
· รายงานจาก Bloomberg ระบุว่า ในวันนี้ ดัชนี KOSPI ของเกาหลีใต้ และดัชนี IDX ของอินโดนีเซีย เผชิญแรงเทขายอย่างหนักจากต่างชาติ ส่งผลให้ทั้ง 2 ดัชนีถูก “circuit breakers” ระงับการซื้อขายไปชั่วคราว โดยในรายงานระบุว่าดัชนีKOSPI ถูกเทขายอย่างหนักเป็นมูลค่าถึง 317 ล้านเหรียญ
· ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวลดลง เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบทางเศรษฐกิจของการระบาดไวรัสโคโรนาที่ยังคงส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุน
โดยดัชนีหลักส่วนใหญ่ในตลาดเคลื่อนไหวในแเนลบ ดัชนี Kospi เกาหลีใต้ ลดลง 6.86% ดัชนี Kosdaq ลดลง 7.5%
อ้างอิงจากสำนักข่าว Reuters ระบุว่า ตลาดหลักทรัพย์เกาหลี กล่าวว่า กรณี circuit breakers ในช่วงก่อนหน้านี้ถูกกดดันหลังจากดัชนี Kospi ลดลง 8% และหยุดการซื้อขายเป็นเวลา 20 นาที
ด้านดัชนี S&P/ASX 200 ออสเตรเลีย ลดลง 3.53% หลังจากที่ปรับตัวสูงขึ้นได้กว่า 2%
ทั้งนี้ ดัชนี MSCI ที่ไม่รวมตลาดหุ้นญี่ปุ่น ลดลง 5.37%
· ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปรับตัวลดลงทำระดับต่ำสุดในรอบ 3 ปีครึ่ง เนื่องจากเกิดแรงเทขายอย่างหนักการความกังวลเกี่ยวกับการระบาดของไวรัสโคโรนาที่บดบังมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของบรรดาธนาคารกลางรายใหญ่ๆ
โดยดัชนี Nikkei เพิ่มขึ้น 2.6% ด่อนจะปิดร่วงลง 1.04% ที่ะรดับ 16,552.83 จุด ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย.ปี 2016 ที่ผ่านมา สำหรับภาพรวม 4 สัปดาห์ดัชนีปรับลดลงไปประมาณ 30%
เหล่าเทรดเดอร์ กล่าวว่า ดูเหมือนว่านักลงทุนทั่วโลกบางรายได้เร่งเทขายสินทรัพย์เนื่องจากกังวลว่าตลาดจะปิดตัวลงเนื่องจากวิกฤตไวรัส
· หุ้น SoftBank Group ของญี่ปุ่นปิด -17% วันนี้ซึ่งถือเป็นระดับการปรับตัวลงรายวันที่มากที่สุด จากกลุ่มนักลงทุนที่ไม่มั่นใจต่อแนวโน้มของกลุ่มเทคโนโลยี ท่ามกลางการระบาดของไวรัสโคโรนา จึงส่งผลให้ดัชนีหุ้นธนาคารดังกล่าวปรับตัวลงเป็นครั้งที่สอง และทำให้ราคาหุ้นร่วงหลุด 3,000 เยน ปิดที่ 2,687 เยน
ขณะที่ CEO กล่าวถึงแผนจะช่วยเหลือภาคการลงทุนเทคโนโลยีด้วยการอัดฉีดเม็ดเงินผ่านกองทุน Vision Fund มูลค่า 1 แสนล้านเหรียญ
ขณะทีหุ่้น Uber ก็ร่วงลงไปกว่า 22% ท่ามกลางผู้คนที่เลือกเก็บตัวอยู่ที่บ้านและพยายามเลี่ยงการระบาดของไวรัสโคโรนาในเวลานี้
· หุ้นจีนและฮ่องกงปรับตัวลงต่อในวันนี้เช่นเดียวกับตลาดหุ้นทั่วโลก แม้ว่าบรรดาธนาคารกลางต่างๆจะออกมาตรการฉุกเฉินทั้งในยุโรป, สหรัฐฯ และออสเตรเลีย ที่ไม่สามารถช่วยบรรเทาภาวะ Panic Selling ในตลาดได้
ดัชนี HSI ปรับลง -4.3% ที่ 21,344.93 จุด ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดตั้งแต่ ก.ค. ปี 2016 ขณะที่ CSI300 ปิด -2.7% ที่ 3,536.65 จุด ทางด้าน Shanghai Composite ปรับลง -2.1% ที่ 2,670.37 จุด
ด้านบรรดานักวิเคราะห์ส่วนใหญ่หั่นคาดการณ์เศรษฐกิจจีนว่าจะโตได้ต่ำสุดตั้งแต่ที่เคยเกิด Cultural Revolution หรือการปฏิวัติวัฒนธรรม ครั้งใหญ่ของจีนที่สิ้นสุดลงเมื่อปี 1976 จากการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาที่เข้ากระเทือนการเติบโตในปีนี้

