• สรุปข่าวเศรษฐกิจ (ภาคค่ำ) ประจำวันที่ 2 มิถุนายน 2563

    2 มิถุนายน 2563 | Economic News

· ดอลลาร์อ่อนค่าท่ามกลางนักลงทุนที่หวังว่าจะเห็นเศรษฐกิจฟื้นตัว แม้ว่าความกังวลเกี่ยวกับคามตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯและจีนจะเพิ่มขึ้น ขณะที่การประท้วงเกิดขึ้นทั่วทุกพื้นที่ในสหรัฐฯจากเหตุชาวอเมริกันผิวสีเสียชีวิต

ดัชนีดอลลาร์ทรงตัวใกล้ระดับอ่อนค่ามากที่สุดตั้งแต่ช่วงกลางเดือนมี.ค. โดยล่าสุดทรงตัวที่ 97.885 จุด หลังจากที่ร่วงลงกว่า 5% จากระดับสูงสุดที่ทำไว้ในเดือนมี.ค. จากภาวะ Panic เกี่ยวกับการระบาดของไวรัสโคโรนาที่ดูจะสร้างความผันผวนให้แก่ตลาดการเงิน

ด้านค่าเงินยูโรอ่อนค่าเล็กน้อย แต่ก็ยังทรงตัวใกล้ระดับสูงสุดรอบ 2 เดือนครึ่งที่ทำไว้เมื่อวานนี้บริเวณ 1.1154 ดอลลาร์/ยูโร

ค่าเงินยูโรยังคงมีแรงหนุนจากการจัดตั้งกองทุนฟื้นฟูประเทศวงเงิน 7.5 แสนล้านเหรียญ เพื่อเยียวยาพิษเศรษฐกิจจากการระบาดของไวรัสโคโรนา

ค่าเงินปอนด์แข็ค่าทำสูงสุดรอบ 1 เดือนบริเวณ 1.2525 ก่อนที่จะอ่อนค่าลงมาทรงตัวบริเวณ 1.2479 ดอลลาร์/ปอนด์

ค่าเงินเยนทรงตัวที่ 107.68 เยน/ดอลลาร์ และยังคงทรงตัวได้ดีในกรอบระหว่าง 106 – 108 เยน/ดอลลาร์

ความเชื่อมั่นในตลาดสินทรัพย์เสี่ยงดูจะได้รับผลกระทบจากรายงานของ Bloomberg ที่ระบุว่า จีนมีการแจ้งบริษัทในเครือภาครัฐทำการระงับการเข้าซื้อถั่วเหลือง และเนื้อสัตว์จากสหรัฐฯ จึงเพิ่มความกังวลว่าข้อตกลงการค้ารอบใหม่ระหว่างสหรัฐฯและจีนจะขยายตัวขึ้น

กลุ่มนักลงทุนมองทิศทางเศรษฐกิจเชิงบวก ขณะที่เกิดความไม่สงบในพื้นที่สหรัฐฯ และนายทรัมป์มีการประกาศจะใช้กำลังทางทหารเพื่อปราบปรามความไม่สงบ

ค่าเงินหยวนแข็งค่ามาที่ 7.12000 หยวน/ดอลลาร์โดยปรับลงจากระดับอ่อนค่ามากสุดในรอบ 8 เดือนที่ทำไว้เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว

จะเห็นได้ว่าในเดือนก.ย.ปีที่แล้ว หยวนอ่อนค่าลงไปทำต่ำสุดรอบ 11 ปีที่ 7.1854 หยวน/ดอลลาร์ จากความตึงเครียดทางการเมืองระหว่างสหรัฐฯและลจีน และการที่สหรัฐฯประกาศขึ้นภาษีจีนรอบ 4

· อัตราผลตอบแทนพันธบัตรทรงตัวจับตาทิศทางเศรษฐกิจในช่วงกลับมาเปิดทำการและเหตุความไม่สงบในสหรัฐฯ

อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปมากนัก โดยนักลงทุนยังคงประเมินสถานการณ์ทิศทางเศรษฐกิจที่กลับมาเปิดทำการ ในช่วงที่มีเหตุประท้วงภายในประเทศด้วย โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯอายุ 10 ปี ปรับลงแถว 0.6607% ขณะที่อัตราผลตอบแทนอายุ 30 ปีทรงตัวต่ำกว่า 1.4539%

ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจมีการใช้แก๊สน้ำตาและกระสุนปืนยิงใส่กลุ่มผู้ชุมนุมประท้วงบริเวณหน้าทำเนียบขาว เพื่อเคลียร์เส้นทางให้นายทรัมป์ผ่านไปยังเมือง Lafayette Square และโบสถ์เซนต์จอห์น

ขณะเดียวกัน ณ Rose Garden นายทรัมป์ กล่าวแถลงการณ์ข่มขู่การเลือกใช้กองกำลังทหารเพื่อสลายการชุมนุมกลุ่มผู้ประท้วงการกระทำเกินกว่าเหตุของเจ้าหน้าที่ตำรวจอันเป็นเหตุให้นายจอร์จ ฟลอยด์ ชาวผิวสีในรัฐมินนีแอโพลิสเสียชีวิตลงเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว แต่นายทรัมป์ไม่ได้กล่าวถึงการกระทำอันรุนแรงเกินไปของเจ้าหน้าที่หรือความเท่าเทียมกันทางเชื้อชาติที่เป็นสาเหตุเบื้องหลังของการประท้วง

ความรุนแรงของสถานการณ์ประท้วงภายใต้การค่อยๆกลับมาเปิดทำการของสหรัฐฯ ที่พบผู้ติดเชื้อในสหรัฐฯกว่า 1.8 ล้านราย ขณะที่ผู้เสียชีวิตแล้วกว่า 105,000 ราย

ตลาดกำลังให้ความสนใจกับเรื่องการกลับมาเปิดทำการ และความเป็นไปได้เรื่องความตึงเครียดกับกลุ่มผู้ชุมนุม และความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯและจีนจากเหตุควบคุมฮ่องกงที่ทั้งหมดดูจะเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อความเชื่อมั่นนักลงทุน

สำหรับวันนี้ไม่มีการประกาศตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญใดๆ

· Goldman Sachs เริ่มกลับมาถือสถานะ Short ในค่าเงินดอลลาร์ ท่ามกลางการกลับมาเปิดทำการทางเศรษฐกิจที่คาดว่าจะเป็นแรงดึงดูดใจให้นักลงทุนก้าวออกจากสินทรัพย์ปลอดภัย

ในสัปดาห์ที่แล้ว นักกลยุทุธ์จาก Goldman Sachs มองดอลลาร์ในทิศทางขาลง เนื่องจากหลายๆแห่งกลับมาเปิดทำการ ประกอบกับหลักฐานบ่งชี้ว่าการระบาดของไวรัสโคโรนาเริ่มเป็นไปอย่างจำกัด และความคืบหน้าของทางอียูที่มีการจัดกองทุนฟื้นฟูประเทศด้วยวงเงิน 7.5 แสนล้านยูโร (8.341 แสนล้านเหรียญ) ที่ทั้งหมดนี้ดูจะเป็นปัจจัยที่ไม่เอื้อต่อดอลลาร์เท่าไรนัก


· ค่าเงินเยนอ่อนค่าแตะ 108 เยน/ดอลลาร์ ท่ามกลางดอลลาร์รีบาวน์

ค่าเงินเยนทรงตัวในทิศทางอ่อนค่าไปแตะ 108 เยน/ดอลลาร์ ท่ามกลางการรีบาวน์ของค่าเงินดอลลาร์ ท่ามกลางตลาดที่กลับมามีท่าทีระมัดระวังต่อความเสี่ยงทางการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีน รวมทั้งความตึงเครียดจากเหตุประท้วงในสหรัฐฯ


ในทางเทคนิคค่าเงินเยนน่าจะเคลื่อนไหวในกรอบ โดยหาก Break หลุดต่ำกว่า 106.9 เยน/ดอลลาร์ จะมีทิศทางแข็งค่า แต่หากสูงกว่า 108.10 เยน/ดอลลาร์ จะมีภาพกลับมาเป็นอ่อนค่า

แนวรับ: 107.30 106.90 106.65

แนวต้าน: 108.10 108.45 108.80

· จีนอาจใช้โอกาสอุปสงค์ถั่วเหลืองที่อ่อนแอ และอุปทานที่เพียงพอมาสร้างโอกาสการระงับการนำเข้าจากสหรัฐฯ

