• สรุปข่าวเศรษฐกิจ (ภาคค่ำ) ประจำวันที่ 23 เมษายน 2563

    23 เมษายน 2563 | Economic News

สถานการณ์ไวรัสโคโรนา:

Ø  จำนวนผู้ติดเชื้อทั่วโลกล่าสุดอยู่ที่ 2,645,784

Ø  จำนวนผู้เสียชีวิตทั่วโลกล่าสุดอยู่ที่ 184,327 ราย

Ø  จำนวนประเทศติดเชื้อทั่วโลกล่าสุดอยู่ที่ 210 ประเทศ

Ø  จำนวนผู้ติดเชื้อในสหรัฐฯล่าสุดมีผู้ติดเชื้ออยู่ที่ 849,092 ราย (+375) และมีผู้เสียชีวิตที่ระดับ 47,681 ราย (+22)

Ø  จำนวนผู้ติดเชื้อในสเปนล่าสุดมีผู้ติดเชื้อที่ 208,389 ราย ขณะที่ผู้เสียชีวิตอยู่ที่ 21,717 ราย

Ø  จำนวนผู้ติดเชื้อในอิตาลีอยู่ที่ระดับ 187,327 ราย ขณะที่ผู้เสียชีวิตรวมแล้วทั้งสิ้น 25,085 ราย

Ø  จำนวนผู้ติดเชื้อในไทยล่าสุดรวมผู้ติดเชื้อสะสมอยู่ที่ 2,839 ราย (+13) และมีผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นรวมสะสม 50 ราย (+1)

 

- เรือสำราญ Costa Atlantica สัญชาติอิตาลีที่จอดเทียบท่าในเมืองนางาซากิของญี่ปุ่นวันนี้ มีรายงานว่าพบผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาเป็นลูกเรือจำนวน 48 คน จากลูกเรือทั้งหมด 50 คน ส่งผลให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับศักยภาพในการรับรองผู้ติดเชื้อของเมืองนางาซากิ

- Trinh Nguyen นักเศรษฐศาสตร์อาวุโสจากสถาบัน Natixis แนะนำให้ทั่วโลกดูระบบควบคุมการระบาดของไวรัสโคโรนาจากเกาหลีใต้เป็นตัวอย่าง

โดยเกาหลีใต้เผชิญกับการระบาดของไวรัสอย่างหนักในช่วงปลายเดือน ก.พ. ที่มีต้นตอมาจากลัทธิทางศาสนา แต่รัฐบาลสามารถควบคุมการระบาดให้ลดลงมาเหลือเพียงไม่ถึง 100 รายต่อวันได้ภายในกลางเดือน เม.ย. ผ่านการใช้มาตรการตรวจคัดกรองโรคประชาชนเป็นจำนวนมากๆ รวมถึงการใช้นโยบายจำกัดการเข้าสังคมที่รัดกุม แต่ไม่ได้ปิดเศรษฐกิจทั้งหมดลง 

ผลลัพธ์ของการใช้มาตรการดังกล่าว ทำให้เกาหลีใต้สามารถควบคุมการระบาดได้โดยไม่ส่งผลกระทบจาอสภาวะเศรษฐกิจในประเทศมากนัก

 

·       ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินของประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน ท่ามกลางการรีบาวน์ของราคาน้ำมันหลังจากที่ราคาตกต่ำลงเป็นครั้งประวัติการณ์

ขณะที่ค่าเงินยูโรทรงตัวเมื่อเทียบกับดอลลาร์และปอนด์ ขณะที่ตลาดกำลังรอดูการประชุมระหว่างบรรดาผู้นำประเทศในยุโรปที่คาดว่าจะมีความคืบหน้าเกี่ยวกับนโยบายด้านงบประมาณช่วยธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากไวรัสโคโรนา

อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่อาวุโสรายหนึ่งในประชุมเปิดเผยว่าอาจต้องใช้เวลาอย่างน้อยจนถึงช่วยฤดูร้อนของยุโรป จนกว่าที่ประชุมจะสามารถตกลงกันได้ว่าจะใช้งบประมาณช่วยเหลือเศรษฐกิจเป็นจำนวนเท่าไหร่ เนื่องจากในที่ประชุมยังคงมีความขัดแย้งกันในหลายๆประเด็นอยู่

ทั้งนี้ ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลง 0.8% เมื่อเทียบกับเงินรูเบิลรัสเซียแถว 75.38 รูเบิล/ดอลลาร์ และอ่อนค่าลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนดาแถว 1.4134 ดอลลาร์ หลังจากเมื่อวานนี้อ่อนค่าลง 0.3%