· ตลาดหุ้นยุโรปเคลื่อนไหวผสมสานกัน แม้ว่าอีซีบีเผยการเข้าซื้อพันธบัตรรอบใหม่มูลค่า 7.5 แสนล้านยูโร จากการประชุมฉุกเฉินวานนี้เพื่อช่วยเหลือเศรษฐกิจยูโรโซนท่ามกลางการระบาดของไวรัสโคโรนาเวลานี้
โดยดัชนี Stoxx600 ลดลง 0.3% ช่วงเริ่มต้นของการซื้อขาย ด้านหุ้นทรัพยากรลดลง 3% ขณะที่หุ้นกลุ่มเทเลคอมเพิ่มขึ้น 1.7%
อ้างอิงจากสำนักข่าวไทยรัฐ
- กลาโหม-สธ.ผนึกกำลัง รับมือโควิด-19 จำลองสถานการณ์ หากเกิดวิกฤติหนัก กทม.-ปริมณฑล เล็ง กระจายผู้ป่วยไม่หนักไป รพ.สำรอง-รองปลัดสธ.วันนี้ป่วยเพิ่ม 35 ราย
วันที่ 19 มี.ค. ที่กระทรวงกลาโหม พล.อ.ณัฐ อินทรเจริญ ปลัดกระทรวงกลาโหม นพ.พิศิษฐ์ ศรีประเสริฐ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข ร่วมเป็นประธานการประชุมเพื่อฝึกร่วมจำลองสถานการณ์เตรียมความพร้อมรับการพัฒนาของสถานการณ์การแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในพื้นที่ กทม.และปริมณฑล โดยฝึกซ้อมแผนบนโต๊ะ ซึ่งมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ กองทัพบก กองทัพเรือ กองทัพอากาศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เจ้าหน้าที่กระทรวงสาธารณสุข ภาคเอกชน ภาคประชาสังคม รวมถึง พล.ร.อ.ปวิตร รุจิเทศ ผู้บัญชาการสำนักงานฝ่ายเสนาธิการในพระองค์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว หน่วยบัญชาการถวายความปลอดภัยรักษาพระองค์ ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการใหญ่จิตอาสาพระราชทาน 904 วปร. เข้าร่วมประชุมกว่า 200 คน
อ้างอิงจากสำนักข่าวกรุงเทพธุรกิจ
- เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 19 มีนาคม2563 นายแพทย์ สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค แถลงข่าวสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 หรือโควิด-19ว่า มีผู้ป่วยยืนยันรายใหม่ เพิ่ม 60 ราย รวมผู้ป่วยสะสม 272 ราย
โดยแบ่งเป็น
•กลุ่มแรกติดจากผู้ป่วยก่อนหน้า 43
-เกี่ยวข้องกับสนามมวย 12
-เกี่ยวข้องกับสถานบันเทิง 14
-สัมผัสกับผู้ป่วยก่อนหน้า 12
-ร่วมพิธีทางศาสนาของมาเลเซีย 5
•กลุ่มใหม่ 17
-กลับจากต่างประเทศ 9
-ใกล้ชิดกับชาวต่างชาติ 3
-เทรนเนอร์ฟิตเนส 1
-รอสอบสวน 4
อ้างอิงจากสำนักข่าวอินโฟเควสท์
- ตลาดหลักทรัพย์ฯ ปิดช่วงเช้าวันนี้ที่ระดับ 1,017.24 จุด ลดลง 30.91 จุด (-2.95%) มูลค่าซื้อขายราว 24,225 ล้านบาทการซื้อขายหุ้นวันนี้ ดัชนีหุ้นไทยเคลื่อนไหวในแดนลบตลอดช่วงเช้า โดยดัชนีทำระดับสูงสุดที่ 1,022.08 จุด และทำระดับต่ำสุดที่ 1,010.60 จุด
นายกิจพณ ไพรไพศาลกิจ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์และนักกลยุทธ์ บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้ปรับตัวลงตามตลาดต่างประเทศ โดยตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ต่างปรับตัวลงราว -2 ถึง -7% ซึ่งตลาดฯยังไม่ได้มีจุดเปลี่ยนของโมเมนตัม โดยต่างมีความกังวลเกี่ยวการขาดสภาพคล่องของธุรกิจหลังเผชิญการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ซึ่งหากการแพร่ระบาดยืดเยื้อ 3-4 เดือนก็จะทำให้ถึงขั้นบริษัทอาจผิดนัดชำระหนี้ได้ หรือบริษัทที่ได้มีการออกหุ้นกู้ไปก็จะชำระหรือจ่ายดอกเบี้ยหุ้นกู้ไม่ได้ ปัจจัยนี้ทำให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และธนาคารกลางยุโรป (ECB) ต่างออกมาตรการมาเพื่อบรรเทาผลกระทบ แต่ก็คงจะช่วยได้แง่การชะลอเท่านั้น
