• สรุปข่าวเศรษฐกิจ (ภาคเช้า) ประจำวันที่ 22 มิถุนายน 2563

    22 มิถุนายน 2563 | Economic News

· สัปดาห์ที่แล้วดอลลาร์ปรับแข็งค่าขึ้นเล็กน้อย จากความต้องการ Safe-Haven

ท่ามกลางความวิตกกังวลเกี่ยวกับการระบาดระลอกสอง ได้ส่งผลให้เกิดความต้องการสินทรัพย์ปลอดภัยมากขึ้น และทำให้ดอลลาร์ยังอยู่ในทิศทางแข็งค่ารายสัปดาห์ที่ดีที่สุดของเดือน

ตลาดการเงินสัปดาห์นี้ให้ความสนใจไปยังการเพิ่มจำนวนมากขึ้นของผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาในสหรัฐฯและจีน ที่ดูจะสร้างความกังวลว่าอาจเห็นการ Lockdown ทั่วโลกกลับมาอีกครั้ง

ดัชนีดอลลาร์ปรับแข็งค่าขึ้น 0.18% ที่ระดับ 97.61 จุด ซึ่งถือเป็นระดับปิดสูงสุดตั้งแต่ 2 มิ.ย.ที่ผ่านมา ขณะที่ภาพรวมสัปดาห์นี้แข็งค่าขึ้น 0.51% ถือเป็นการปรับตัวขึ้นรายเดือนที่ดีที่สุดตั้งแต่ช่วงกลางเดือนพ.ค.

ค่าเงินยูโรอ่อนค่าลงเล็กน้อยประมาณ 0.12% ที่ 1.119 ดอลลาร์/ยูโร ท่ามกลางการรประชุมสุดยอดผู้นำอียูที่จะหารือเรื่องงบประมาณ 7.5 แสนล้านเหรียญสำหรับกองทุนฟื้นฟูเศรษฐกิจยูโรโซน

ด้านนางคริสติน ลาการ์ด ประธานไอเอ็มเอฟ กล่าวกับบรรดาผู้นำอียูเกี่ยวกับการปรับตัวลดลงทางเศรษฐกิจของพวกเขา และเรียกร้องให้ทุกฝ่ายเร่งดำเนินการฟื้นฟูเศรษฐกิจของตนเอง

· เจ้าหน้าที่เฟดส่งสัญญาณระวังเพิ่มขึ้นต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจท่ามกลางการระบาดของไวรัส ณ ปัจจุบัน

ในคืนวันศุกร์มีเจ้าหน้าที่เฟดจำนวน 2 ราย ที่กล่าวในเชิงเดียวกันเกี่ยวกับการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ พร้อมเตือนเรื่องอัตราว่างงานที่อาจพุ่งขึ้นอีกครั้ง หากการระบาดยังไม่สามารถอยู่ภายใต้การควบคุมได้

- ประธานเฟดบอสตันชี้เศรษฐกิจมีแนวโน้มต้องได้รับการสนับสนุนเพิ่มเติม

นายอีริค โรเซ็นเกร็น ประธานเฟดสาขาบอสตัน กล่าวว่า การระบาดอย่างต่อเนื่องของไวรัสโคโรนาเป็นปัจจัยที่กดดันการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจสหรัฐฯ และการกระตุ้นเศรษฐกิจและทางการเงินเพิ่มเติมมีความจำเป็นที่จะต้องเกิดขึ้น ขณะที่อัตราว่างงานมีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่าได้ในช่วงปลายปีนี้ พร้อมกันนี้ควรระมัดระวังต่อการกลับมาเปิดทำการทางเศรษฐกิจที่เร็วเกินไป หลังจากที่ใช้มาตาการ Lockdown เพื่อจำกัดการระบาดของไวรัส

- ประธานเฟดมินนีแอโพลิส มองการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจอาจใช้เวลานนานกว่าที่หวังไว้

นายนีล คาร์ชคาริ ประธานเฟดสาขามินนีแอโพลิส กล่าวว่า การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจจากวิกฤตไวรัสโคโรนาอาจฟื้นตัวได้ช้ากว่าที่คาดไว้ ขณะที่ความเป็นไปได้ของการระบาดรอบที่ 2 ดูจะสร้างแรงกดดันต่ออัตราว่างงานให้เพิ่มสูงขึ้น ดังนั้น การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจจึงอาจใช้เวลานานกว่าที่พวกเราคาดหวังไว้ในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา รวมทั้งหลายๆตำแหน่งงานก็อาจใช้เวลานานกว่าจะฟื้นคืนกลับมา

