นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เมื่อไม่นานมานี้ได้กล่าวว่า "พรรคเดโมแครตกำลังโจมตีเขาโดยอาศัยการระบาดของไวรัสโคโรนาเป็นข้ออ้าง“ แม้จะยังไม่มีความชัดเจนว่าการระบาดของไวรัสส่งผลกระทบต่อคะแนนความนิยมของนายทรัมป์จริงหรือไม่ แต่เมื่อดูจากโพลสำรวจล่าสุด ดูเหมือนว่าคะแนนความนิยมของเขากำลังอ่อนแอลงเสียแล้ว
เท่ากับว่าคะแนนความนิยมตกต่ำลง 4.7% ภายในเวลาเพียง 1 เดือน
อย่างไรก็ตาม สาเหตุที่คะแนนของนิยมของนายทรัมป์ตกต่ำลงอาจไม่ได้มีสาเหตุมาจากไวรัสทั้งหมด และเมื่อดูจากภาพกว้างๆ จะเห็นว่าอัตราไม่ยอมรับยังเคลื่อนไหวในกรอบใกล้เคียงกัน อาจหมายถึงโอกาสที่คะแนนความนิยมจะฟื้นกลับขึ้นมาได้?
ไม่ว่าจะเป็นเช่นไร แต่ทีมบริหารของนายทรัมป์ก็เริ่มที่จะออกมาเคลื่อนไหวเพื่อตอบรับกับการระบาดของไวรัสมากขึ้น ซึ่งรายงานจาก CNBC ระบุว่าส่วนหนึ่งเป็นเพราะแรงกดดันจากบรรดาผู้สนับสนุนของพรรครีพับลิกัน ประกอบกับการที่นายทรัมป์ดูมีท่าทีอึมทรึมมากขึ้นตั้งแต่วันจันทร์ที่ผ่านมา อาจเป็นสัญญาณที่บ่งชี้ว่าเกิดการเปลี่ยนแปลงบางอย่างขึ้นภายในทีมบริหาร
กรณีที่อาจเกิดขึ้นในการเลือกตั้ง
แม้จะยังค่อนข้างเร็วเกินไปที่จะสามารถประเมินโอกาสแพ้-ชนะในการเลือกตั้งเดือน พ.ย. ของนายทรัมป์ แต่ตลาดก็เริ่มที่จะมีความคิดเห็นออกมาบ้างแล้ว
ในภาพรวม ตลาดต้องการให้ประธานาธิบดีที่มาจากพรรครีพับลิกันมีอำนาจเด็ดขาดทั้งในวุฒิสภาและสภาผู้แทนราษฎร เหมือนกับการดำรงตำแหน่ง 2 ปีแรกของนายทรัมป์ เนื่องจากรัฐบาลที่มีความเป็นหนึ่งเดียวกัน อาจทำให้มีนโยบายลดภาษีหรือการผ่อนคลายข้อจำกัดทางเศรษฐกิจออกมามากขึ้น
สำหรับกรณีที่อาจเกิดขึ้นในการเลือกตั้ง มี 4 กรณีดังนี้
1) ทรัมป์ชนะขาดลอย: เป็นกรณีที่มีความเป็นไปได้ต่ำมาก เมื่อพิจารณาจากคะแนนความนิยมของนายทรัมป์ที่ตกต่ำลงในช่วงนี้ และรีพับลิกันจะต้องครองเสียงข้างมากในทั้ง 2 สภาให้ได้ด้วย จึงมองว่ามีความเป็นไปได้ต่ำ แต่หากกรณีนี้เกิดขึ้นจริง ตลาดจะสามารถฟื้นตัวได้อย่างแข็งแกร่ง
2) ทรัมป์ชนะ แต่เดโมแครตครองสภาผู้แทนฯ: ทรัมป์สามารถดำรงตำแหน่งเป็นสมัยที่สองได้ แต่เดโมแครตยังครองเสียงข้างมากในสภาผู้แทนฯ ซึ่งไม่ต่างอะไรกับปัจจุบันมากนัก ดังนั้นตลาดจะยังคงให้ความสนใจไปยังผลกระทบของไวรัส และจะให้ความสำคัญกับการเลือกตั้งมากขึ้นเมื่อเข้าใกล้เดือน พ.ย.
3) โจ ไบเดน ชิงตำแหน่งประธานาธิบดี, รีพับลิกันครองวุฒิสภา: ในกรณีที่ทรัมป์แพ้การเลือกตั้ง และนายโจ ไบเดน คู่แข่งจากพรรคเดโมแครต ขึ้นครองตำแหน่งประธานาธิบดี ตลาดหุ้นอาจเผชิญแรงกดดันเพิ่ม แต่ถ้ารีพับลิกันยังครองวุฒิสภา นักลงทุนก็อาจสบายใจได้เปราะหนึ่ง
4) เดโมแครตชนะขาดลอย: อีกหนึ่งกรณีที่สุดโต่งและมีโอกาสเกิดขึ้นได้ต่ำ หากทรัมป์ยังสูญเสียคะแนนความนิยมอย่างต่อเนื่องและส่งผลกระทบกับทั้งพรรครีพับลิกัน เราอาจได้เห็นเดโมแครตเข้าครองเสียงข้างมากทั้งวุฒิสภาและสภาผู้แทนฯ ตลาดอาจเผชิญมาตรการทางการเงินที่คุมเข้มมากขึ้น ส่งผลให้ตลาดหุ้นปรับร่วงได้
สรุป
คะแนนความนิยมของนายทรัมป์อ่อนแอลงไปพร้อมๆกับสถานการณ์ไวรัสที่เลวร้ายลงทุกวัน และหากยังเป็นเช่นนี้ต่อไปสักระยะ เราอาจเป็นการตอบรับจากตลาดที่ชัดเจนมากขึ้นเมื่อเข้าใกล้การเลือกตั้ง