• สรุปข่าวเศรษฐกิจ (ภาคค่ำ) ประจำวันที่ 30 มีนาคม 2563

    30 มีนาคม 2563 | Economic News

สถานการณ์ไวรัสโคโรนา:

- จำนวนผู้ติดเชื้อทั่วโลกล่าสุดอยู่ที่ 724,346 ราย

- จำนวนผู้เสียชีวิตทั่วโลกล่าสุดอยู่ที่ 34,007 ราย

- จำนวนประเทศติดเชื้อทั่วโลกล่าสุดอยู่ที่ 199 ประเทศ และติดเชื้อบนเรือสำราญ 2 ลำ ได้แก่ Diamond Princess และล่าสุด Holland America’s MS Zaandam

- จำนวนผู้ติดเชื้อในสหรัฐฯเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นอันดับที่ 1 ของโลก โดยล่าสุดมีผู้ติดเชื้อรวมอยู่ที่ 142,735 ราย และมีผู้เสียชีวิตรวม 2,489 ราย

- จำนวนผู้ติดเชื้อในอิตาลีเพิ่มขึ้นแตะระดับ 97,689 ราย ขณะที่ผู้เสียชีวิตรวมแล้วทั้งสิ้น 10,779 ราย

- จำนวนผู้ติดเชื้อในไทยล่าสุดเพิ่มอีก 136 ราย รวมผู้ติดเชื้อสะสมอยู่ที่ 1,524 ราย และมีผู้เสียชีวิตสะสม 7 ราย


· ค่าเงินดอลลลาร์ปรับแข็งค่าขึ้นเป็นวันแรกหลังจากอ่อนค่าลงติดต่อกันหลายสัปดาห์ ขณะที่ค่าเงินเริ่มถูกกลับเข้าซื้อในฐานะ Safe-haven อีกครั้ง ท่ามกลางความไม่แน่ใจของตลาดว่าภาวะวิกฤตินี้จะยืดเยื้อออกไปอีกนานแค่ไหน

เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ค่าเงินดอลลาร์เคลื่อนไหวออ่อนค่ามากที่สุดนับตั้งแต่ปี 2009 เมื่อเทียบกับสกุลเงินส่วนใหญ่ไม่ว่าจะเป็นปอนด์ ยูโร ดอลลาร์นิวซีแลนด์และออสเตรเลีย ส่วนในวันนี้ค่าเงินดอลลาร์เริ่มแข็งค่าอีกครั้งเมื่อเทียบกับสกุลเงินเหล่านี้

โดยค่าเงินปอนด์อ่อนค่าลง 0.8% แถว 1.2357 ดอลลาร์/ปอนด์ ส่วนดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนค่า 0.5% แถว 0.6134 ดอลลาร์ ส่วนยูโรอ่อนค่า 0.5% แถว 1.1077 ดอลลาร์/ยูโร

ด้านดัชนีดอลลาร์แข็งค่า 0.5% แถว 98.831 จุด

นักวิเคราะห์จาก Bank of Singapore ระบุว่า ค่าเงินดอลลาร์เริ่มที่จะฐานได้หลังจากอ่อนค่าลงติดต่อกันเป็นสัญญาณว่าตลาดหันมาให้ความสนใจกับการประเมินความเสียหายทางเสียหาย จึงเริ่มถือครองดอลลาร์เพื่อป้องกันความเสี่ยงอีกครั้ง

ขณะที่ค่าเงินเยนทรงตัวแถว 108.02 เยน/ดอลลาร์

ค่าเงินหยวนอ่อนค่า 0.3% แถว 7.1062 หยวน/ดอลลาร์ หลังธนาคารกลางจีนประกาศลดอัตราดอกเบี้ย Repo rate ระยะ 7 วันลง 0.20% ผิดกับคาดการณ์ของตลาด


· อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯปรับลดลงท่ามกลางแนวโน้มที่ผลกระทบจาก COVID-19 ที่อาจจะยืดเยื้อออกไปเป็นเวลาหลายเดือน โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯอายุ 10 ปี ปรับลดลงแถวระดับ 0.6870% ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯอายุ 30 ปี ปรับลดลงแถวระดับ 1.2634%

· U.N. เตือนภาวะวิกฤติทางอาหาร อาจเกิดขึ้นในช่วงเดือน เม.ย. – พ.ค.

หน่วยงานด้านอาหารและเกษตรกรรมประจำองค์กรนานาชาติ (U.N.) เตือนถึงความเสี่ยงที่อาจเกิดภาวะขาดแคลนอาหารหรือการขนส่งอาหารได้รับผลกระทบจากการระบาดของ COVID-19 ขณะที่หลายๆประเทศเริ่มการกักตันอาหาร โดยภาวะดังกล่าวอาจเริ่มเห็นได้ชัดขึ้นภายในเดือน เม.ย. และ พ.ค.

