เมื่อเทียบกับค่าเงินปอนด์ ดอลลาร์แข็งค่าเล็กน้อยแถว 1.2541 ดอลลาร์/ยูโร หลังจากก่อนหน้านี้แข็งค่าขึ้นได้ด้วยอัตรารายวันที่มากที่สุดรับตั้งแต่ ก.ค. ปี 2016 ในภาพรวมรายสัปดาห์ ค่าเงินดอลลาร์เมื่อเทียบกับปอนด์มีแนวโน้มแข็งค่า 3.8% มากที่สุดนับตั้งแต่ ต.ค. ปี 2016
ธนาคาร JP Morgan ประกาศปรับคาดการณ์การเติบโตของ GDP สหรัฐฯเฉลี่ยสำหรับไตรมาสแรกปีนี้ลงสู่ระดับ -2% และ -3% สำหรับไตรมาสที่สอง ซึ่งหมายความว่าทางธนาคารมองว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯจะเข้าสู่ภาวะถดถอยภายปีนี้
· ภรรยาของนายจัสติน ทรูโด นายกรัฐมนตรีแคนาดา ถูกตรวจพบว่าติดเชื้อไวรัส COVID-19
หลังจากที่มีรายงานว่าภรรยาของนายกฯแคนาดา ติดเชื้อ COVID-19 ล่าสุดทางแคนาดาออกมาระบุว่า นายทรูโด จำเป็นถูกกักตัวเพื่อสังเกตุเป็นเวลา 2 สัปดาห์ ขณะที่รัฐออนแทรีโอของแคนาดาได้ประกาศปิดโรงเรียนเพื่อควบคุมการระบาดของไวรัส
· กระทรวงอาหารและยาสหรัฐฯประกาศอนุมัติให้สามารถใช้กระบวนการตรวจหาเชื้อไวรัสโคโรนาที่ออกแบบโดยบริษัท Roche ที่เป็นบริษัทสัญชาติสวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งสามารถตรวจหาเชื้อไวรัสในผู้ป่วยได้ภายในเวลา 3.5 ช.ม. และสามารถตรวจหาเชื้อได้ถึง 4,128 รายภายในระยะเวลา 24 ช.ม.
· เมืองอู่ฮั่นในประเทศจีน ที่เป็นจุดศูนย์กลางการระบาดของไวรัสโคโรนา รายงานยอดผู้ป่วยรายใหม่ออกมาเพียง 5 ราย นับเป็นวันที่สองที่เมืองอู่ฮั่นรายงานยอดผู้ป่วยรายใหม่ออกมาต่ำกว่า 10 ราย เทียบกับเมื่อวานที่รายงานออกมา 8 ราย ขณะที่ไม่มีรายงานการติดเชื้อภายในประเทศสำหรับพื้นที่อื่นๆของประเทศจีนติดต่อกันเป็นวันที่ 8
อย่างไรก็ตาม มีรายงานพบการติดเชื้อในเมืองเซี่ยงไฮ้ 2 ราย และปักกิ่ง 1 ราย ซึ่งทั้งหมดเป็นชาวต่างชาติที่เดินทางมาจากประเทศกลุ่มเสี่ยงเข้ามาในประเทศจีน
· สิงคโปร์ประกาศห้ามผู้ที่เดินทางมาจากอิตาลี ฝรั่งเศส สเปน และเยอรมนีภายในระยะเวลา 14 วัน ไม่ให้เข้าประเทศไม่ว่ากรณีใดๆ ซึ่งเป็นหนึ่งในมาตรการควบคุมการระบาดของกระทรวงสาธารณสุขสิงคโปร์
· อินโดนีเซียประกาศมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อรับมือกับการระบาดของไวรัสโคโรนาเป็นมูลค่า 120 ล้านล้านรูเปียห์ (8.1 พันล้านเหรียญ)
มูลค่าดังกล่าวคิดเป็น 0.8% ของ GDP อินโดนีเซีย ขณะที่มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจะยกเว้นภาษีให้กับแรงงาน และให้ส่วนลดภาษี 30% สำหรับผู้ประกอบการ โดยมาตรการจะมีผลบังคับใช้ในเดือน เม.ย. และมีผลต่อไปอีก 6 เดือน
· รัฐบาลออสเตรเลียออกประกาศเตือนให้ประชาชนหลีกเลี่ยงการรวมกลุ่มกันมากกว่า 500 คนขึ้นไป เพื่อป้องกันการระบาดของไวรัสโคโรนา
ขณะที่ยอดรวมผู้ติดเชื้อไวรัสในออสเตรเลียอยู่ที่ 156 ราย และเสียชีวิต 3 ราย ซึ่งทางรัฐบาลคาดการณ์ว่าจำนวนผู้ติดเชื้อจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงสัปดาห์ถัดไป เนื่องจากซีกโลกใต้จะเริ่มเข้าสู่ฤดูหนาว