ด้านค่าเงินยูโรค่อนข้างทรงตัวก่อนหน้าการประชุม โดยทรงตัวแถว 1.0828 ดอลลาร์/ยูโร ขระที่ค่าเงินดอลลาร์ทรงตัวเมื่อเทียบกับเงิน โดยยังเป็นการเคลื่อนไหวในกรอบเดิมแถว 107.78 เยน/ดอลลาร์

 

·       EUR/USD Forecast: ขาขึ้นของเงินยูโรยังถูกจำกัด แม้ดอลลาร์จะอ่อนค่า

บทวิเคราะห์ทางเทคนิคจาก FX Street ระบุว่าค่าเงินยูโรกำลังเคลื่อนไหวระหว่างระดับ Fibonacci โดยที่มีทิศทางระยะสั้นเป็น Sideways ขณะที่กราฟราย 4 ช.ม. แสดงให้เห็นว่าค่าเงินกำลังเคลื่อนไหวเหนือเส้นค่าเฉลี่ยราย 20 วันขึ้นมาเล็กน้อย สัญญาณทางเทคนิคอื่นๆยังไม่มีความชัดเจนใดๆ จึงมองว่าค่าเงินมีแนวโน้มเคลื่อนไหวในกรอบ โดยมีแนวรับสำคัญที่ 1.0800 ดอลลาร์/ยูโร หากหลุดลงมาจะมีแนวรับถัดไปที่ 1.0790 ดอลลาร์/ยูโร

แนวรับ: 1.0830 1.0790 1.0750

แนวต้าน: 1.0865 1.0890 1.0925


·       นักเศรษฐศาสตร์จาก Oxford Economics คาดว่าจะเห็นจีดีพีทั่วโลกปรับตัวลงต่อในไตรมาสที่ 2/2020 ท่ามกลางภาวะ Shutdown ที่เกิดขึ้นทั่วโลกและเป็นที่แน่นอนว่าส่งผลกับยอดส่งออก แม้ว่าอัตราการติดเชื้อจะชะลอตัว รวมทั้งอุปสงค์ภายในประเทศที่จะหดตัวลงอย่างต่อเนื่องท่ามกลางการบริโภคและความเชื่อมั่นภาคธุรกิจที่อ่อนแอมากๆควบคู่กับคนว่างงานที่เพิ่มสูงขึ้น



·       รายงานจาก Reuters ระบุว่า หากการประกาศจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ของสหรัฐฯออกมาเพิ่มสูงขึ้น และทำให้มีจำนวนคนงว่างงานรวมกันมากกว่า 26 ล้านคนตลอดช่วง 5 สัปดาห์ที่ผ่านมานี้จริง จะเท่ากับว่าสหรัฐฯสูญเสียตำแหน่งงานที่สามารถเพิ่มขึ้นได้อย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่สมัย Great Recession ลงไปทั้งหมด ท่ามกลางผลกระทบจากวิกฤติไวรัสโคโรนา

โดยการประกาศจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ในคืนนี้ถูกคาดว่าจะมีจำนวนคนว่างงานเพิ่มขึ้น 4.2 ล้านราย น้อยกว่ายอดสัปดาห์ก่อนที่ 5.245 ล้านราย แต่คาดการณ์จากบางสถาบันก็มองว่าอาจมีคนว่างงานได้มากถึง 5.50 ล้านราย

หากตัวเลขออกมาตรงกับคาดการณ์หรือสูงกว่า จะทำให้สหรัฐฯมีจำนวนคนว่างงานตลาดช่วง สัปดาห์ที่ผ่านมามากกว่า 26.2 ล้านราย คิดเป็น 16% ของแรงงานทั่วสหรัฐฯ โดยเศรษฐกิจสหรัฐฯสามารถสร้างตำแหน่งเพิ่มขึ้นได้ 22 ล้านตำแหน่ง นับตั้งแต่เดือน ก.ย. ปี 2010 เท่ากับว่าสหรัฐฯสูญเสียตำแหน่งงานดังกล่าวไปทั้งหมดตั้งแต่เดือน ก.พ. ที่ผ่านมา

 

·       นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ลงนามในคำสั่งประธานาธิบดีที่จะระงับการการอพยพจากต่างประเทศเข้าสู่สหรัฐฯเป็นเวลา 60 วัน โดยอ้างว่าดำเนินการไปเพื่อป้องกันไม่ให้ผู้อพยพเข้ามาแย่งตำแหน่งงานไปจากชาวอเมริกันที่กำลังได้รับผลกระทบจากไวรัสโคโรนา

