• สรุปข่าวเศรษฐกิจ (ภาคเช้า) ประจำวันที่ 24 เมษายน 2563

    24 เมษายน 2563 | Economic News




·         สถานการณ์ไวรัสโคโรนา:

Ø  จำนวนผู้ติดเชื้อทั่วโลกล่าสุดอยู่ที่ 2,718,139

Ø  จำนวนผู้เสียชีวิตทั่วโลกล่าสุดอยู่ที่ 190,635 ราย

Ø  จำนวนประเทศติดเชื้อทั่วโลกล่าสุดอยู่ที่ 210 ประเทศ

Ø  จำนวนผู้ติดเชื้อในสหรัฐฯล่าสุดมีผู้ติดเชื้ออยู่ที่ 880,204 ราย และมีผู้เสียชีวิตที่ระดับ 49,845 ราย

Ø  จำนวนผู้ติดเชื้อในสเปนล่าสุดมีผู้ติดเชื้อที่ 213,024 ราย ขณะที่ผู้เสียชีวิตอยู่ที่ 22,157 ราย

Ø  จำนวนผู้ติดเชื้อในอิตาลีอยู่ที่ระดับ 189,973 ราย ขณะที่ผู้เสียชีวิตรวมแล้วทั้งสิ้น 25,549 ราย

Ø  จำนวนผู้ติดเชื้อในไทยล่าสุดรวมผู้ติดเชื้อสะสมอยู่ที่ 2,839 ราย และมีผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นรวมสะสม 50 ราย



นายไมค์ เพนซ์ รองประธานาธิบดีสหรัฐฯ กล่าวว่า มีจำนวน 16 รัฐที่เปิดเผยแผนกลับมาเปิดทำการอย่างเป็นทางการเพื่อถอนมาตรการคุมเข้มของไวรัสโคโรนา ท่ามกลางทีมบริหารที่เรียกร้องให้รัฐอื่นๆ กลับมาเปิดทำการเพื่อช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจ


นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ กล่าวว่า ทีมบริหารของเขาอาจขยายเวลามาตรการ Social Distancing ออกไปจนถึงช่วงซัมเมอร์หรือนานกว่านั้น จากการที่มาตรการดังกล่าวจะหมดอายุในสิ้นเดือนนี้ เนื่องจากถึงแม้สถานการณ์จะผ่อนคลายแต่ก็ต้องการความมั่นใจว่าจะปลอดภัย จึงใช้ทางเลือกการขยายเวลามาตรการดังกล่าว


เมื่อคืนนี้สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯทำการโหวตผ่านร่างงบประมาณ 4.84 แสนล้านเหรียญ เพื่อช่วยเหลือภาคธุรกิจขนาดเล็ก และโรงพยาบาลในการต่อสู้กับวิกฤตไวรัสโคโรนา


สำนักข่าวรอยเตอร์ส รายงานว่า ยอดงบดุลบัญชีของเฟดเพิ่มขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ 6.62 ล้านล้านเหรียญในสัปดาห์ จากการที่เฟดใช้มาตรการการเข้าซื้อพันธบัตรไม่จำกัด โดยเมื่อวานี้ยอดงบดุลของเฟดหรือ Balance Sheet ปรับขึ้นอีกประมาณ 2 แสนล้านเหรียญจาก 6.42 ล้านล้านเหรียญ โดยเพิ่มขึ้นจาก 4.29 ล้านล้านเหรียญในช่วงสัปดาห์แรกของเดือนมี.ค.


·         ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับค่าเงินยูโรท่ามกลางความหวังที่ว่าผู้นำยุโรปจะร่วมมือกันจัดหากองทุนการเงินเพื่อช่วยการฟื้นตัวของเศรษฐกิจภูมิภาคจากการระบาดของไวรัสโคโรนา โดยดัชนีดอลลาร์อ่อนค่าลง 0.25% ที่ 100.22 จุด หลังทำแข็งค่ามากที่สุดรอบ 2 สัปดาห์ที่ 100.69 จุด

ทั้งนี้ ข้อมูลกิจกรรมภาคการผลิตสหรัฐฯร่วงลงทำต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ครั้งใหม่ในเดือนเม.ย. โดยได้รับผลกระทบจากไวรัสโคโรนาที่กระทบต่อการผลิตในภาคอุตสาหกรรมและการบริการ

