• ไวรัสโคโรนาจะกระทบการเลือกตั้งทรัมป์หรือไม่!?

    18 มีนาคม 2563 | Economic News

นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เมื่อไม่นานมานี้ได้กล่าวว่า "พรรคเดโมแครตกำลังโจมตีเขาโดยอาศัยการระบาดของไวรัสโคโรนาเป็นข้ออ้าง“ แม้จะยังไม่มีความชัดเจนว่าการระบาดของไวรัสส่งผลกระทบต่อคะแนนความนิยมของนายทรัมป์จริงหรือไม่ แต่เมื่อดูจากโพลสำรวจล่าสุด ดูเหมือนว่าคะแนนความนิยมของเขากำลังอ่อนแอลงเสียแล้ว

ตามข้อมูลล่าสุด จำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาในสหรัฐฯมีมากกว่า 5,000 ราย และเสียชีวิต 92 ราย โดยมีบางกลุ่มที่ยังรอผลตรวจหาเชื้อไวรัสอยู่ ขณะที่ตลาดหุ้นสหรัฐฯได้รับผลกระทบอย่างหนักจนทิศทางขาขึ้นที่ยาวนานกว่า 11 ปีต้องหยุดลงและถูกเทขายหนักที่สุดตั้งแต่ปี 1987 ซึ่งเป็นสัญญาณว่าวิกฤติทางเศรษฐกิจกำลังจะกลับมา

ย้อนกลับมาดูคะแนนความนิยมของนายทรัมป์ โพลสำรวจเมื่อวันที่ 18 ก.พ. พบว่านายทรัมป์มีอัตรายอมรับอยู่ที่ 44.6% และไม่ยอมรับที่ 51% ห่างกันถึง 6.4% และเป็นอัตรายอมรับที่ต่ำที่สุดในรอบเกือบ 3 ปี




เทียบกับโพลสำรวจล่าสุดเมื่อวันที่ 17 มี.ค. หลังจากชาวอเมริกันเริ่มตระหนักถึงความร้ายแรงของไวรัสโคโรนา พบว่าอัตรายอมรับนายทรัมป์ย่อตัวลงมาแถว 42.8% ขณะที่อัตราไม่ยอมรับเพิ่มขึ้นเป็น 52.9% ห่างกันถึง 10.1%




เท่ากับว่าคะแนนความนิยมตกต่ำลง 4.7% ภายในเวลาเพียง 1 เดือน

อย่างไรก็ตาม สาเหตุที่คะแนนของนิยมของนายทรัมป์ตกต่ำลงอาจไม่ได้มีสาเหตุมาจากไวรัสทั้งหมด และเมื่อดูจากภาพกว้างๆ จะเห็นว่าอัตราไม่ยอมรับยังเคลื่อนไหวในกรอบใกล้เคียงกัน อาจหมายถึงโอกาสที่คะแนนความนิยมจะฟื้นกลับขึ้นมาได้?

ไม่ว่าจะเป็นเช่นไร แต่ทีมบริหารของนายทรัมป์ก็เริ่มที่จะออกมาเคลื่อนไหวเพื่อตอบรับกับการระบาดของไวรัสมากขึ้น ซึ่งรายงานจาก CNBC ระบุว่าส่วนหนึ่งเป็นเพราะแรงกดดันจากบรรดาผู้สนับสนุนของพรรครีพับลิกัน ประกอบกับการที่นายทรัมป์ดูมีท่าทีอึมทรึมมากขึ้นตั้งแต่วันจันทร์ที่ผ่านมา อาจเป็นสัญญาณที่บ่งชี้ว่าเกิดการเปลี่ยนแปลงบางอย่างขึ้นภายในทีมบริหาร

กรณีที่อาจเกิดขึ้นในการเลือกตั้

แม้จะยังค่อนข้างเร็วเกินไปที่จะสามารถประเมินโอกาสแพ้-ชนะในการเลือกตั้งเดือน พ.ย. ของนายทรัมป์ แต่ตลาดก็เริ่มที่จะมีความคิดเห็นออกมาบ้างแล้ว

ในภาพรวม ตลาดต้องการให้ประธานาธิบดีที่มาจากพรรครีพับลิกันมีอำนาจเด็ดขาดทั้งในวุฒิสภาและสภาผู้แทนราษฎร เหมือนกับการดำรงตำแหน่ง 2 ปีแรกของนายทรัมป์ เนื่องจากรัฐบาลที่มีความเป็นหนึ่งเดียวกัน อาจทำให้มีนโยบายลดภาษีหรือการผ่อนคลายข้อจำกัดทางเศรษฐกิจออกมามากขึ้น

สำหรับกรณีที่อาจเกิดขึ้นในการเลือกตั้ง มี 4 กรณีดังนี้

1) ทรัมป์ชนะขาดลอย: เป็นกรณีที่มีความเป็นไปได้ต่ำมาก เมื่อพิจารณาจากคะแนนความนิยมของนายทรัมป์ที่ตกต่ำลงในช่วงนี้ และรีพับลิกันจะต้องครองเสียงข้างมากในทั้ง 2 สภาให้ได้ด้วย จึงมองว่ามีความเป็นไปได้ต่ำ แต่หากกรณีนี้เกิดขึ้นจริง ตลาดจะสามารถฟื้นตัวได้อย่างแข็งแกร่ง

2) ทรัมป์ชนะ แต่เดโมแครตครองสภาผู้แทนฯ: ทรัมป์สามารถดำรงตำแหน่งเป็นสมัยที่สองได้ แต่เดโมแครตยังครองเสียงข้างมากในสภาผู้แทนฯ ซึ่งไม่ต่างอะไรกับปัจจุบันมากนัก ดังนั้นตลาดจะยังคงให้ความสนใจไปยังผลกระทบของไวรัส และจะให้ความสำคัญกับการเลือกตั้งมากขึ้นเมื่อเข้าใกล้เดือน พ.ย.

3) โจ ไบเดน ชิงตำแหน่งประธานาธิบดี, รีพับลิกันครองวุฒิสภา: ในกรณีที่ทรัมป์แพ้การเลือกตั้ง และนายโจ ไบเดน คู่แข่งจากพรรคเดโมแครต ขึ้นครองตำแหน่งประธานาธิบดี ตลาดหุ้นอาจเผชิญแรงกดดันเพิ่ม แต่ถ้ารีพับลิกันยังครองวุฒิสภา นักลงทุนก็อาจสบายใจได้เปราะหนึ่

4) เดโมแครตชนะขาดลอย: อีกหนึ่งกรณีที่สุดโต่งและมีโอกาสเกิดขึ้นได้ต่ำ หากทรัมป์ยังสูญเสียคะแนนความนิยมอย่างต่อเนื่องและส่งผลกระทบกับทั้งพรรครีพับลิกัน เราอาจได้เห็นเดโมแครตเข้าครองเสียงข้างมากทั้งวุฒิสภาและสภาผู้แทนฯ ตลาดอาจเผชิญมาตรการทางการเงินที่คุมเข้มมากขึ้น ส่งผลให้ตลาดหุ้นปรับร่วงได้

สรุป

คะแนนความนิยมของนายทรัมป์อ่อนแอลงไปพร้อมๆกับสถานการณ์ไวรัสที่เลวร้ายลงทุกวัน และหากยังเป็นเช่นนี้ต่อไปสักระยะ เราอาจเป็นการตอบรับจากตลาดที่ชัดเจนมากขึ้นเมื่อเข้าใกล้การเลือกตั้ง



ที่มา: FX Street, FiveThirtyEight

บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com