· ธนาคารกลางจีนประกาศลดอัตราดอกเบี้ย Reverse Repo Rate ระยะ 7 วันลง 0.20% จากระดับ 2.40% สู่ระดับ 2.20% ซึ่งนับเป็นการปรับลงที่มากที่สุดในรอบเกือบ 5 ปี ขณะที่ทางธนาคารกลางไม่ได้ระบุถึงเหตุผลทีดำเนินการเช่นนั้น แต่นับเป็นการเคลื่อนไหวล่าสุดเกี่ยวกับการผ่อนคลายนโยบายของธนาคารกลางจีนเพื่อบรรเทาเศรษฐกิจจากผลกระทบของ COVID-19

· รายงานจาก Nikkei ระบุว่าบรรดารัฐมนตรีกระทรวงการค้าแห่งประเทศกลุ่ม G20 จะมีการประชุม video conference แบบฉุกเฉินขึ้นในวันนี้ เพื่อเจรจาเกี่ยวกับความร่วมมือกันทางด้านการรักษาห่วงโซ่อุปทานในตลาดโลกจากผลกระทบของ COVID-19

· จีนรายงานจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ออกมาที่ 31 ราย เทียบกับยอดเมื่อวานที่ 45 ราย โดยมีเพียง 1 รายที่เป็นการติดเชื้อจากภายในประเทศ และนับเป็นการรายงานจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ที่ปรับลดลงติดต่อกันเป็นวันที่ 4 ขณะที่ไม่มีรายงานการติดเชื้อเพิ่มภายในมณฑลหู่เป่ย ส่งผลให้ยอดรวมผู้ติดเชื้อภายในประเทศเพิ่มขึ้นเป็น 81,470 ราย ขณะที่มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม 4 ราย รวมเป็น 3,304 ราย

· Toyota Motor Corp ประกาศว่าโรงงานผลิตทั่วภูมิภาคยุโรปจะยังไม่เปิดทำงานตามปกติจนกว่าจะถึงวันที่ 20 เม.ย เป็นอย่างน้อย หรือจนกว่าจะมีประกาศเพิ่มเติม ท่ามกลางผลกระทบจากการระบาดของ COVID-19

· รายงานจากหนังสือพิมพ์ Asahi ระบุว่า ญี่ปุ่นจะเพิ่มความพยายามที่จะหยุดยั้งการแพร่กระจายของไวรัสโคโรนา โดยห้ามการเข้ามาของพลเมืองชาวต่างชาติที่เดินทางมาจากสหรัฐฯ จีน เกาหลีใต้และยุโรป

· รัฐบาลสหรัฐฯยังไม่ตกลงกันเกี่ยวกับการดำเนินการในขั้นถัดไป

รายงานจาก Reuters ระบุว่า รัฐบาลสหรัฐฯยังคงมีความขัดแย้งกันเกี่ยวกับการดำเนินการในขั้นตอนถัดไปในการจัดการกับการระบาดของ COVID-19 ขณะที่ ส.ส. พรรครีพับลิกันเริ่มมีความไม่มั่นใจเกี่ยวกับนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยวงเงิน 2 ล้านล้านเหรียญที่เพิ่งได้รับการลงนามเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา

ขณะที่นางแนนซี เพโลซี หัวหน้าสภาผู้ทานราษฎรสหรัฐฯ เริ่มส่งสัญญาณเกี่ยวกับการการออกนโยบายในขั้นถัดไป โดยระบุว่านโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจทั้ง 3 ฉบับที่ได้รับการลงนามไป อาจไม่เพียงพอต่อความต้องการของเศรษฐกิจ ดังนั้นจึงจำเป็นต้องมีนโยบายเพิ่มเติมเข้ามา เพื่อให้ต้องคล้องกับความต้องการที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง

· รัฐบาลอินเดีย ระบุว่า อินเดียไม่มีมาตรการที่จะขยายเวลาปิดประเทศเพิ่ม หลังจากประกาศปิดประเทศ 21 วัน เพื่อยับยั้งการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา

ขณะที่รัฐบาลประสบความยากลำบากในการควบคุมกระแสการไหลเวียนของสินค้าภายในประเทศให้เป็นไปอย่างราบรื่นและป้องกันไม่ให้ประชนชาหลายหมื่นคนเดินทางออกนอกเมืองไปพร้อมๆกัน

· การระบาดของไวรัสในอังกฤษเริ่มชะลอ ขณะที่การทดสอบวัคซีนอาจเริ่มขึ้นเร็วๆนี้

ศาสตราจารย์นีล เฟอกูสัน ประจำสถาบัน Imperial College London ระบุว่าอัตราการระบาดของ COVID-19 ภายในสหราชอาณาจักรกำลังส่งสัญญาณของการชะลอตัวลง ขณะที่กระบวนการทดสอบวัคซีนกำลังอยู่ในขั้นตอนของการทดสอบในขั้นสุดท้าย และอาจพร้อมใช้งานในอีกไม่กี่วันข้างหน้านี้

· ราคาน้ำมันดิบร่วงลงอย่างหนักในวันนี้ โดยราคาสัญญาน้ำมันดิบ Brent ลดลงแตะระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ พ.ย. 2002 ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับการระบาดของไวรัสโคโรนาที่เพิ่มขึ้นส่งผลกระทบต่ออุปสงค์ รวมถึงแรงกดดันจากภาวะสงครามราคาน้ำมันระหว่างซาอุดิอาระเบีย – รัสเซีย

ราคาน้ำมันดิบ Brent ลดลง 5.8% หรือ 1.45 เหรียญ ที่ระดับ 23.45 เหรียญ/บาร์เรล หลังจากก่อนหน้านี้ลดลงสู่ระดับ 23.03 เหรียญ ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือน พ.ย. 2002

ราคาน้ำมันดิบ WTI ปรับลดลง 19.92 เหรียญ ใกล้ระดับต่ำสุดในรอบ 18 ปี เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมาและปริมาณการซื้อขายลดลง 3.8% หรือ 0.82 เหรียญ ที่ระดับ 20.69 เหรียญ/บาร์เรล

บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com