• สรุปข่าวเศรษฐกิจ (ภาคเช้า) ประจำวันที่ 14 กรกฎาคม 2563

    14 กรกฎาคม 2563 | Economic News

· ดอลลาร์ทรงตัวก่อนทราบผลประกอบการ ขณะที่ตลาดรอข้อมูลผู้บริโภคสหรัฐฯ

ค่าเงินดอลลาร์ปรับอ่อนค่าลงท่ามกลางกลุ่มนักลงทุนที่จับตารายงานผลประกอบการและข้อมูลยอดค้าปลีกที่จะกำลังจะมาถึงเพื่อหาสัญญาณการเติบโตทางเศรษฐกิจสหรัฐฯ โดยดัชนีดอลลาร์ปิดอ่อนค่าลง 0.07% ที่ 96.538 จุด

เมื่อวานนี้ ผู้ว่าการรัฐแคลิฟอร์เนีย มีคำสั่งให้ร้านอาหารในร่มทุกแห่ง, บาร์และโรงภาพยนตร์ ปิดทำการอีกครั้ง หลังพบผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นทั่วรัฐ นับเป็นการก้าวถอยหลังล่าสุดในความพยายามเปิดเศรษฐกิจของรัฐที่มีประชากรมากที่สุดของอเมริกา

ข้อมูลจาก Refinitiv บ่งชี้ว่าข้อมูลเศรษฐกิจไตรมาสที่ 2 น่าจะสะท้อนถึงภาวะการดิ่งลงของผลประกอบการภาคบริษัทที่มากที่สุดตั้งแต่ปี 1968 ก็เป็นได้ ขณะที่กลุ่มนักลงทุนยังคงจับตาความเชื่อมั่นของกลุ่มผู้บริโภค

คืนนี้ต้องติดตามข้อมูลดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ขณะที่คืนวันพฤหัสบดีจะมีข้อมูลยอดค้าปลีก และในคืนวันศุกร์จะมีข้อมูลความเชื่อมั่นผุ้บริโภคสหรัฐฯที่จะเป็นตัวชี้วัดการใช้จ่ายของประชาชน

ค่าเงินยูโรแข็งค่าขึ้น 0.42% ที่ 1.134 ดอลลาร์/ยูโร และยังมีภาพเป็นทิศทางแข็งค่าตั้งแต่ช่วงปลายเดือนที่แล้ว โดยตลาดจับตาและให้ความสำคัญกับการประชุมอียูซัมมิทในวันที่ 17-18 ก.ค.นี้ เพื่อหาแนวทางปิดแก็ปงบประมาณระยะยาว

นักลงทุนยังคงรอดูข้อตกลงกองทุนเงินฟื้นฟูยูโรโซนกว่า 7.5 แสนล้านยูโรด้วย


· การเพิ่มขึ้นของยอดติดเชื้อไวรัส ส่งผลให้การทดสอบล่าช้าออกไป

รายงานจากรอยเตอร์ส อ้างถึงแหล่งข่าวที่ระบุว่าจำนวนการเพิ่มขึ้นของไวรัสโคโรนาในสหรัฐฯเวลานี้ส่งผลให้กระบนการทดสอบผลหาเชื้อมีความล่าช้าออกไป

โดยบริษัท LabCorp แสดงความกังวลเช่นเดียวกับ Quest ว่าอาจไม่สามารถทำการทดสอบหาเชื้อได้มากตามที่ต้องการ โดยอาจทำได้เพียง 130,000 รายกว่าต่อวัน และวางแผนที่จะขยายเพิ่มการตรวจหาเชื้อที่ 150,000 ราย/วันในช่วงสิ้นเดือนนี้


· เจ้าหน้าที่ด้านสาธารณสุขของนายทรัมป์ เผย กลุ่มบริษัทผู้ผลิตยาจะเริ่มต้นผลิตวัคซีนโคโรนาในช่วงต้นปีหน้า

เจ้าหน้าที่ด้านสาธารณสุขของสหรัฐฯ คาดหวังว่าจะเริ่มต้นผลิตวัคซีนที่มีประสิทธิภาพได้ภายในช่วงจบซัมเมอร์นี้ และคาดว่าจะสามารถส่งออกวัคซีนได้มากถึง 300 ล้านโดสในช่วงต้นปี 2021 ซึ่งกระบวนการผลิตพร้อมที่จะรองรับกับการผลิตวัคซีนหากพบว่าวัคซีนนั้นมีประสิทธิผล


