตรบริษัท

 

ขณะที่ล่าสุดรัฐบาลอังกฤษอาจจะตัดสินใจเรื่องการอนุมัติ 5อีกครั้ง ดังนั้น คาดผลประกอบการน่าจะอยู่ที่ 4.54 แสนล้านหยวน หรือคิดเป็น 6.423 หมื่นล้านเหรียญ และเมื่อเทียบกับปีที่แล้วจะบว่ามีการเติบโตเพียง 13.1% ถือเป็นการชะลอตัวลงในรอบครึ่งปีแรกเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ที่ช่วงครึ่งแรกของปี 2013



·         ยอดผู้เสียชีวิตจากเชื้อไวรัสโคโรนานอังกฤษเพิ่มขึ้นใกล้ 56,000 ราย โดยล่าสุดอยู่ที่ 55,873 ราย และทำให้ภาพรวมสถานของประเทศกลายเป็นอีกหนึ่งประเทศที่มีสถานการณ์เลวร้ายที่สุดของโลกไปอีกหนึ่งแห่ง


·      เศรษฐกิจของอังกฤษประจำเดือนพ.ค.ขยายตัว 1.8% ท่ามกลางมาตรการผ่อนคลาย Lockdown ในประเทศ

โพลล์สำรวจจาก Reuters คาดว่า เศรษฐกิจอังกฤษจะฟื้นตัวได้ 5.5% ในเดือนนี้ หลังจากที่เดือนเม.ย.หดตัว 20.4% ซึ่งเป็นสถิติที่รุนแรงที่สุดในช่วงที่มีมาตรการ Lockdowns เพื่อจำกัดการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาที่ทำให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจเสียหาย


·      บริษัท Pfizer และ BioNTech ได้รับสถานะ Fast Track ของ FDA ในฐานะผู้พัฒนาวัคซีน Covid-19

บริษัท ไฟเซอร์ อิงค์  (Pfizer Inc) ซึ่งเป็นบริษัทยาใหญ่ที่สุดของสหรัฐฯ และ BioNTech ซึ่งเป็นบริษัทยาของเยอรมนี ระบุว่า ทั้งสองบริษัทได้รับสถานะ “Fast Track” จากสำนักงานอาหารและยาสหรัฐฯ (FDA) ในการทดลองวัคซีนต้านไวรัส Covid-19 ซึ่งจะทำให้ทางบริษัทได้รับการผ่อนคลายกฎระเบียบจาก FDA และส่งผลให้การพัฒนาวัคซีนเป็นไปอย่างรวดเร็วมากขึ้น

ขณะนี้ วัคซีน BNT162b1 และ BNT162b2 ถือเป็นวัคซีน 2 ตัวที่มีความคืบหน้ามากที่สุดของไฟเซอร์ และ BioNTech จากทั้งหมด 4 ตัว ได้แก่ BNT162b1 และ BNT162b2



·         อีซีบี ชี้ ธนาคารต่างๆในยูโรโซนอาจพบความตึงตัวด้านสินเชื่อมากขึ้นในไตรมาสที่ 3/2020


อีซีบี เผยว่า ภาคธนาคารต่างๆในยูโรโซนจะยังคงเข้าถึงสินเชื่อสำหรับภาคบริษัทได้โดยง่ายในช่วงไตรมาสที่ 2/2020 นี้ แต่ก็มีแนวโน้มที่จะเผชิญกับความตึงตัวหรือการคุมเข้มในส่วนของมาตรฐานด้านสินเชื่อในไตรมาสที่ 3 ตามมา

การระบาดของไวรัสโคโรนาได้ส่งผลลบต่อทิศทางเศรษฐกิจยูโรโซนเป็ฯจำนวนมาก และภาคบริษัทต่างๆก็ต้องการเร่งเสริมสภาพคล่องด้วยการกู้ยืมจากธนาคาร และการรันตีของรัฐบาลต่างๆในการช่วยสนับสนุนเม็ดเงินของบรรดาธนาคาร


·         เกาหลีใต้ทุ่มงบ 9.5 หมื่นล้านเหรียญสำหรับ Green Projects หนุนเศรษฐกิจ

เกาหลีใต้เผยแผนอัดฉีดเม็ดเงิน 114.1 ล้านล้านวอน (9.46 หมื่นล้านเหรียญ) สำรหับข้อตกลงใหม่ในการสร้างงานและหนุนการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจจากผลกระทบของไวรัสโคโรนา ที่เป็นส่วนหนึ่งในด้านการลงทุนพลังงานสีเขียว หรือการใช้รถจักรยานยนตร์ไฟฟ้า และรถยนต์ไฮโดรเจน


·      ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลง ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับการ Lockdowns ธุรกิจในสหรัฐฯที่เกิดจากการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาที่เพิ่มสูงขึ้นอาจจะกดดันปริมาณอุปสงค์ที่ฟื้นตัวขึ้น รวมทั้งกระแสคาดการณ์ที่ว่ากลุ่มโอเปกพลัสอาจจะปรับลดกำลังการผลิตในการประชุมเดือนส.ค.ที่จะถึงนี้

ราคาน้ำมันดิบ WTI ลดลง 51 เซนต์หรือคิดเป็น 1.27% ที่ระดับ 39.59 เหรียญ/บาร์เรล ขณะที่ราคาน้ำมันดิบ Brent ลดลง 43 เซนต์ หรือคิดเป็น 1.01% ที่ระดับ 42.29 เหรียญย/บาร์เรล

 

ขณะที่ผู้ว่าการรัฐแคลิฟอร์เนียสั่งให้ปิด บาร์ ร้านอาหาร โรงภาพยนตร์ สวนสัตว์และพิพิธภัณฑ์เพื่อยุติการดำเนินงานในอาคาร เนื่องจากการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาไวรัสและยอดการรักษาในโรงพยาบาลที่พุ่งสูงขึ้น

 

ด้านโรงเรียนที่ใหญ่ที่สุดของรัฐที่มีประชากรมากที่สุดสองแห่งในลอสแองเจลิสและซานดิเอโก กล่าวว่า จะทำการสอนทางออนไลน์โดยเฉพาะ และกลับจะกลับมาเรียนในเดือนส.ค.

บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com