• สรุปข่าวเศรษฐกิจ (ภาคค่ำ) ประจำวันที่ 16 มีนาคม 2563

    16 มีนาคม 2563 | Economic News

สถานการณ์ไวรัสโคโรนา:

- จำนวนผู้ติดเชื้อทั่วโลกล่าสุดอยู่ที่ 170,002 (+587) ราย

- จำนวนผู้เสียชีวิตทั่วโลกล่าสุดอยู่ที่ 6,523 (+8) ราย

- รักษาหายแล้ว 77,778 ราย

- จำนวนประเทศติดเชื้อทั่วโลกล่าสุดอยู่ที่ 157 ประเทศ

- จำนวนผู้ติดเชื้อในสหรัฐฯเพิ่มขึ้นต่อเนื่องล่าสุดอยู่ที่ 3,802 (+122) ราย และมีผู้เสียชีวิตแล้ว 69 (+1) ราย

- จำนวนผู้ติดเชื้อในอิตาลีที่เป็นอันดับที่ 2 ของโลกรวมอยู่ที่ 24,747 ราย และมีผู้เสียชีวิตแล้ว 1,809 ราย ขณะที่อิหร่านติดเชื้อพุ่งแตะ 13,938 ราย และเสียชีวิต 724 ราย

· เยอรมนีประกาศจะทำการปิดพหรมแดนระหว่างออสเตรีย สวิตเซอร์แลนด์ ฝรั่งเศส ลักเซมเบิร์ก และเดนมาร์กเป็นการชั่วคราว เพื่อชะลอการระบาดของไวรัสโคโรนา

ขณะที่ยอดผู้ติดเชื้อล่าสุดในเยอรมนีอยู่ที่ 4,838 ราย และเสียชีวิต 12 ราย โดยเยอรมนีมีจำนวนผู้ติดเชื้อพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็วจาก 3,795 รายและเสียชีวิต 8 ราย ภายในระยะเวลาเพียง 1 วัน

· ฝรั่งเศสและสเปนได้ออกมาประกาศปิดประเทศตามอิตาลี ส่งผลกระทบต่อประชาชนหลายสินล้านชีวิตเพื่อชะลอการระบาดของไวรัสโคโรนา ขณะที่ออสเตรเลียประกาศมาตรการกักชาวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาในประเทศทุกคนเพื่อสังเกตุอาการ

นอกจากนี้หลายๆประเทศยังได้ออกมาประกาศแบนการรวมกลุ่มของประชาชน ปิดงานแข่งขันกีฬา และงดกิจกรรมทางศาสนา ขณะที่บรรดาผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพพยายามสนับสนุนให้ประชาชนทำการกักตัวเองอยู่บ้าน หรือ “Social Distancing”

· ประธานาธิบดีอาร์เจนตินาประกาศปิดพหรมแดนสำหรับผู้ที่ไม่ใช่พลเมืองของอาร์เจนตินาเป็นเวลา 15 วัน รวมถึงสั่งปิดโรงเรียน สถานที่สาธารณะ และอุทยานแห่งชาติเป็นการชั่วคราวจนถึงวันที่ 31 มี.ค.

ก่อนหน้านี้ อาร์เจนตินาได้ประกาศระงับการออกวีซ่าให้กับนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาจากสหรัฐฯ จีน เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น อิหร่าน และหลายๆประเทศในยุโรปไปแล้ว

· ประธานาธิบดีเวเนซูเอลาประกาศให้ประชาชนทำการกักกันตัวเอง (Social quarantine) และผู้ประกอบการบางส่วนปิดกิจการชั่วคราวเพื่อชะลอการระบาดของไวรัสโคโรนา หลังจากพบการติดเชื้อในพื้นที่ 6 รัฐของเวเนซูเอลารวมถึงเมืองหลวง

· จอร์แดนรายงานจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสรายใหม่ออกมา 12 ราย ขณะที่ธนาคารกลางของประเทศได้ประกาศออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อบรรเทาผลกระทบ โดยเฉพาะในภาคการท่องเที่ยวและอุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบอย่างหนัก

ทางจอร์แดนยังมีประกาศปิดโรงเรียนและสถานที่ทางศาสนา รวมถึงปิดพหรมแดนจากประเทศเพื่อนบ้านอย่างอิยิปต์ ซีเรีย และอิรัคที่มีการระบาดอย่างหนัก แต่ยืนยันว่ายังเปิดพหรมแดนสำหรับการขนส่งสินค้า โดยเฉพาะอาหารและยาที่สามารถเก็บรักษาได้นานกว่า 6 เดือน เพื่อทำให้มั่นใจได้ว่าประชาชนสามารถกักตุนอาหารได้เพียงพอ