· รัฐแคลิฟอร์เนียสั่ง Shutdown อีกครั้งจากยอดผู้ติดเชื้อที่ยังเพิ่มขึ้น

ผู้ว่าการรัฐแคลิฟอร์เนียออกคำสั่งกลับมาใช้นโยบายคุมเข้มต่อภาคธุรกิจและพื้นที่ต่างๆ รวมกยว่า 30 แห่งในพื้นที่ รวมทั้งสถานศึกษาขนาดใหญ่ 2 แห่งในเมืองลอสแองเจนลิส และซานดิเอโกด้วย เนื่องจากไม่ต้องการให้นักเรียนกลับไปเผชิญกับการระบาดรอบใหม่ ขณะที่ยอดรักษาตัวในโรงพยาบาลยังคงเพิ่มต่อเนื่อง


· เฟดอัดฉีดเงิน 3 ล้านล้านเหรียญช่วยเหลือวิกฤตไวรัสอาจส่งผลให้เกิดฟองสบู่ในตลาดการเงิน

การที่เฟดทำการอัดฉีดเม็ดเงิน 3 ล้านล้านเหรียญเพื่อช่วยเหลือเศรษฐกิจจากวิกฤตการระบาดของไวรัสโคโรนาดูจะส่งผลให้เกิดการกระตุ้นเม็ดเงินที่มากเกินไปให้แก่ตลาดต่างๆของสหรัฐฯ

โดยการที่เฟดให้คำมั่นว่าจะทำการเข้าซื้อสินทรัพย์ในตลาดการเงินอย่างไม่จำกัดเพื่อจะเสริมสภาพคล่อง ดูจะทำให้ยอด Balance Sheet เพิ่มขึ้นจาก 4.2 ล้านล้านเหรียญในเดือนก.พ. สู่ระดับ 7 ล้านล้านเหรียญในปัจจุบัน และทั้งหมดนี้ก็เพียงพอที่จะก่อให้เกิดแรงกระตุ้นที่มากจนเกินไปสำหรับกลุ่มนักลงทุนในตลาดพันธบัตรและตลาดหุ้น


· เศรษฐกิจสิงคโปร์หดตัว -12.6% เมื่อเทียบรายปีในไตรมาสที่ 2/2020

การเติบโตของเศรษฐกิจสิงคโปร์หดตัวไปที่ -12.6% ในช่วงไตรมาสที่ 2/2020 ซึ่งหดตัวมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่าจะเห็ฯการหดตัวที่ -10.5% เมื่อเทียบรายปี

ขณะที่ไตรมาสแรกหดตัวไป -0.7% ซึ่งผลทั้งหมดมาจากการระบาดของไวรัสโคโรนาที่ส่งผลให้เกิดการใช้มาตรการ Lock Down และการ Circuit Breaker ในพื้นที่ของประเทศบางส่วนเพื่อจำกัดการระบาดของไวรัสโคโรนา


· น้ำมันดิบร่วง 1% ก่อนประชุม OPEC ท่ามกลางยอดติดเชื้อที่เพิ่มขึ้นกดดันตลาด

ราคาน้ำมันดิบปิดปรับตัวลงท่ามกลางตลาดที่รอคอยสัญญาณจากการประชุม OPEC ในสัปดาห์นี้ที่ถูกคาดว่าจะเห็นการปรับเพิ่มกำลังการผลิต

ทั้งนี้ ราคาน้ำมันถูกกดดันจากภาวะอุปสงค์ที่อาจได้รับผลกระทบเพิ่มหากรัฐบาลเลือกที่จะกลับมาใช้ Lockdown อีกครั้งจากจำนวนยอดผู้ติดเที่เชื้อที่กำลังเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ โดย WHO มีการบันทึกสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ครั้งใหม่ของยอดผู้ติดเชื้อทั่วโลกที่มียอดรวมกว่า 230,000 ราย/วัน

น้ำมันดิบ Brent ปิดลดลง 1 เซนต์ ที่ระดับ 43.23 เหรียญ/บาร์เรล ขณะที่น้ำมันดิบ WTI ปิดปรับลง 45 เซนต์ หรือ -1.1% ที่ 40.10 เหรียญ/บาร์เรล

บรรดาเทรดเดอร์น้ำมันยังคงรอคอยการปรุชม JJMC ของกลุ่ม OPEC ที่เตรียมจะหารือกันในวันนี้และวันพุธ เกี่ยวกับแนวทางอุปทานน้ำมันในอนาคต ขณะที่กลุ่ม OPEC+ อันรวมรัสเซียด้วย ถูกคาดว่าจะลดกำลังการผลิตเหลือเพียง 7.7 ล้านบาร์เรล/วัน หลังอุปสงค์ทั่วโลกฟื้นตัว

บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com