· รายงานจาก WHO ชี้ยอดติดเชื้อ COVID-19 รายวันเพิ่มขึ้นเป็นประวัติการณ์

รายงานจากองค์การอนามัยโลก (WHO) ระบุว่า ยอดผู้ติดเชื้อทั่วโลกปรับตัวขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในวันอาทิตย์ โดยรวมทั่วโลกในวันนั้นมีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น 183,020 รายภายในเวลา 24 ชั่วโมง ซึ่งการเพิ่มขึ้นมากที่สุดมาจากทางตอนเหนือและตอนใต้ของประเทศสหรัฐฯที่รวมแล้วสูงกว่า 116,000 ราย ขณะที่ยอดโดยรวมเมื่อวันที่ 18 มิ.ย. มียอดรายวันสูงสุดที่ 181,232 ราย

· ยอดผู้เสียชีวิตบราซิลพุ่งทะลุ 50,000 รายจากการติดเชื้อไวรัสโคโรนา

บราซิล ณ เวลานี้ถือเป็นประเทศลำดับที่ 2 ของโลกที่มีผู้ติดเชื้อมากที่สุดรองจากสหรัฐฯ และรายงานล่าสุดชี้ว่ามียอดผู้เสียชีวิตปรับตัวขึ้นอย่างมาก

ล่าสุดยอดรวมผู้ติดเชื้อในประเทศบราซิลเพิ่มขึ้นสูงกว่า 1,086,990 ราย และมียอดผู้ติดเชื้อปรับขึ้นมาที่ 50,659 ราย

· เยอรมันเสี่ยงเผชิญ Lockdown หากการระบาดของไวรัสโคโรนายังไม่สามารถควบคุมได้

ภูมิภาคทางตอนเหนือของเยอรมนีกำลังเผชิญกับความเสี่ยงของภาวะ Lockdown ครั้งใหม่จากการระบาดในเมืองใหญ่ๆ ขณะที่พนักงานติดเชื้อเพิ่ม 400 รายจากการทดสอบ ทำให้มียอดผู้ติดเชื้อใหม่เพิ่มเท่าตัวที่ 803 ราย

· ทรัมป์กล่าวว่าอาจจะทำการประกาศคุมเข้มมาตรการวีซ่าในวันนี้

นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ กล่าวว่า เขาจะทำการประกาศมาตรการคุมเข้มวีซาในช่วงเวลา 2-3 วันที่ผ่านมาเพื่อจำกัดการการเข้าประเทศของกลุ่มแรงงานต่างชาติ และเพื่อป้องกันไม่ให้ชาวสหรัฐฯหางานลำบากในช่วงที่ภาวะตลาดแรงงานได้รับผลกระทบจากไวรัสโคโรนา

· สหรัฐฯปฏิเสธข้อเรียกร้องสายการบินจีนในการเพิ่มเที่ยวบิน

ในคืนวันศุกร์ สหรัฐฯปฏิเสธข้อเรียกร้องจากสายการบินจีนในการเพิ่มจำนวนเที่ยวบินรายสัปดาห์ระหว่างสองประเทศ พร้อมย้ำว่าการตัดสินใจดังกล่าวไม่ได้หมายถึงการเพิ่มความตึงเครียดในการคุมการเดินทาง

· นายกฯอังกฤษ จะประกาศแผนผ่อนคลาย Lockdown ในวันอังคาร

นายบอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีอังกฤษจะทำการเผยแผนผ่อนคลาย Lockdown ฉบับล่าสุดในวันพรุ่งนี้ หลังจากที่ได้ทำการทบทวนกฎ Social Distancing ที่จะผ่อนคลายมากขึ้น

เศรษฐกิจอังกฤษได้รับผลกระทบจากภาวะ Lockdown เพื่อยุติภาวการณ์ระบาดของไวรัสโคโรนา แม้ว่ากลุ่ม Non-essential ในกลุ่มค่าปลีกที่จะได้รับอนุญาตให้กลับมาเปิดทำการ ขณะที่หลายๆธุรกิจ โดยเฉพาะในภาคโรงพยาบาลและกลุ่มที่พักยังคงปิดให้บริการ