· กระทรวงการต่างประเทศแห่งประเทศจีนระบุว่าความเสี่ยงที่จะเกิดการระบาดของไวรัสโคโรนา ณ ปัจจุบัน มาจากชาวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาในประเทศเป็นส่วนใหญ่ มากกว่าที่จะมาจากภายในประเทศ ซึ่งทางจีนก็มีการออกมาตรการคัดกรองโรคสำหรับผู้ที่เดินทางเข้ามาในประเทศอย่างรัดกุมทั้งกับชาวต่างชาติและชาวจีนเอง

· เกาหลีใต้รายงานยอดผู้ติดเชื้อไวรัสรายใหม่วันนี้ออกมาที่ 74 ราย น้อยกว่ายอดเมื่อวานที่ 76 รายเล็กน้อย ส่งผลให้ยอดรวมผู้ติดเชื้อในประเทศรวมเป็น 8,236 ราย และเสียชีวิต 75 ราย

รายงานยอดผู้ติดเชื้อรายใหม่ในเกาหลีใต้ยังคงชะลอตัวลงอย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่ทำระดับสูงสุดไปเมื่อวันที่ 29 ก.พ. ที่ 909 ราย แต่มีรายงานว่ารัฐบาลเกาหลีใต้ค้นพบกลุ่มเสี่ยงกลุ่มใหม่ที่ตั้งอยู่ใกล้เมืองหลวงเมื่อเร็วๆนี้

ขณะที่จำนวนผู้ได้รับการรักษาหายดีและกลับบ้านแล้วมีเพิ่มขึ้น 303 ราย ทำให้มียอดรวมเป็น 1,137 ราย

· ผู้ว่าเมืองนิวยอร์กเตรียมลงนามในคำสั่งฉุกเฉินที่จะบังคับให้ร้านอาหาร บาร์ และคาเฟ่ ภายในเมืองนิวยอร์กทุกแห่งสามารถขายอาหารได้เฉพาะแบบรับกลับไปทานที่บ้าน หรือใช้บริการส่งอาหารเท่านั้น เพื่อลดโอกาสการติดเชื้อไวรัสโคโรนา

ขณะที่ไนท์คลับ โรงภาพยนต์ทั้งขนาดเล็กและขนาดใหญ่ และสถานที่จัดคอนเสิร์ต จะถูกปิดลงชั่วคราว โดยคำสั่งจะมีผลภายในคืนวันอังคารนี้


· Nike, Lululemon Athletica, และ Under Armour เป็นบริษัทรายล่าสุดที่ออกมาประกาศว่าจะปิดร้านค้าในสหรัฐฯและตลาดอื่นๆ เพื่อช่วยชะลอการระบาดของไวรัสโคโรนา

โดย Nike ประกาศจะปิดร้านค้าในแคนาดา ยุโรปฝั่งตะวันตก ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ ตั้งแต่วันที่ 16 – 27 มี.ค. แต่จะยังคงเปิดร้านค้าในประเทศเกาหลีใต้ ญี่ปุ่น พื้นที่ส่วนใหญ่ของจีน และอีกหลายๆประเทศ

ทาง Under Armour ประกาศว่าพวกเขาจะปิดร้านค้าในอเมริกาเหนือตั้งแต่วันจันทร์นี้เป็นเวลา 2 สัปดาห์ ขณะที่ Lululemon ประกาศปิดร้านค้าในอเมริกาเหนือและยุโรปเป็นระยะเวลาเท่าๆกัน

· ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักส่วนใหญ่ในวันนี้ หลังจากเฟดประกาศลดอัตราดอกเบี้ยฉุกเฉินเมื่อช่วงเช้าตรู่วันนี้ สร้างความประหลาดใจให้กับตลาด ขณะที่บรรดาธนาคารกลางทั่วโลกพยายามปรับมาใช้นโยบายผ่อนคลายทางการเงินกันมากขึ้นเพื่อช่วยแก้ไขปัญหาขาดแคลนค่าเงินดอลลาร์และฟื้นฟูสภาพคล่องให้กับตลาด

นักวิเคราะห์บางส่วนมองว่าการอ่อนค่าของค่าเงินดอลลาร์น่าจะคงอยู่ในระยะสั้น เนื่องจากภาวะขาดแคลนค่าเงินดอลลาร์ในระบบการเงินโลกบ่งชี้ว่าปริมาณอุปสงค์ในค่าเงินดอลลาร์มีอยู๋ระดับสูง ดังนั้นค่าเงินมีแนวโน้มที่จะถูกเข้าซื้อต่อไปได้ในระยะยาว

นักวิเคราะห์จาก Sumitomo Mitsui Trust Bank มองว่า มาตรการผ่อนคลายนโยบายของบีโอเจที่ประกาศในวันนี้ อาจช่วยระบบการเงินของภาคเอกชนได้ แต่หากรัฐบาลไม่มีการสนับสนุนด้วยนโยบายที่สอดคล้องกัน ธนาคารก็อาจลังเลที่จะปล่อยกู้

