สถานการณ์ไวรัสโคโรนา
- จำนวนผู้ติดเชื้อทั่วโลกล่าสุดอยู่ที่ 1,603,163 ราย
- จำนวนผู้เสียชีวิตทั่วโลกล่าสุดอยู่ที่ 95,693 ราย
- จำนวนประเทศติดเชื้อทั่วโลกล่าสุดอยู่ที่ 209 ประเทศ และติดเชื้อบนเรือสำราญ 2 ลำ ได้แก่ Diamond Princess และล่าสุด Holland America’s MS Zaandam
- จำนวนผู้ติดเชื้อในสหรัฐฯอยู่ลำดับที่ 1 ของโลก ล่าสุดมีผู้ติดเชื้อรวมที่ 468,566 ราย และผู้เสียชีวิตทั้งหมด 16,691 ราย
- จำนวนผู้ติดเชื้อในสเปนปรับตัวขึ้นมาอยู่อันดับที่ 2 ของโลก ล่าสุดมีผู้ติดเชื้อที่ 153,222 ราย ขณะที่ผู้เสียชีวิตอยู่ที่ 15,447 ราย
- จำนวนผู้ติดเชื้อในอิตาลีอยู่ที่ระดับ 143,626 ราย ขณะที่ผู้เสียชีวิตรวมแล้วทั้งสิ้น 18,279 ราย และยังถือว่าอิตาลียังมียอดผู้เสียชีวิตที่มากที่สุดในโลก
- จำนวนผู้ติดเชื้อในไทยล่าสุดเพิ่มอีก 54 ราย รวมผู้ติดเชื้อสะสมอยู่ที่ 2,423 ราย และมีผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้น 2 ราย รวมสะสม 32 ราย
- นายสตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีกระทรวงการคลังสหรัฐฯ กล่าวกับ CNBC ว่ากิจกรรมทางเศรษฐกิจสหรัฐฯอาจกลับมาเปิดทำการได้ในเดือนพ.ค. และทางหน่วยงานกำลังทำทุกอย่างที่จำเป็นเพื่อให้บริษัทสัญชาติสหรัฐฯ และชาวอเมริกากลับมาทำงานได้ตามปกติ และพร้อมเสริมสภาพคล่องที่จำเป็นสำหรับพวกเขาในการจัดการภาคธุรกิจในเวลานี้
- นักเศรษฐศาสตร์จาก JPMorgan คาดว่า จีดีพีสหรัฐฯมีแนวโน้มปรับตัวลดลงกว่า 40% ในช่วงไตรมาสที่ 2 นี้ จากก่อนหน้าที่คาดว่าจะหดตัวลง 25% ขณะที่แนวโน้มอัตราว่างงานในเดือนเม.ย. มีโอกาสแตะ 20% กับจำนวนคนตกงานกว่า 25 ล้านคน จากช่วง 3 สัปดาห์ที่ผ่านมาที่คนว่างงานรวมสูงถึง 16.8 ล้านคน
อย่างไรก็ดี ในช่วงครึ่งปีหลังมีแนวโน้มที่เศรษฐกิจจะฟื้นตัวได้ จากการระบาดที่น่าจะเริ่มชะลอตัวลงไปได้ในเดือนมิ.ย.
- เมื่อคืนนี้เฟดประกาศมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจวงเงิน 2.3 ล้านล้านเหรียญ เพื่อเยียวยาภาคธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา โดยการประกาศดังกล่าวได้ช่วยหนุนให้ตลาดหุ้นสหรัฐฯฟื้นตัว หลังจากที่ในช่วงก่อนหน้านั้นตลาดหุ้นได้รับผลกระทบจากการประกาศข้อมูลผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ที่สูงเกินคาด
รายละเอียดที่เฟดเปิดเผยเมื่อวานนี้คือ การปล่อยสินเชื่อกับภาคธุรกิจแล้ว มาตรการของเฟดยังรวมถึงโครงการประกันรายได้ของพนักงาน และมาตรการอื่นๆ ซึ่งเฟดเตรียมแผนที่จะเข้าซื้อพันธบัตรภาคธุรกิจเพื่อฟื้นระดับการลงทุน ควบคู่กับการสนับสนุนให้อัตราผลตอบแทนสูงขึ้น อันรวมถึงตราสารหนี้และพันธบัตรด้วย
ทั้งนี้ เฟดจะปล่อยสินเชื่อให้กับธุรกิจที่มีพนักงานไม่เกิน 10,000 คน และมีรายได้ไม่เกิน 2.5 พันล้านเหรียญในปีที่แล้ว โดยสินเชื่อดังกล่าวจะมีวงเงินขั้นต่ำอยู่ที่ 1 ล้านเหรียญ แต่ไม่เกิน 25 ล้านเหรียญ และเฟดยังระบุถึงโครงการปล่อยสินเชื่อแก่ภาคธุรกิจมีวงเงินรวม 6.50 แสนล้านเหรียญ
- UN เตือน การระบาดของไวรัสอาจส่งผลกระทบต่อประชาชนทั่วโลกประมาณ 8% หรือระหว่าง 420 ล้านคน – 580 ล้านคน
ขณะที่การปรับตัวลงของรายได้หรือการอุปโภคบริโภคทั่วโลกคาดลดลง 20% และทำให้มีเงินดำรงชีวิตลดต่อวันน้อยลงที่ขั้นต่ำ 3 อัตราคือ 1.9 เหรียญ, 3.2 เหรียญ และ 5.5 เหรียญ และสะท้อนถึงว่าประชากรทั่วโลกกว่า 7.8 พันล้านคนอาจเผชิญกับภาวะขัดสนจนกว่าที่การระบาดของไวรัสโคโรนาจะสิ้นสุดลง และประชากรอีก 3.4 พันล้านคนจะมีเงินใช้ลดลงรายวันน้อยกว่า 5.5 เหรียญในปี 2018
