• สรุปข่าวเศรษฐกิจ (ภาคค่ำ) ประจำวันที่ 13 กรกฎาคม 2563

    13 กรกฎาคม 2563 | Economic News
  

· ดอลลาร์เริ่มสัปดาห์ด้วยการอ่อนค่ารอข้อมูลสำคัญและผลประกอบการ

ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลงในตลาดเอเชีย ท่ามกลางกลุ่มนักลงทุนที่รอคอยข้อมูลเศรษฐกิจจากทั่วโลก รวมทั้งรายงานผลประกอบการของบริษัทสหรัฐฯที่จะเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ชี้วัดความแข็งแรงของเศรษฐกิจสหรัฐฯ โดยที่ค่าเงินดอลลาร์ปิดสัปดาห์ที่แล้วในแดนลบต่อเนื่องเป็นสัปดาห์ที่สาม ท่ามกลางนักลงทุนที่กลับเข้าหาสินทรัพย์เสี่ยง

ดัชนีดอลลาร์อ่อนค่าลงตามความต้องการสินทรัพย์ปลอดภัยที่ลดลง โดยดัชนีดอลลาร์วันนี้ปรับอ่อนค่าลง 0.2% ที่ 96.452 จุด

ภายในระยะเวลา 24 ชั่วโมง จำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาในสหรัฐฯพุ่งขึ้นต่อเนื่องในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งรัฐฟลอริดามีรายงานพบยอดใหม่เพิ่มขึ้น 15,000 ราย และยังคงทำสูงสุดเป็นประวัติการณ์ เลยจุดพีคที่รัฐนิวยอร์กทำไว้ในเดือนเม.ย.

นายยูกิโอ อิชิซูกิ นักกลยุทธ์ค่าเงินอาวุโสจาก Daiwa Securities กล่าวว่า การเพิ่มขึ้นของยอดผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาไม่ถือเป็นข่าวดี แต่ตลาดคิดว่าสถานการณ์ในขณะนี้เผชิญกับ Overflow ในนระบบทางการแพทย์เพื่อต่อสู้กับการไม่ใช้นโยบายเข้มงวดทางเศรษฐกิจ

นอกจากนี้ ตลาดยังคาดหวังว่าจะมียาและวัคซีนต้านไวรัส ซึ่งทั้งหมดนี้กลายมาเป็นปัจจัยสนับสนุนสินทรัพย์เสี่ยงที่อาจทำให้เศรษฐกิจอาจฟื้นตัวได้หลังเผชิญ Lockdown

ข้อมูลเงินเฟ้อของสหรัฐฯในเดือนมิ.ย. จะประกาศในคืนพรุ่งนี้ ขณะที่ค้าปลีกที่ถือเป็นตัวชี้วัดสำคัญของการอุปโภคบริโภคจะเปิดเผยในวันพฤหัสบดีนี้

ผลประกอบการบริษัทจะเริ่มต้นทยอยประกาศตั้งแต่วันนี้ ที่จะเป็นอีกหนึ่งตัวชี้วัดที่ว่าจะได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจอย่างไร

ค่าเงินยูโรแข็งค่าขึ้น 0.25% ที่ 1.1329 ดอลลาร์/ยูโร เริ่มชะลอการอ่อนค่าตั้งแต่เดือนที่แล้ว ขณะที่ค่าเงินยูโรจับตาประชุม EU Summit วันที่ 17-18 ก.ค. ที่อาจจำเป็นต้องมีการดำเนินการสนับสนุนทางเศรษฐกิจและการเงินในระยะยาว

นายชาร์ล ไมเคิล ประธานคสภาอียู เผยคืบหน้า Eu Budget ประจำปี 2021-2027 โดยมีรายละเอียดน้อยกว่าข้อมูลก่อนหน้า

เงินปอนด์แข็งค่าขึ้น 0.3% ที่ 1.2656 ดอลลาร์/ปอนด์ โดยปรับแข็งค่าขึ้นใกล้สูงสุดรอบ 3 สัปดาห์ที่ทำไว้ในสัปดาห์ที่แล้วบริเวณ 1.2668 ดอลลาณ์/ปอนด์

ค่าเงินเยนแข็งค่าเล็กน้อยที่ 106.83 เยน/ดอลลาร์ โดยทรงตัวใกล้กับระดับต่ำสุดรอบ 2 สัปดาก์ที่ทำไว้ในสัปดาห์ที่แล้วบริเวณ 106.635 เยน/ดอลาร์

กลุ่มนักลงทุนรอคอยข้อมูลเศรษฐกิจจีนในวันพรุ่งนี้ที่จะมีข้อมูลการค้าเดือนมิ.ย. คู่กับจีดีพีจีนไตรมาสที่ 2 ที่จะประกาศในวันพฤหัสบดีนี้

ค่าเงินหยวนแข็งค่าอีก 0.15% ที่ 6.9987 หยวน/ดอลลาร์


· สำนักข่าว Reuters ระบุว่า การทรุดตัวลงของยอดส่งออกจีนมีแนวโน้มว่าจะบรรเทาลงในเดือนมิ.ย.ที่ระดับ 1.5% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว เนื่องจากบางประเทศกลับมาเปิดเศรษฐกิจของอีกครั้ง

ขณะที่ยอดนำเข้าหดตัวน้อยลงอย่างมากที่ระดับ 10% หลังจากร่วงลงไป 16.7% ในเดือนก่อนหน้านี้ จากการซื้อน้ำมันดิบและสินค้าโภคภัณฑ์ที่ปรับตัวสูงขึ้น


· ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลงเกือบ 1% เนื่องจากเหล่าเทดรเดอร์ให้ความสนใจไปยังการประชุมทางเทคนิคของกลุ่มโอเปกในสัปดาห์นี้ ซึ่งคาดว่าจะแนะนำให้มีการลดกำลังการผลิตที่จะช่วยหนุนราคาน้ำมันดิบ

โดยราคาน้ำมันดิบ Brent ลดลง 29 เซนต์ หรือคิดเป็น 0.7% ที่ระดับ 42.95 เหรียญ/บาร์เรล ขณะที่ราคาน้ำมันดิบ WTI ลดลง 30 เซนต์หรือคิดเป็น 0.7% เช่นเดียวกัน ที่ระดับ 40.25 เหรียญ/บาร์เรล

สำหรับสัปดาห์ที่ผ่านมา ราคาน้ำมันดิบเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยเนื่องจาการฟื้นตัวของยอดผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาที่เพิ่มขึ้นในสหรัฐฯ และหลายๆประเทศ จึงกระตุ้นการกำหนดข้อจำกัดในการเดินทางที่เข้มงวดมากขึ้นซึ่งอาจลดความต้องการการใช้น้ำมัน

อย่างไรก็ดี ราคาน้ำมันดิบปรับตัวสูงขึ้นได้มากกว่า 2% เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา หลังจากที่สำนักงานพลังงานสากล (IEA) เพิ่มคาดการณ์ปริมาณความต้องการน้ำมันในปีนี้เป็น 400,000 บาร์เรล/วัน

บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com