ค่าเงินเยนแข็งค่าหลังมีรายงานว่าหนังสือพิมพ์ Nikkei เผยว่า บีโอเจจะทำการหารือเกี่ยวกับการจำกัดการเข้าซื้อพันธบัตรในการประชุมสัปดาห์หน้าระหว่างวันที่ 27 เม.ย.นี้

 

·         อัตราการเติบโตของเงินเฟ้อญี่ปุ่นชะลอตัวลงติดต่อกันเป็นเดือนที่2 ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับการร่วงลงของราคาน้ำมันและการอ่อนตัวของภาคการอุปโภคบริโภค ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของไวรัสโคโรนา ทั้งนี้ การระบาดของไวรัสดูจะกลายเป็นอุปสรรคสำคัญต่อเศรษฐกิจของญี่ปุ่น และคาดว่าการประชุมบีโอเจในวันจันทร์หน้าอาจมีการปรับลดการเติบโตทางเศรษฐกิจ อันเนื่องจากภาคบริษัทต่างๆภายในประเทศก็ได้รับผลกระทบตามๆกัน และทำให้บีโอเจยังคงพลาดเป้าหมายเงินเฟ้อ 2% ที่ตั้งไว้

นักวิเคราะห์หลายรายคาดว่าเงินเฟ้อน่าจะทรงตัวและดิ่งลงสู่แดนลบได้ในอีกไม่กี่เดือน เนื่องจากการร่วงงของราคาแก๊สโซลีนและสินค้าเครื่องมือเครื่องใช้ต่างๆ หลังราคาน้ำมันร่วงหนักไม่นานมานี้


 ·         ราคาน้ำมันดิบปิดปรับตัวขึ้น โดยราคารีบาวน์ได้จากบรรดาผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่จะเร่งมือในการจัดทำตามแผนการปรับลดกำลังการผลิตเพื่อต่อสู้กับการระบาดของไวรัสโคโรนาที่เป็นอุปสรรคสำคัญต่ออุปสงค์น้ำมัน ซึ่งนับตั้งแต่เริ่มต้นปีน้ำมันดิบทั้งสองชนิดปรับตัวลงแล้วกว่า 2 ใน 3 ของมูลค่าการซื้อขาย โดยอุปสงค์น้ำมันร่วงลงไปแล้วกว่า 30ทั่วโลกในเดือนเม.ย. และอุปทานน้ำมันที่ล้นตลาด



น้ำมันดิบ Brent ปิด +96 เซนต์ หรือ +4.7ที่ 21.33 เหรียญ/บาร์เรล ด้าน WTI ปิดปรับขึ้น 2.72 เหรียญ หรือ +19.7% ที่ 16.50 เหรียญ/บาร์เรล

นักวิเคราะห์บางส่วนมองว่า การฟื้นตัวของราคาน้ำมันหลังจากที่ปรับัตวลดลงไปในช่วงต้นตลาดอาจเป็นการรีบาวน์ได้เพียงสั้นๆเท่านั้น และราคาจะกลับลงสู่แดนลบอีกครั้ง เนื่องจากอุปสงค์น้ำมันตอนนี้อยู่ในช่วงที่เลวร้ายอันเนื่องจากได้รับผลกระทบของการจำกัดการเดินทางของประเทศต่างๆ และประชาชนทั่วไปอาศัยอยู่แต่ในบ้าน โดยการขนส่งและการเดินทางไม่สามารถเดินทางได้ทั้งทางอากาศและทางรถยนต์

 

·         นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับรายงานที่ว่าผู้นำเกาหลีเหนือป่วยหนัก โดยเขาคิดว่าข่าวดังกล่าวเป็นรายงานที่ผิดพาด และทางทำเนียบขาวเชื่อว่าจะเป็นข้อมูลเก่าเสียมากกว่า ขณะที่ความสัมพันธ์กับเกาหลีเหนือเป็นไปได้ด้วยดี และตัวของนายรัมป์เองก็มีความสัมพันธ์อันดีกับนายคิม จอง อึน ดังนั้น เขาจึงคาดหวังว่านายคิมจะสบายดี



บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com