คำสั่งดังกล่าวมีข้อยกเว้นให้กับผู้ที่กำลังทำงานอยู่ในสหรัฐฯอยู่แล้ว รวมถึงผู้ที่จะอพยพเข้ามาเพื่อรับตำแหน่งที่เกี่ยวข้องกับการแพทย์ รวมถึงยกเว้นให้กับสามีหรือภรรยาและบุตรของผู้ที่เป็นพลเมืองอเมริกัน 

 

·       รายงานจาก Reuters ระบุว่าในการประชุมระหว่างผู้นำประเทศในสหภาพยุโรปวันนี้ น่าจะมีความคืบหน้าเกี่ยวกับข้อตกลงทางด้านงบประมาณสำหรับการฟื้นฟูเศรษฐกิจหลังวิกฤติไวรัสโคโรนา โดยอาจเป็นการเรียกร้องให้คณะกรรมการของสหภาพยุโรปพิจารณาออกงบประมาณที่มากพอจะให้ความช่วยเหลือทุกภาคธุรกิจที่ได้รับผลกระทบ

 

·       กิจกรรมเศรษฐกิจยูโรโซนดิ่งจากพิษไวรัสโคโรนา

IHS เผยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ทั้งภาคบริการและภาคการผลิตของยูโรโซนออกมาแย่อย่างมากในข้อมูลขั้นต้นที่ -13.5 จุดในเดือนเม.ย.  ขณะที่ข้อมูลในเดือนมี.ค. ออกมาแย่ลงทำระดับประวัติการณ์รายเดือนครั้งใหญ่ด้วยการลดลงไปกว่า 29.7 จุด  และข้อมูลที่ต่ำกว่า 50 จุด เป็นตัวบ่งชี้ถึงภาพรวมการขยายตัวในเกณฑ์หดตัว

ขณะที่ก่อนหน้านี้ ดัชนีภาคการผลิตขั้นต้นของเยอรมนีออกมาทำต่ำสุดเป็นประวัติการณ์บริเวณ 17.1 จุด จากเดือนก่อนหน้าที่ 35.0 จุด  และทั้งหมดนี้สะท้อนไ้ดถึงภาพรวมว่าการระบาดของไวรัสโคโรนาได้ส่งผลกระทบไปทั่วภาคธุรกิจ

 

·       รายงานจากสำนักข่าว Reuters เผย จีนกำลังพิจารณาเข้าซื้อสินค้าการเกษตรจากสหรัฐฯเป็นปริมาณมากกว่า 30 ล้านตัน เพื่อนำสินค้าเหล่านั้นมากักตุนและป้องกันความเสี่ยงจากภาวะที่ฐานการผลิตในประเทศจะได้รับผลกระทบจากไวรัสโคโรนา และยังส่งสัญญาณที่จะรักษาการเข้าซื้อสินค้าจากสหรัฐฯอย่างต่อเนื่อง

โดยจีนมีแผนที่จะเพิ่มการกักตุนถั่วเหลืองขึ้นอีก 10 ล้านตัน ข้าวโพด 20 ล้านตัน และดอกฝ้ายอีก ล้านตัน ขณะที่แหล่งข่าวระบุว่าการพิจารณาเข้าซื้อสินค้าจากสหรัฐฯ ยังสอดคล้องกับข้อตกลงทางการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีนเฟสแรกที่ตกลงกันไว้เมื่อเดือน ม.ค. อีกด้วย

 

·       เศรษฐกิจเกาหลีใต้ดิ่งสุดตั้งแต่ปี 2008

การระบาดของไวรัสโคโรนาดูจะกดดันให้เศรษฐกิจเกาหลีใต้เข้าสู่ภาวะหดตัวลงมากที่สุดตั้งแต่ปี 2008 ในช่วงไตรมาสแรก จากมาตรการกักันตนที่ส่งผลต่อการอุปโภคบริโภค ขณะเดียวกันภาคธุรกิจก็ยังคงปิดทำการ และภาวะการค้าทั่วโลกชะลอตัว

จีดีพีเกาหลีใต้ใน Q1/2020 หดตัวลงประมาณ 1.4%  ถือว่ายังน้อยกว่าที่คาดว่าจะหดตัว 1.5% จากผลสรำวจของรอยเตอร์ส ขณะที่การเติบโตของไตรมาสที่ 4/2019 ถูกปรับทบทวนมาที่ 1.3%

