• สรุปข่าวเศรษฐกิจ (ภาคค่ำ) ประจำวันที่ 9 มิถุนายน 2563

    9 มิถุนายน 2563 | Economic News
 

· ดอลลาร์แข็งค่าขึ้นเล็กน้อย นักลงทุนกังวลตึงเครียดจีน-ออสเตรเลีย

ค่าเงินดอลลาร์ดีดกลับขึ้นมาได้ ท่ามกลางการแข็งค่าของค่าเงินในกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ ท่ามกลางนักลงทุนที่ชะลอการขายทำกำไร แม้ว่าการแข็งค่าของดอลลาร์จะเป็นไปอย่างจำกัดจากตลาดที่รอคอยผลประชุมเฟดในเร็วๆนี้

ค่าเงินออสเตรเลียดอลลาร์หลังจากที่ไปแตะสูงสุดรอบ 10 เดือนที่ 0.7043 ในช่วงต้นตลาดก็อ่อนค่าลงมากว่า 1% แตะ 0.6948 ออสเตรเลียดอลลาร์ หลังจากที่รัฐมนตรีกระทรวงศึกษาจีนกล่าวเตือนนักศึกษาให้ระวังต่อการตัดสินใจเลือกศึกษาต่อท่ามกลางความตึงเครียดระหว่างสองประเทศ

ด้านเงินเยนอ่อนค่ามาที่ 107.97 เยน/ดอลลาร์ จากนักลงทุนที่รอคอยความเป็นไปได้ที่จะเห็นเฟดเพิ่มการเข้าซื้อพันธบัตร หรือการใช้นโยบายเชิงผ่อนคลายทางการเงิน

ค่าเงินปอนด์แข็งค่าขึ้นทำสูงสุดรอบ 3 เดือนก่อนจะอ่อนตัวลงมาที่ 1.2700 ดอลลาร์/ปอนด์ โดยล่าสุดทรงตัวที่ 1.1272 ดอลลาร์/ปอนด์

อย่างไรก็ดี การประกาศผลประชุมเฟดในวันพรุ่งนี้ ไม่คาดว่าจะเห็นเฟดเปลี่ยนแปลงการดำเนินนโยบายดอกเบี้ย ท่ามกลางนักลงทุนที่ลดมุมมองต่อการเห็นดอกเบี้ยต่ำกว่าระดับ 0% ในปีหน้าเช่นกัน

· BofA คาด อัตราผลตอบแทนอาจพุ่งเหนือ 1% จากข้อมูลตลาดแรงงานที่แกร่งเกินคาด

ทีมงาน BofA Global Research มองว่าการฟื้นตัวของตลาดแรงงานที่แข็งแกร่งจะเป็นสิ่งที่เพิ่มการฟื้นตัวของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรและผ่อนคลายเฟดในการประชุม

นอกจากนี้ ทีมวิจัยยังคาดว่าเศรษฐกิจจะมีทิศทางชะลอตัวในช่วงไตรมาสที่ 2 โดยจะค่อยๆเริ่มฟื้นตัวอีกครั้งในช่วงไตรมาส 3 และจะเห็นการฟื้นตัวอีกทีในช่วงไตรมาสที่ 4 แต่ความเสี่ยงทั้งหมดในเร็วๆนี้ก็อาจเป็นเรื่องเหนือความคาดหมายได้

ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีมีโอกาสแตะ 1% ได้ในช่วงสิ้นปีนี้ และจะเห็น 1.25% ในช่วงสิ้นปี 2021 จากข่าวดีดังกล่าว

· เฟดขยายโปรแกรมหนุนการกู้ยืมแก่ธุรกิจขนาดเล็กและขนาดกลาง

เมื่อวานนี้เฟดกล่าวว่าอาจมีการเพิ่มขยายการกู้ยืมระยะยาวเป็นเวลา 5 ปีเพื่อสนับสนุนทางการเงินแก่ภาคธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็กที่เผชิญกับภาวะถดถอยจากการระบาดของไวรัสโคโรนา โดยจากเดิมที่เฟดมีการปล่อยกู้ขั้นต่ำ 250,000 เหรียญ ซึ่ง ณ ปัจจุบันอาจขยายวงเงินการปล่อยกู้ขั้นสูงสุดจาก 200 ล้านเหรียญ เป็น 300 ล้านเหรียญ

· ยอดส่งออกเยอรมนีดิ่งลงในเดือนเม.ย. ท่ามกลางไวรัสโคโรนากระทบอุปสงค์

ยอดส่งออกเยอรมนีในเดือนเม.ย. ร่วงลงจากวิกฤตไวรัสโคโรนาที่ส่งผลให้อุปสงค์ลดลง โดยยอดส่งออกล่าสุดร่วงลง -24% ขณะที่ยอดนำเข้าปรับลง -16.5% ก่อให้เกิดยอดเกินดุลหดตัวลงมากถึง 3.2 พันล้านยูโร