· นายกฯอิตาลีกล่าวว่ายอดขาดุลจะเพิ่มขึ้นต่อจากการระบาดของไวรัสโคโรนา

ยอดขาดดุลอิตาลี ณ ปัจจุบันคาดว่าจะอยู่ที่ระดับประมาณ 10.4% ของจีดีพีปีนี้ และมีแนวโน้มจะขยายตัวเพิ่มขึ้นได้ ท่ามกลางความพยายามเศรษฐกิจในช่วงการระบาดของไวรัสโคโรนา

· อียูต้องการทำข้อตกลง Brexit ใหม่ โดยไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ

คณะกรรมาธิการอียูกำลังทำข้อตกลงกับทางอังกฤษเกี่ยวกับความสัมพันธ์ครั้งใหม่หลังจาก Brexit แต่ไม่ต้องการมีภาระค่าใช้จ่ายใดๆเพิ่ม และในการประชุมล่าสุดเมื่อสัปดาห์ที่แล้วพบว่ามีความคืบหน้ามากขึ้นเล็กน้อยนับตั้งแต่ที่อังกฤษออกจากอียูอย่างเป็นทางการเมื่อเดือนม.ค. และจะจบระยะเวลาการเจรจาในช่วงปลายปีนี้

· ผู้นำอียูเห็นพ้องกันในการขยายมาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจแก่รัสเซีย

บรรดาผู้นำยุโรปเห็นพ้องกันในการขยายระยะเวลาการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจรัสเซียจนถึงสิ้นเดือนม.ค. ปีหน้า จากเหตุแทรกแซงไครเมีย และความวุ่นวายในภาคตะวันออกของยูเครน

· ทหารจีนเสียชีวิตอย่างน้อย 40 ราย จากเหตุปะทะกับอินเดีย

รายงานจากรัฐมนตรีอินเดีย ระบุว่า จีนเสียกำลังทหารแล้วกว่า 40 นายจากเหตุปะทะมือเปล่ากับอินเดียในสัปดาห์ที่แล้ว บริเวณตะวันตกของเทือกเขาหิมาลัย ขณะที่มีรายงานว่าเจ้าหน้าที่อินเดียเสียชีวิต 20 ราย และมีเจ้าหน้าที่บาดเจ็บ 76 ราย

· เกาหลีเหนือเตรียมพร้อมส่งใบปลิวต่อต้านเกาหลีใต้

ชาวเกาหลีเหนือทั่วประเทศกำลังร่วมแรงร่วมใจกันจัดเตรียมใบปลิวจำนวนมากเตรียมแจกจ่ายข้ามพรมแดนเป็นวงกว้างและการส่งใบปลิวที่กำลังจะเกิดขึ้นถือเป็น "มาตรการตอบโต้อย่างเท่าเทียม" เพื่อให้อีกฝ่ายได้เกิดความรู้สึกแบบเดียวกัน

· น้ำมันดิบพุ่ง 2% ปรับขึ้นได้ 7 ครั้ง ในรอบ 8 สัปดาห์ ท่ามกลางความหวังการปรับลดอุปทาน

ราคาน้ำมันดิบปรับตัวขึ้นแต่ก็ยังคงอ่อนตัวจากช่วงที่ขึ้นไปทำระดับสูงสุดจากความกังวลเรื่องการระบาดของไวรัสโคโรนาที่อาจกระทบต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจสหรัฐฯ

ภาพรวมแม้จะมีการเข้าซื้อราคาน้ำมันจากการที่สมาชิกเฟดหนุนว่าจำเป็นต้องมีการเพิ่มนโยบายและการกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่ระหว่างการซื้อขายก็มีแรงขายทำกำไรออกมาบ้างแล้วเมื่อราคาปรับขึ้นทำสูงสุด โดยน้ำมันดิบ Brent ปิดปรับขึ้นได้ 61 เซนต์ ที่ 42.12 เหรียญ/บาร์เรล หลังจากที่ทำสูงสุดระหว่างวันที่ 42.92 เหรียญ/บาร์เรล

น้ำมันดิบ WTI ปิดปรับขึ้น 91 เซนต์ หรือ +2.34% ที่ 39.75 เหรียญ/บาร์เรล

ทั้งนี้ มีรายงานว่า อิรักและคาซัคสถาน เผยว่า ระหว่างการประชุม OPEC+ เมื่อวันพฤหัสบดีทั้งสองให้คำมั่นที่จะร่วมมือกันในการปรับลดกำลังการผลิตมากขึ้น จึงสะท้อนว่าเราอาจเห็นการลดกำลังการผลิตมากกว่าเดิมในเดือนก.ค. ได้

บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com