- คณะรัฐมนตรีการคลังยุโรปเห็นพ้องกันในการสนับสนุนงบประมาณกว่า 5 แสนล้านเหรียญเพื่อพยุงเศรษฐกิจในช่วงเผชิญกับวิกฤตไวรัสโคโรนา แต่ข้อตกลงดังกล่าวไม่ได้ระบุถึงการเสริมสภาพหนี้สินเพื่อการฟื้นตัวทางการเงินแก่บางประเทศ ขณะเดียวกันก็ยังไม่สามารถบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับการออกยูโรบอนด์ร่วมกัน เนื่องจากประเทศในยุโรปเหนือและใต้ยังคงมีความขัดแย้งกันเกี่ยวกับข้อเสนอดังกล่าว
- สเปนขยายเวลา Lockdown ประเทศออกไปในเดือนพ.ค. แม้ว่าจะเล็งเห็นถึงอัตราการตายจากไวรสโคโรนาที่ชะลอตัวลง ก็ตาม
- ประเทศแคนาดาพว่ามีผู้เสียชีวิตรายวันเพิ่มขึ้น ขณะเดียวกันก็มีการประเมินว่าแคนาดาจะมีผู้ตกงานในเดือนที่แล้วสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 1 ล้านคน
ด้านนายจัสติน ทรูโดว์ นายกรัฐมนตรีแคนาดา กล่าวว่า แคนาดาจะไม่สามารถกลับสู่ภาวะปกติได้จนกว่าจะมีการพัฒนาวัคซีนแล้วเสร็จ และนั่นอาจใช้เวลานานถึง 18 เดือน
· ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลงหลังจากที่เฟดเผยมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมเพื่อสนับสนุนรัฐบาลท้องถิ่น, ภาคธุรกิจขนาดเล็กและกลางด้วยวงเงิน 2.3 ล้านล้านเหรียญในการต่อสู้กับไวรัสโคโรนา ขณะที่ยอดคนว่างงานพุ่งสูงขึ้นต่อเนื่อง จากภาคธุรกิจที่ปิดทำการทั่วประเทศ
ดัชนีดอลลาร์ปรับลงไปทำต่ำสุดรอบ 1 สัปดาห์ที่ 99.50 จุด ด้านเงินเยนแข็งค่าอีก 0.15% ที่ 108.81 เยน/ดอลลาร์ ในส่วนของยูโรแข็งค่าขึ้น 0.64% ที่ 1.0926 ดอลลาร์/ยูโร
· อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีปรับตัลงต่อเนื่องท่ามกลางกลุ่มนักลงทุนที่ตอบรับกับข้อมูลจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ที่ออกมาแย่กว่าคาด ท่ามกลางเฟดที่พร้อมใช้มาตรการสนับสนุนเศรษฐกิจในเวลานี้
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปี ปรับลงทำต่ำสุดที่ 0.75% ด้านอัตราผลตอบแทนระยะยาวอายุ 30 ปีปรับขึ้นที่ 1.37%
จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ของสหรัฐฯยังคงเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง และทำให้ภาพรวมช่วง 3 สัปดาห์มีคนว่างงานแล้วกว่า 16 ล้านคน หรือคิดเป็น 10% ในช่วง 3 สัปดาห์
· ราคาน้ำมันดิบปิดร่วงจากความไม่มั่นใจว่าข้อตกลงระหว่างโอเปกและชาติพันธมิตรในการร่วมมือกันปรับลดอุปทานน้ำมันจะเพียงพอต่อการชดเชยอุปสงค์โลกที่ปรับตัวลงจากการเผชิญวิกฤตไวรัสโคโรนาหรือไม่
น้ำมันดิบ Brent ปิด -1.36 เหรียญ หรือ -4.1% ที่ 31.48 เหรียญ/บาร์เรล ทางด้าน WTI ปิด -2.33 เหรียญ หรือ -9.3% ที่ 22.76 เหรียญ/บาร์เรล
· ในการประชุมกลุ่มโอเปกและชาติพันธมิตร หรือในนาม OPEC+ เห็นพ้องกันในการปรับลดกำลังการผลิต 10 ล้านบาร์เรล/วัน เพโดยจะเริ่มตั้งแต่ในเดือนพ.ค. และเดือนมิ.ย. และในเดือนก.ค. จะปรับลดกำลังการผลิตมาที่ 8 ล้านบาร์เรล/วัน จนถึงสิ้นปี ขณะที่ในเดือนม.ค.ปี 2021 จนถึง เม.ย. ปี 2022 จะทำการปรับลดกำลังการผลิตที่ 6 ล้านบาร์เรล/วัน
ขณะที่ทางสหรัฐฯเข้าร่วมการปรับลดการผลิตครั้งนี้ด้วย แต่จะลดกำลังการผลิตที่ 5 ล้านบาร์เรล/วัน
หัวหน้าฝ่ายการตลาดบางแห่ง มองว่า การปรับลดกำลังการผลิตที่ 10 ล้านบาร์เรล/วัน ดูจะช่วยสนับสนุนตลาดน้ำมันได้เพียงระยะสั้นๆเท่านั้น เนื่องจากยังไม่เพียงพอที่จะทดแทนกับอุปสงค์ส่วนที่คาดไป และภาพรวมตลาดยังคงเผชิญกับภาวะ Oversupply อยู่