· เจ้าหน้าที่อาวุโส เผย ทรัมป์ลดกำลังทหารในเยอรมนี

เจ้าหน้าที่อาวุโสด้านความมั่นคง และแหล่งข่าววงในอีกราว 5 ราย เปิดเผยว่า นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ มีการตัดสินใจปรับลดกองกำลังทหารสหรัฐฯในประเทศเยอรมนี แม้ว่าทางเพนตากอนจะยังไม่ได้รับรายละเอียดคำสั่งอย่างเป็นทางการดงกล่าว

ทั้งนี้ นายทรัมป์ พิจารณาตัดสินใจที่จะถอนกำลังทหารในเยอรมนีออก 9,500 นาย ซึ่งสหรัฐฯถือเป็นหนึ่งในพันธมิตรที่แข็งแกร่งที่สุด และการปรับลดดังกล่าวจะทำให้กองกำลังสหรัฐฯในเยอรมนี 34,500 นาย เหลือเพียง 25,000 นายเท่านั้น

อย่างไรก็ดี เจ้าหน้าที่เผยว่า ผลดังกล่าวเกิดขึ้นจากความตึงเครียดระหว่าง นายทรัมป์ และนางอังเกลา แมร์เคล นายกรัฐมนตรีเยอรมนี หลังจากที่เธอปฏิเสธที่จะร่วมการประชุม G7 ในเดือนนี้ด้วยเหตุการระบาดของไวรัสโคโรนา

· น้ำมันดิบปรับขึ้นจากการคลาย Lockdown คาดหวังเห็นอุปสงค์ฟื้นตัว

ราคาน้ำมันดิบปรับตัวสูงขึ้นเพราะได้รับแรงสนับสนุนจากความหวังที่จะเห็นเศรษฐกิจฟื้นหนุนอุปสงค์ฟื้นตามหลังคลาย Lockdown ทั่วโลก แต่การขึ้นครั้งนี้ก็เป็นไปอย่างจำกัดจากภาวะอุปทานที่ยังคงล้นตลาดอยู่

น้ำมันดิบ Brent ปรับขึ้น 0.5% หรือ 22 เซนต์ ในวันนี้ที่ระดับ 41.02 เหรียญ/บาร์เรล ทางด้านน้ำมันดิบ WTI ปรับขึ้น 0.8% หรือ 31 เซนต์ ที่ระดับ 38.50 เหรียญ/บาร์เรล หลังร่วงไป 1.36 เหรียญ/บาร์เรลเมื่อวานนี้

นักวิเคราะห์จาก CMC Markets กล่าวว่า ราคาน้ำมันดิบ Brent ที่ยังทรงตัวได้เหนือ 40 เหรียญ/บาร์เรล ก็ดูจะทำให้เราเห็น WTI มีระดับการซื้อขายที่ปรับขึ้นตาม

อย่างไรก็ดี Goldman Sachs มีการปรับเพิ่มคาดการณ์ราคาน้ำมันดิบปีนี้ โดย Brent คาดอยู่ที่ 40.40 เหรียญ/บาร์เรล ขณะที่ WTI คาดอยู่ที่ 36 เหรียญ/บาร์เรล แต่ก็มีการกล่าวเตือนว่าอาจมีการอ่อนตัวของราคาในอีกไม่กี่สัปดาห์นี้ เนื่องจากระดับอุปสงค์ยังไม่แน่นอน และระดับสต็อกน้ำมันยังไม่นิ่ง

· Goldman Sachs คาดราคาน้ำมันมีแนวโน้มอ่อนตัวในเร็วๆนี้

รายงานจาก Goldman Sachs กล่าวว่า ราคาน้ำมันดิบมีแนวโน้มจะอ่อนตัวลงในไม่กี่สัปดาห์นี้ จากความไม่แน่นอนเรื่องอุปสงค์น้ำมันและการแกว่งของสต็อกน้ำมั

โดย Goldman Sachs คาดว่า ราคาน้ำมันดิบ Brent มีโอกาสแตะ 35 เหรียญในระยะสั้นๆ เมื่อเทียบกับที่ขึ้นไปทำสูงสุด 43 เหรียญวานนี้

ราคาน้ำมันดิบรีบาวน์ทำสูงสุดในรอบเกือบ 3 เดือน หลังจากที่ OPEC+ เห็นพ้องกันในการขยายเวลาปรับลดกำลังการผลิตที่ 9.7 ล้านบาร์เรล/วัน จนถึงเดือนก.ค. ท่ามกลางสัญญาณที่จะเห็นเศรษฐกิจฟื้นตัวได้เร็วกว่าที่คาด