ขณะที่บริษัทส่วนใหญ่ต้องการที่จะถือครองค่าเงินดอลลาร์กันมากขึ้น เพื่อให้การใช้จ่ายเป็นอย่างราบรื่น ดังนั้นหากคุณยังถือครองดอลลาร์อยู่ ก็จะถือเป็นความได้เปรียบอย่างมาก

· ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่า 1.2% เมื่อเทียบกับเงินเยนแถว 106.70 เยน/ดอลลาร์ หลังการประชุมบีโอเจวันนี้

เมื่อเทียบกับเงินปอนด์ ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่า 0.4% แถว 1.2338 ดอลลาร์/ปอนด์ แต่ทรงตัวเมื่อเทียบกับยูโรแถว 1.1126 ดอลลาร์/ยูโร และอ่อนค่า 0.15% เมื่อเทียบกับสวิสฟรังก์แถว 0.9493 ดอลลาร์

· การที่เฟดประกาศปรับลดดอกเบี้ยเพิ่มเติมได้ส่งผลให้เกิดการเข้าซื้อพันธบัตรเพิ่ม โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีปรับตัวลดลงไปแตะ 0.68% จากระดับ 0.95% ในวันศุกร์ที่ผ่านมา

· ธนาคารกลางญี่ปุ่นหรือบีโอเจตัดสินใจเข้าซื้อสินทรัพย์เสี่ยงเพิ่มในกองทุน ETF เพิ่มเป็นเท่าตัว ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณการดำเนินนโยบายเดียวกับธนาคารกลางต่างๆทั่วโลกในการต่อสู้กับภาวะการชะลอตัวทางเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบจากไวรัสโคโรนา

ทั้งนี้ บีโอเจตัดสินใจขยายเวลา QE รอบใหม่อีก 1 ปี ควบคู่กับอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ 0% สู่สถาบันการเงินเพื่อพยายามสนับสนุนสภาพคล่องให้แก่การกู้ยืมของภาคบริษัทที่ได้รับผลกระทบจากไวรัสโคโรนา

ทั้งนี้ บีโอเจตัดสินใจเข้าซื้อพันธบัตรในกองทุน ETFs เพิ่มประมาณ 12 ล้านล้านเยน (1.1255 แสนล้านเหรียญ) โดยเป็นการเพิ่มขึ้นเท่าตัวจากยอดก่อนหน้า ขณะที่การเข้าซื้อกองทุน J-REIT ก็เพิ่มขึ้นเท่าตัวแตะ 1.8 แสนล้านเยนต่อปี

อย่างไรก็ดี บีโอเจยังคงอัตราดอกเบี้ยระดับต่ำ -0.1% ในระยะสั้น ขณะที่อัตราดอกเบี้ยระยะยาวอยู่ที่ 0%

· ค่าเงินเยนอ่อนค่าเหนือ 106.5 เยน/ดอลลาร์ หลังการประชุมฉุกเฉินของบีโอเจตัดสินใจหนุนการเข้าซื้อ ETF โดยเงินเยนกลับขึ้นแตะ 107 เยน/ดอลลาร์อีกครั้ง ซึ่งการตัดสินใจของบีโอเจเกิดขึ้นให้หลังจากที่เฟดตัดสินใจปรับลดดอกเบี้ยในการประชุมฉุกเฉินเมื่อวานนี้

ทั้งนี้ หากค่าเงินเยนแข็งค่ากลับหลุดเส้นค่าเฉลี่ย Fibonacci Retracement 38.2% บริเวณ 105.45 เยน/ดอลลาร์ได้ ก็มีโอกาสใกล้ระดับแข็งค่ามากที่สุดที่ทำไว้ในช่วงส.ค. ปี 2019 บริเวณ 104.85 เยน/ดอลลาร์ และอาจทำให้ภาพกลับมาแข็งค่าอีกครั้ง

ในทางกลับกันหากค่าเงินเยนยืนได้เหนือเส้นค่าเฉลี่ย Fibonacci Retracement 61.8% ที่ 108.1 เยน/ดอลลาร์ ก็มีโอกาสปรับอ่อนค่าขึ้นไปอีกเหนือเส้นค่าเฉลี่ย SMA ราย 200 วัน บริเวณ 108.25 เยน/ดอลลาร์ และหากยังยืนได้ก็มีโอกาสเห็นเงินเยนทดสอบกับ 109.50 เยน/ดอลลาร์ รวมทั้งอาจแตะระดับอ่อนค่าที่สุดที่ทำไว้ในเดือนม.ค. บริเวณ 110.3 เยน/ดอลลาร์