สำหรับการลงทุนในตลาดบ้านเราคงจะต้อง Wait & See ไปก่อนในช่วงรอให้ผ่านจุดแย่ของการแพร่ระบาด ซึ่งตลาดฯคาดว่าจะเกิดขึ้นประมาณเดือนเม.ย.-พ.ค.และเมื่อผ่านไปแล้วแรงกดดันจากแผ่วลง ดังนั้น ในช่วง 2 สัปดาห์ข้างหน้านี้ ไทยอาจมีจำนวนผู้ติดเชื้อขึ้นสูงถึงหลักพันราย
- ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) สมาคมธนาคารไทย ธนาคารพาณิชย์ไทย ธนาคารของรัฐ และธนาคารต่างประเทศ ได้
ร่วมประชุมหารือซักซ้อมแผนดูแลลูกค้าและมาตรการช่วยเหลือภาคธุรกิจและประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากไวรัส โควิด-19 ผ่านวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ โดยในที่ประชุมนายวิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการ ธปท. ได้เน้นย้ำให้ทุกธนาคารเตรียมพร้อมด้านบริการและดูแลลูกค้าอย่างทั่วถึงรวดเร็วในช่วงที่โควิด-19 กำลังระบาด ซึ่งจะต้องมีการสื่อสารข้อมูลกับลูกค้าให้มากขึ้น และขอให้ลูกค้ามั่นใจว่าการบริการทุกธุรกรรมของทุกธนาคารจะไม่มีสะดุด
- ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) รายงานว่า ตามที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้มีมติเลื่อนวันหยุดราชการประจำปีในวันที่ 13-15 เม.ย.2563 เพื่อลดโอกาสการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสและยับยั้งการแพร่ระบาดภายในประเทศ ธปท.พิจารณาแล้วเห็นสมควรให้สถาบันการเงิน และสถาบันการเงินเฉพาะกิจยกเลิกวันหยุด 13-15 เม.ย. และกำหนดวันหยุดชดเชยในโอกาสต่อไป
- รมว.คลัง ได้มอบหมายให้นายประสงค์ พูนธเนศ ปลัดกระทรวงการคลังและสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ(สคร.) ไปศึกษาการจัดตั้งกองทุนพยุงหุ้นอยู่โดยมีการพิจารณา 2 แนวทาง แนวทางแรกให้จัดตั้งกองทุนใหม่สำหรับใช้ลงทุนในตลาดหุ้นโดยตรง กับอีกแนวทางให้พิจารณาเพิ่มขนาดของกองทุนรวมวายุภักษ์ที่มีอยู่แล้วให้เข้ามาลงทุนในตลาดหลักทรัพย์เพิ่ม
- นายกฯ ให้นโยบายศูนย์โควิด-19 รับมือแพร่ระบาดระยะ 3 ลั่นพร้อมปิดเมืองหากรุนแรงเทียบอู่ฮั่น เตรียม รพ.ทหาร-โรงแรมบางแห่ง เตรียมยา ต้านไวรัสโควิด-19 จากญี่ปุ่น ให้ "สธ.-กองทัพ" ซ้อมแผนเผชิญเหตุระบาดลุกลาม "อนุทิน" เจรจาจีนฉลุยนำเข้ายา-หน้ากาก-ชุดป้องกัน
อ้างอิงจากสำนักข่าวอีไฟแนนไทย
- บล.เอเซีย พลัส ออกบทวิเคราะห์ " EPS และ GDP Growth ปี 63 มีความเสี่ยงถูกปรับลดประมาณการลงอีก" ว่า เศรษฐกิจไทยปี 63 มีทิศทางชะลอตัว จากหลายปัจจัยรุมเร้า ไม่ว่าจะเป็น COVID-19 ที่ยืดเยื้อกระทบต่อภาคการส่งออกและท่องเที่ยว การเมือง การเบิกจ่ายงบประมาณล่าช้า และปัญหาภัยแล้ง เป็นต้น ทำให้มีความเสี่ยงที่อาจเข้าสู่ภาวะ Recession
ล่าสุด สถาบันจัดอันดับ Fitch rating ได้ปรับลด Outlook ประเทศไทยจาก Positive (+) เป็น Stable (0) และคง Credit rating ที่ BBB+ และยังปรับลด GDP Growth ปี 63 ลงมาเหลือ 1% จากเดิมคาด 2.4% เทียบกับฝ่ายวิจัย ASP ที่คาด GDP Growth ปี 63 โต 1.6% yoy VS. Consensusคาดหดตัว 0.3% จนถึงโต 2.8%
ประมาณการ GDP Growth อยู่ภายใต้สมมติฐาน ที่ว่าส่งออก ติดลบ 1.5% และนำเข้า ติดลบ 0.5%, การบริโภคครัวเรือน บวก 1.7%, การลงทุนรัฐ บวก 2%, การลงทุนเอกชน บวก 1.5%, การใช้จ่ายภาครัฐ บวก 2.5% และราคาน้ำมันดิบที่ 65 เหรียญฯ/บาร์เรล