• สรุปข่าวตลาดหุ้น (ภาคเช้า) ประจำวันที่ 29 มิถุนายน 2563

    29 มิถุนายน 2563 | SET News
 

· ตลาดหุ้นสหรัฐฯปิดแดนลบท่ามกลางยอดผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาที่เพิ่มขึ้นหนุนโอกาสการกลับมาใช้นโยบายคุมเข้มมากขึ้น

ตลาดหุ้นสหรัฐฯปิดร่วงลงกว่าร 2% ในคืนวันศุกร์ โดยเฉพาะจำนวนผู้ติดเชื้อที่เพิ่มมากขึ้นในสหรัฐฯ ที่อาจส่งผลให้ภาคธุรกิจต้องกลับมาใช้มาตรการเข้มงวดเพื่อรับมือกับภาวการณ์ระบาดของไวรัสโคโรนาที่เพิ่มขึ้นในเวลานี้

ดัชนีดาวโจนส์ปิดปรับลง 730.05 จุด หรือ -2.84% ที่ระดับ 25,015.55 จุด ขณะที่ S&P500 ปิด -2.42% ที่ 3,009.05 จุด และดัชนี Nasdaq ปิดปรับลง -2.59% ที่ 9,757.22 จุด

ภาพรวมสัปดาห์ที่ผ่านมาดัชนี S&P500 -2.87% ทางด้านดาวโจนส์ปิดสัปดาห์ -3.31% และ Nasdaq ปิด -1.87%


พื้นที่ในบางรัฐของสหรัฐฯกำลังมีจำนวนการระบาดของไวรัสโคโรนามากขึ้น และมีผลให้รัฐเท็กซัส รวมทั้งรัฐฟลอริดา มีคำสั่งผับบาร์กลับมาปิดให้บริการอีกครั้ง

รายงานจาก Wall Street Journal กล่าวว่า ข้อตกลงการค้าเฟสแรกระหว่างสหรัฐฯและจีนอาจมีความเสี่ยงมากขึ้นที่จะเขากดดันตลาดหุ้นสหรัฐฯ หลังเจ้าหน้าที่จีนกล่าวเตือนว่า การที่สหรัฐฯเข้ามายุ่งเกี่ยวกับการดำเนินการของจีนในฮ่องกงและไต้หวัน อาจทำให้จีนไม่ปฏิบัติตามข้อตกลงที่จะซื้อสินค้าเกษตรของสหรัฐฯได้

ความกังวลครั้งใหม่ดังกล่าว ควบคู่กับสถานการณ์การระบาดของไวรัสโคโรนาดูจะเป็นอุปสรรคต่อการฟื้นตัวที่แข็งแกร่งของตลาดหุ้นสหรัฐฯได้ และจะเห็นได้จากการที่ดัชนี S&P500 ยังคงปรับตัวลงหลังจากที่ทำสูงสุดไว้ในเดือนมี.ค. รวมทั้งมีการปิดต่ำกว่าระดับเส้นค่าเฉลี่ยราย 200 วันที่เป็นตัวบ่งชี้ถึงภาวะการเคลื่อนไหวในระยาว ส่งผลให้นักวิเคราะห์บางรายมองว่าการยิ่งเพิ่มขึ้นของตัวเลขการระบาดนั้นจะยิ่งกดดันให้ดัชนีสหรัฐฯมีโอกาสทดสอบระดับสำคัญทางเทคนิคได้


· เช้านี้ดัชนีฟิวเจอร์สสหรัฐฯเปิดลบ ท่ามกลางยอดผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาที่เพิ่มขึ้นเป็นประวัติการณ์

ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์สเปิดปรับลง 178 จุด หรือ -0.7% ขณะที่ดัชนี S&P500 ฟิวเจอร์สเปิด -0.7% และ Nasdaq-100 เปิด -0.8%