· ทรัมป์ชื่มชมการลดดอกเบี้ยของเฟด

นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ กล่าวชื่มชมการปรับลดดอกเบี้ยของเฟดในการแถลงข่าววันนี้ โดยชื่มชมการตัดสินใจของนายเจอโรม โพเวลล์ ประธานเฟด ที่ตัดสินใจปรับลดดอกเบี้ยลง 1% สู่กรอบ 0 – 0.25% และประกาศมาตรการ QE เป็นมูลค่า 7 แสนล้านเหรียญว่าเป็น “ข่าวดี” และ “ทำให้เขามีความสุขมาก”

· ธนาคารกลางเกาหลีใต้ประกาศจะจัดการประชุมฉุกเฉินขึ้นในวันนี้เวลาประมาณ 14.30 น. ตามเวลาประเทศไทย หลังจากธนาคารกลางอื่นๆมีมติผ่อนคลายนโยบายเพื่อรับมือผลกระทบจากไวรัสโคโรนา

ทั้งนี้ ธนาคารกลางเกาหลีใต้จะมีการถ่ายทอดสดการแถลงนโยบายหลังการประชุมผ่านทาง Youtube เวลาประมาณ 16.00 น.

· ปริมาณการผลิตถ่านหินของจีนในช่วงสองเดือนแรกของปี 2020 ลดลง 6.3% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้าเนื่องจากการระบาดของไวรัสโคโรนาทำให้ผู้ปฏิบัติงานไม่สามารถกลับไปทำงานได้หลังจากวันหยุดตรุษจีนที่ผ่านมา

ข้อมูลจากสำนักสถิติแห่งชาติ (NBS) เผยว่า จีนได้ทำการขุดถ่านหินจำนวน 489.03 ล้านตันในเดือนม.ค.และก.พ.ลดลงจาก 513.67 ล้านตันในช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว

· วันนี้ธนาคารกลางจีน (PBoC) มีการอัดฉีดเม็ดเงินไป 1 แสนล้านหยวน (1.43 หมื่นล้านเหรียญ) เพื่อเสริมสภาพคล่องให้แก่ตลาดการเงินในช่วง 1 ปี สำหรับเงินกู้แก่ภาคธนาคารระยะกลาง (MLF) หลังจากที่วันศุกร์ PBoC มีการปรับลดยอเงินสดภาคธนาคารที่ถือครองลง 0.5% ท่ามกลางการอัดฉีดเม็ดเงินราว 5.5 แสนล้านหยวน (7.86 หมื่นล้านเหรียญ) เข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ ขณะที่การปรับลดดอกเบี้ย RRR จะมีผลในวันนี้

ทั้งนี้ PBoC กล่าวว่าจะใช้มาตรการอื่นๆเพิ่มเติมที่เสริมกับนโยบายดอกเบี้ยระดับต่ำเพื่อปกป้องเศรษฐกิจที่ถูกทำลายจากการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา ทางด้านข้อมูลจีนล่าสุดสะท้อนว่าเศรษฐกิจจีนดูจะได้รับผลกระทบหนักกว่าที่คาดไว้ โดยยอดค้าปลีกจีนออกมาแย่ลง 20.5% ในช่วงระหว่างเดือนม.ค. - ก.พ. เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และถือเป็นการปรับตัวลดลงมากกว่าที่นักวิเคราะห์มองไว้ว่าจะลดลงเพียง 0.8%

ด้านผลผลิตภาคอุตสาหกรรมปรับตัวลง 13.5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีที่แล้ว ทางด้านการลงทุนใน Fixed Asset ก็ดิ่งลงกว่า 24.5% ซึ่งสูงกว่าที่ตลาดคาดการณ์เอาไว้

· ราคาน้ำมันปรับลดลงในวันนี้ หลังจากการประกาศลดดอกเบี้ยฉุกเฉินของเฟดไม่สามารถช่วยคลายความกังวลของตลาดที่มีต่อสถานการณ์การระบาดของไวรัสโคโรนาได้ ขณะที่ภาวะสงครามราคาน้ำมันระหว่างโอเปกและรัสเซียยังเป็นปัจจัยที่กดดันราคาน้ำมันอยู่

โดยราคาน้ำมันดิบ Brent ปรับลง 2.07 เหรียญ แถว 31.78 เหรียญ ปรับลดลงต่อจากสัปดาห์ก่อนที่ปรับลดลงไป 25% ซึ่งนับว่าปรับร่วงมากที่สุดตั้งแต่ปี 2008

ขณะที่ราคาน้ำมันดิบ WTI ปรับลง 1.38 เหรียญ แถว 30.35 เหรียญ ปรับลดลงต่อแม้ประธานาธิบดีสหรัฐฯให้สัญญาว่าจะมาตรการสนับสนุนปริมาณสต็อกน้ำมัน



บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com