ประเด็นสำคัญที่เห็นได้ชัด คือ การอุปโภคบริโภคของภาคเอกชนที่ดิ่งลงไปกว่า 6.4% ในไตรมาสแรกของปีนี้  และไตรมาสที่หดตัวลงอย่างย่ำแย่ที่สุดอยู่ในปี 1998 ที่ไตรมาสแรกหดตัวไป 13.8% ในช่วงวิกฤตทางการเงินในแถบเอเชีย

นักเศรษฐศาสตร์จาก KB Bank กล่าวว่า เศรษฐกิจมีแนวโน้มจะหดตัวลงต่อ และนี่ก็เป็นช่วงเวลาที่ยากลำบากสำหรับการส่งออกต่างๆ แต่การอุปโภคบริโภคมีแนวโน้มจะฟื้นตัวได้ โดยเฉพาะการเพิ่มงบค่าใช้จ่าย แต่การส่งออกที่เป็นหัวใจสำคัญก็ยังได้รับผลกระทบโดยองค์รวมที่เกิดขึ้นเวลานี้

 

·       ราคาน้ำมันปรับสูงขึ้นในวันนี้ ท่ามกลางสัญญาณที่ผู้ผลิตน้ำมันเริ่มมีการปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันลงตอบรับกับปริมาณอุปสงค์ในน้ำมันที่อ่อนแอ ประกอบกับการที่รัฐโอคลาโฮมาเริ่มสนับสนุนให้บริษัทน้ำมันภายในรัฐชะลอกิจกรรมขุดเจาะน้ำมันลง

อย่างไรก็ตาม บรรดานักวิเคราะห์ได้เตือนว่าการฟื้นตัวของราคาน้ำมันน่าจะเกิดขึ้นในช่วงสั้นๆเท่านั้น เนื่องจากปริมาณสต็อกน้ำมันทั่วโลกยังคงมีอยู่ในระดับสูงเกินไป และการที่ราคาฟื้นตัวในวันนี้ ส่วนหนึ่งมาจากการที่ตลาดเริ่มพิจารณาผลกระทบของวิกฤติไวรัสโคโรนาที่มีต่อเศรษฐกิจโลกใหม่อีกครั้ง

ทั้งนี้ ราคาน้ำมันดิบ Brent ปรับขึ้น 0.99 เหรียญ หรือประมาณ 15% แถว 21.36 เหรียญ/บาร์เรล หลังจากเมื่อคืนปรับขึ้นได้ 5%

ด้านราคาสัญญาน้ำมันดิบ WTI ปรับขึ้น 0.98 เหรียญ หรือมากกว่า 7% แถว 14.76 เหรียญ/บาร์เรล หลังจากเมื่อวานนี้ปรับขึ้นมาได้ประมาณ ใน โดยราคาน้ำมัน WTI ปรับลดลงสู่แดนติดลบ ทำระดับต่ำกว่า -40 เหรียญ/บาร์เรล เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ท่ามกลางภาวะที่มีน้ำมันมากเกินไปจนไม่มีที่เก็บ

 

·       นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ข่มขู่จะ ทำลาย” เรือติดอาวุธของกองทัพปฏิวัติของอิหร่านที่มีท่าทีเป็นภัยคุกคามกับกองเรือรบของสหรัฐฯในอ่าวเปอเซียร์

รายงานดังกล่าวเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ช่วยหนุนการฟื้นตัวของราคาน้ำมันในวันนี้ โดยถ้อยแถลงของนายทรัมป์เกิดขึ้นหลังจากที่ทางเพนตากอนอ้างว่าเรือติดอาวุธของกองทัพอิหร่านทั้ง 11 ลำ มีการเคลื่อนไหวที่ดูเป็นการท้าทายและเป็นภัยคุกคามให้กับเรือรบทั้ง 6 ลำของสหรัฐฯที่กำลังดำเนินการซ้อมรบบนน่านน้ำของอ่าวเปอเซียร์

 

·       จีนประกาศเพิ่มการเข้าซื้อน้ำมันเพื่อเก็บสำรอง โดยเป็นใช้โอกาสจากภาวะที่ราคาน้ำมันโลกกำลังตกต่ำลงอย่างมาก ขณะที่รายงานจากรัฐบาลจีนระบุว่า ราคาน้ำมันโลกที่ตกต่ำ เป็นผลดีต่อจีนเอง


บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com