ข่าวที่ว่าจีนมีคำสั่งให้บริษัทต่างๆระงับการเข้าซื้อสินค้าเกษตรของสรหัฐฯนั้นอาจเป็นการสร้างโอกาสทางการเมืองจากความอ่อนแอของปัจจัยพื้นฐานหรืออุปสงค์ในจีน ท่ามกลางอุปสงค์จีนในเวลานี้ที่ดูจะแข็งแกร่งไม่พอ รวมทั้งเป็นการดำเนินการตอบโต้การที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯได้ออกมากล่าวถึงการจะถอดถอนสถานะพิเศษของฮ่องกงกับทางสหรัฐฯ

ในเดือนเม.ย. จีนมียอดนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯร่วงลงไป 11.1% ในรูปของค่าเงินดอลลาร์เมื่อเทียบกับปีก่อน


· การประท้วงยังคงดำเนินต่อไปแม้ทรัมป์จะขู่ใช้กำลังทางทหาร

การชุมนุมประท้วงในสหรัฐฯยังคงมีอยู่ หลังจากที่มีนายทรัมป์มีการกล่าวแถลงการณ์ใน Rose Garden และมีการยิงแก๊สน้ำตาใส่กลุ่มผู้ประท้วงบริเวณวอชิงตัน ดี.ซี.

ทั้งนี้ กลุ่มผู้ประท้วงยังคงปักหลักชุมนุมแม้จะมีการประกาศเคอร์ฟิวส์ในสหรัฐฯก็ตาม พร้อมกันนี้ยังมีการวางเพลิงห้างสรรพสินค้าในลอส แองเจลลิส รวมทั้งร้านค้าต่างๆในนิวยอร์ก

· นายเทอร์เรนซ์ ฟลอยด์ น้องชายของนายจอร์จ ฟลอยด์ ชาวผิวสีที่ถูกตำรวจล็อกคอจนขาดอากาศหายใจและเสียชีวิตในระหว่างการถูกจับกุม เนื่องจากต้องสงสัยว่าใช้ธนบัตรปลอมนั้น ได้ออกมาเรียกร้องให้ประชาชนทั่วสหรัฐฯยุติการประท้วงที่รุนแรง เพราะไม่สามารถทำให้พี่ชายของเขาฟื้นกลับขึ้นมาได้

โดยนายเทอร์เรนซ์ได้เข้าร่วมการชุมนุมอย่างสงบ และขอร้องให้ประชาชนยุติการใช้ความรุนแรง แต่ให้ใช้พลังในฐานะผู้มีสิทธิเลือกตั้งแทน

· สถาบัน Moody’s Investors Service ทำการปรับลดคาดการณ์อันดับความน่าเชื่อถือของอินเดียลงเหนือระดับขยะเล็กน้อย ท่ามกลางการเติบโตที่ชะลอตัวลง ขณะที่ยอดหนี้เพิ่มขึ้นที่จะถือเป็นอุปสรรคสำคัญของระบบการเงิ

ทั้งนี้ Moody’s Investors Service ปรับลดอันดับความน่าเชื่ออินเดียจากระดับ Baa2 สู่ระดับ Baa3 พร้อมปรับลดอันดับตราสารหนี้อินเดียสู่ระดับติดลบ ท่ามกลางสถานการณ์ทางการเงินที่ย่ำแย่ในช่วงที่การระบาดของไวรัสโคโรนายังเป็นปัจจัยกดดันเศรษฐกิจ

· ราคาน้ำมันดิบปรับตัวสูงขึ้น ท่ามกลางเหล่าเทรดเดอร์ที่กำลังรอคอยเกี่ยวกับข้อตกลงการปรับลดกำลังผลิตน้ำมันดิบของกลุ่มโอเปกและพันธมิตรเพื่อหนุนราคา ในการประชุมที่คาดไว้ช่วงปลายสัปดาห์นี้

โดยราคาน้ำมันดิบ Brent เพิ่มขึ้น 0.94% ที่ระดับ 39.68 เหรียญ/บาร์เรล ขณะที่ราคาน้ำมันดิบ WTI เพิ่มขึ้น 0.73% ที่ระดับ 35.70 เหรียญ/บาร์เรล

ขณะที่ราคาน้ำมันดิบ Brent ได้เพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าในช่วง 6 สัปดาห์ที่ผ่านมา ด้วยการลดภาวะอุปทานในตลาดโดยกลุ่มโอเปกและพันธมิตร

อย่างไรก็ดี ภาพรวมปีนี้ราคาน้ำมันทั้ง 2 ชนิดนี้ยังคงปรับตัวลงประมาณ 40%

บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com