· สตาร์บัคส์ เป็นบริษัทล่าสุดที่เข้าร่วมการบอยคอตต์การโฆษณาผ่าน Social Media Platform จากการใช้กฎที่เข้มงวดในการเผยแพร่ข้อมูลของทาง Facebook โดยหลายๆบริษัทยักษ์ใหญ่ทั่วโลกจะเริ่มระงับการโฆษณาผ่านทางFacebook, Instagram และทวิตเตอร์ในสหรัฐฯจนถึง 31 ธ.ค.นี้ โดยทางโฆษกของสตาร์บัคส์คาดว่าจะเริ่มต้นแบนการโฆษณาดังกล่าวในช่วงก.ค.นี้


· ตลาดหุ้นยุโรปปิดแดนลบ ท่ามกลางความกังวลไวรัสโคโรนา และหุ้นบริษัท Wirecard ที่ยังดิ่งลงกว่า 63%

ตลาดหุ้นยุโรปปิดปรับตัวลงในคืนวันศุกร์ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับการเพิ่มขึ้นของจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาในสหรัฐฯ โดยดัชนี Stoxx600 ปิด -0.4% ท่ามกลางหุ้นส่วนใหญ่ที่ยังเคลื่อนไหวในแดนลบ


· ตลาดหุ้นเอเชียลดลง จากยอดผู้เสียชีวิตจากไวรัสโคโรนาที่ทะลุ 5 แสนราย ขณะที่ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลง

ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวลดลง เนื่องจากยอดผู้เสียชีวิตจากไวรัสโคโรนาทั่วโลกที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเช้านี้ดัชนี Nikkei ร่วงลง 1.5% ด้านดัชนี Topix ร่วงลง 1.38% ขณะที่ดัชนี Kospi เกาหลีใต้ ลดลง 0.98%

ดัชนี S&P/ASX 200 ลดลง 1.65%

ทั้งนี้ ดัชนี MSCI ที่ไม่รวมตลาดหุ้นญี่ปุ่นลดลง 0.31%

ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลงในช่วงการซื้อขายในตลาดเอเชีย โดยราคาน้ำมันดิบ Brent ลดลง 1.58% ที่ระดับ 40.37 เหรียญ/บาร์เรล ขณะที่ราคาน้ำมันดิบ WTI ลดลง1.61% ที่ระดับ 37.87 เหรียญ/บาร์เรล

กระทรวงเศรษฐกิจการค้าและอุตสาหกรรมของประเทศญี่ปุ่น ระบุว่า ข้อมูลยอดค้าปลีกของญี่ปุ่นประจำเดือนพ.ค.ลดลง 12.3% เมื่อเทียบเป็นรายปีขณะที่สำนักข่าว Reuters ระบุว่า ตลาดคาดการณ์ว่าจะลดลง 11.6%

ขณะที่เหล่านักลงทุนให้ความสนใจไปยังการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาทั่วโลก ท่ามกลางความกังวลว่าการเพิ่มขึ้นของยอดผู้ติดเชื้ออาจส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ขณะที่ตอนนี้ทั่วโลกมียอดผู้เสียชีวิตพุ่งขึ้นมากกว่า 500,000 ราย จากยอดผู้ติดเชื้อถึง 10 ล้านราย

ทางฝั่งสหรัฐฯ พบยอดผู้ติดเชื้อจากไวรัสโคโรนาเพิ่มขึ้นมากกว่า 45,000 รายภายใน 1 วัน ส่งผลให้รัฐบางรัฐในสหรัฐฯ อย่างเช่น เท็กซัสและฟลอริด้าปิดธุรกิจในบางส่วน


· นักบริหารเงิน คาดว่า สัปดาห์นี้ค่าเงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบระหว่าง 30.70-31.20 บาท/ดอลลาร์ โดยปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ รายงานเศรษฐกิจการเงินเดือนพ.ค. และอัตราเงินเฟ้อเดือนมิ.ย. ของไทย

ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญระหว่างสัปดาห์ ได้แก่ ดัชนี PMI/ISM ภาคการผลิต ข้อมูลการจ้างงานนอกภาคเกษตร ตัวเลขจ้างงานภาคเอกชน ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนมิ.ย. ยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย ยอดสั่งซื้อภาคโรงงานเดือนพ.ค. ดัชนีราคาบ้านเดือนเม.ย. และบันทึกการประชุมเฟดเมื่อวันที่ 9-10 มิ.ย. นอกจากนี้ตลาดอาจรอติดตามถ้อยแถลงของประธานเฟด ดัชนี PMI เดือน มิ.ย. ของประเทศชั้นนำอื่นๆ และสถานการณ์โควิด-19 ในหลายประเทศด้วยเช่นกัน

· อ้างอิงจากสำนักข่าวอินโฟเควสท์

- นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน (PPP) ว่าสถานการณ์เศรษฐกิจโลกไม่ดีได้ส่งผลกระทบกับเศรษฐกิจไทย ดังนั้น สิ่งที่ประเทศจะสามารถพึ่งพาได้ คือการลงทุนในประเทศ ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) ได้รายงานความคืบหน้าโครงการ PPP แทบทุกโครงการมีความล่าช้าออกไป 6-10 เดือน

- นายอุตตม สาวนายน รมว.คลัง กล่าวว่า กระทรวงการคลังจะมีมาตรการออกมาช่วยเหลือเอสเอ็มอีเพิ่มเติมในสัปดาห์นี้ โดยนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี จะไปตรวจเยี่ยมสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) ซึ่งทำงานร่วมกับกระทรวงการคลัง และสถาบันการเงินของรัฐว่าจะมีมาตรการออกมาช่วยการปรับตัวของผู้ประกอบการเอสเอ็มอีรายเล็กอย่างไรบ้าง

- นายทศพร ศิริสัมพันธ์ เลขาธิการสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) หรือสภาพัฒน์ เปิดเผยความก้าวหน้าของการวิเคราะห์โครงการภายใต้กรอบนโยบายการฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ ตามแผนงานหรือโครงการที่ 3 ภายใต้ พ.ร.ก.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา เยียวยาและฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 พ.ศ. 2563 วงเงิน 400,000 ล้านบาท

- นายสยาม ประสิทธิศิริกุล ประธานคณะเจ้าหน้าที่ด้านลูกค้าธุรกิจ SME ธนาคารกรุงศรีอยุธยา (BAY) เปิดเผยว่า ขณะนี้ธนาคารได้ให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการเอสเอ็มอีที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ผ่านการให้สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ (Soft Loan) ตามมาตรการช่วยเหลือลูกค้าจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เป็นจำนวนมากกว่า 4,500 ราย เป็นจำนวน 9,300 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 10% ของวงเงินปัจจุบันที่ธปท.ให้แก่สถาบันการเงินต่าง ๆ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของลูกค้าในยามวิกฤติ

· อ้างอิงจากสำนักข่าว INNnews

- นายไพบูลย์ นลินทรางกูร ประธานกรรมการ สภาธุรกิจตลาดทุนไทย เปิดเผยกับสำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น. ถึงเงินกู้ ภายใต้พระราชกำหนด(พ.ร.ก.) ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา เยียวยาและฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ว่า รัฐบาลควรทุ่มเงินกู้ 400,000 ล้านบาท ลงไปในระบบเศรษฐกิจครึ่งปีหลังทันที เพื่อสร้างแรงกระตุ้น เกิดกำลังซื้อ ผ่านรูปแบบของการลงทุนในโครงการต่างๆ เพื่อให้ประชาชนมีงานทำ ลดการว่างงาน รวมถึงมุ่งเน้นด้านการท่องเที่ยว ทั้งนี้ เชื่อว่า เศรษฐกิจไทยมีโอกาสที่จะกลับมาขยายตัวเป็นบวกอีกครั้ง ในช่วงไตรมาสที่ 4 ปี 63

นอกจากนี้ ประธานกรรมการ สภาธุรกิจตลาดทุนไทย ยังได้กล่าวถึง พรก.ซอฟต์โลน ของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) วงเงิน 500,000 ล้านบาท ด้วยว่า ควรที่จะหาวิธีเพื่อที่จะทำให้ผู้ประกอบการสามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้มากกว่านี้

บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com