สัญญาน้ำมันดิบ Brent วันนี้แกว่งตัวในกรอบแถว 41 เหรียญ/บาร์เรล ขณะที่ภาพรวมสัญญาน้ำมันชนิดนี้ปรับขึ้นมาได้แล้วกว่า 150% ตั้งแต่ที่ไปแตะ 15.98 เหรียญ/บาร์เรลในเดือนเม.ย. ซึ่งถือเป็นการอ่อนตัวลงมากที่สุดตั้งแต่ มิ.ย. ปี 1999

นอกจากนี้ Goldman Sachs ยังมีการปรับเพิ่มคาดการณ์ราคาน้ำมันดิบ Brent ปีนี้ไว้ที่ 40.40 เหรียญ/บาร์เรล จากเดิมที่ 35.60 เหรียญ/บาร์เรล ด้านน้ำมันดิบ WTI คาดราคาอาจแตะ 36 เหรียญ/บาร์เรลได้ในปีนี้ เมื่อเทียบกับคาดการณ์เดิมที่ 33.10 เหรียญ/บาร์เรล

· รัฐมนตรีกระทรวงพลังงานการ์ตาชี้สงครามราคาน้ำมันระหว่างซาอุดิอาระเบีย-รัสเซียจะเป็นความผิดพลาดครั้งใหญ่

รัฐมนตรีกระทรวงพลังงานการ์ตา กล่าวว่า การเคลื่อนไหวของซาอุดิอาระเบียและรัสเซียเมื่อไม่กี่เดือนมานี้ได้ส่งผลให้ตลาดอ่อนตัวลงมาตั้งแต่ช่วงเดือนมี.ค. จากกรณี Price War ซึ่งนี่อาจถือเป็นความผิดพลาดครั้งใหญ่ ที่เป็นสาเหตุให้ราคาน้ำมันปรับตัวลงอย่างมาก จากนั้นราคาก็ถูกกดดันจากการระบาดของไวรัสโคโรนา และค่อนข้างอันตรายอย่างมากที่อาจไม่กลับมาผลิตน้ำมันได้เท่าเดิมอีก และสิ่งที่เราเห็นกันได้อย่างชัดเจนคือการที่ราคาน้ำมันดิบ WTI ร่วงลงสู่ระดับแดนลบ

สิ่งที่เป็นผลลบต่ออุปสงค์น้ำมันยังมาจากการใช้มาตรการ Lockdown ทั่วโลก และถึงแม้จะมีการคลาย Lockdwon แต่ตลาดก็ต้องเผชิญกับการที่ซาอุดิอาระเบียหั่นราคาขายน้ำมัน พร้อมเพิ่มกำลังการผลิต หลังรัสเซียปฏิเสธที่จะเข้าร่วมข้อตกลงการปรับลดการผลิตน้ำมันเมื่อช่วงต้นเดือนมี.ค.

ผลที่ตามมาคือผลกำไรด้านการผลิตน้ำมันของประเทศต่างๆมีการปรับตัวลดลง และไม่เพียงพอที่จะได้รับแรงหนุนจากการทำข้อตกลงของ OPEC+ ที่เห็นพ้องกันได้เมื่อเดือนเม.ย. ในการปรับลดการผลิตครั้งประวัติการณ์ 9.7 ล้านบาร์เรล/วัน ที่ล่าสุดขยายเวลาออกไปถึงเดือนก.ค.

ทั้งนี้ แม้จะเห็นราคาน้ำมันดิบ Brent ปรับตัวขึ้นได้เกือบ 40% ในเดือนพ.ค. แต่ราคาก็ยังคงปรับตัวลดลงไปแล้วกว่า 46% เมื่อเทียบรายปีเมื่อช่วงสิ้นเดือนพ.ค.ที่ผ่านมา

· เกาหลีเหนือ ขู่ตัดสายตรงกับทางเกาหลีใต้

สำนักข่าว KCNA ระบุว่า เกาหลีเหนือ กล่าวว่า จะทำยุติการสื่อสารแบบสายตรงกับทางเกาหลีใต้ ซึ่งจะเป็นก้าวแรกในการปิดการติดต่อทั้งหมดกับเกาหลีใต้

ในช่วงหลายวันนี้มานี้ ทางการเกาหลีเหลือและเกาหลีใต้มีการตอบโต้กันในประเด็นปรปักษ์เกาหลีใต้ ประกอบกับการที่หากนักเคลื่อนไหวฝั่งเกาหลีใต้ไม่ยอมหยุดการโปรยใบปลิวโฆษณาชวนเชื่อ ถือเป็นการบ่อนทำลายข้อตกลงสันติภาพระหว่างเกาหลีเหนือและเกาหลีใต้

บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com