· นักการทูตชาวฟิลลิปปินส์ ประจำ UN ถูกตรวจพบผลเลือดเป็นบวก และถือเป็นการติดเชื้อโคโรนา รวมทั้งส่งผลให้เกิดการปิดสถานกงศุล 5 แห่งในแมนฮัตตัน
· รายงานจากเกาหลีใต้ เผยการพบผู้ป่วยจากไวรัสโคโรนาที่รักษาหายแล้วเพิ่มขึ้น ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่ได้รับรายงานนี้หลังจากที่พบการแพร่ระบาดตั้งแต่ช่วงเดือนม.ค. และแนวโน้มการเพิ่มขึ้นรายวันพบว่ามีการปรับตัวลง จึงสร้างความหวังที่ว่าเกาหลีใต้จะมีอัตราการระบาดที่ชะลอตัวลง
ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคติดต่อของเกาหลีใต้ (KCDC) เผยพบผู้ติดเชื้อในวันศุกร์ลดลงมาอยู่ที่ 110 ราย จากเมื่อวานนี้ที่ระดับ 114 ราย และทำให้ยอดรวมอยู่ที่ 7,979 ราย ขณะที่ยอดผู้เสียชีวิตอยู่ที่ 70 ราย
ในทางตรงข้ามก็จะเห็นได้ถึงการปล่อยตัวผู้ป่วยที่รักษาอาการดีขึ้นออกจากโรงพยาบาลแล้วกว่า 177 ราย ซึ่งถือเป็นจำนวนการรักษาที่มียอดรายวันดีที่สุดเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ 20 ม.ค.
จึงทำให้ภาพรวมน่าจะช่วยผ่อนคลายความกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเกาหลีใต้ซึ่งเป็นประเทศเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดเป็นลำดับที่ 4 ของเอเชีย
· ธนาคารกลางนอร์เวย์ประกาศลดดอกเบี้ยฉุกเฉินลง 0.5% สู่ระดับ 1%
· เศรษฐกิจญี่ปุ่นอาจได้รับผลกระทบ หากยกเลิก “โอลิมปิก 2020”
นักวิเคราะห์จากสถาบัน The Economist Intelligence Unit มีมุมมองว่าเศรษฐกิจญี่ปุ่นอาจได้รับผลกระทบอย่างหนัก หากรัฐบาลตัดสินใจยกเลิกกีฬาโอลิมปิกฤดูร้อน 2020 ซึ่งปัจจุบันก็ยังมีกระแสคาดการณ์แตกต่างกันออกไปว่ารัฐบาลจะตัดสินใจยกเลิกหรือไม่กันแน่
โดยเศรษฐกิจญี่ปุ่นที่พึ่งพารายได้จากนักท่องเที่ยวการส่งออกเป็นหลัก กำลังได้รับผลกระทบจากไวรัสโคโรนาที่ทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวตกฮวบลงไป การจัดงานกีฬาโอลิมปิกปี 2020 เป็นความหวังเดียวที่จะเห็นนักท่องเที่ยวกลับเข้ามาใช้จ่ายในประเทศและสามารถช่วยชีวิตเศรษฐกิจเอาไว้ได้
ทั้งนี้ ทางโฆษกรัฐบาลญี่ปุ่นล่าสุดยังคงยืนยันถึงการจัดงานกีฬาตามกำหนดการเดิม แม้นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ จะเสนอความคิดเห็นว่าควรเลื่อนการจัดงานโอลิมปิกออกไปเสียก่อนก็ตาม
· รัฐมนตรีกระทรวงมหาดไทยแห่งออสเตรเลีย ออกมายอมรับว่าเขาติดเชื้อไวรัสโคโรนา
· รัฐสภาญี่ปุ่นอนุมัติร่างนโยบายพิเศษที่จะมอบอำนาจให้กับนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นในการสั่งปิดโรงเรียน หรือยกเลิกการชุมนุมใดๆที่มีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อไวรัสโคโรนา และสามารถเบิกอุปกรณ์ทางการแพทย์ได้โดยที่ไม่ต้องผ่านความเห็นชอบจากรัฐสภา
· เฟดสาขานิวยอร์กได้ทำการอัดฉีดสภาพคล่องทางการเงินครั้งใหญ่ด้วยการอัดฉีดเงินสดเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจของสหรัฐฯเป็นวงเงินสูงถึง 1.5 ล้านล้านเหรียญ เพื่อเป็นการบรรเทาผลกระทบทางการเงินจากการระบาดของไวรัสโคโรนา
โดยเฟดได้กล่าวถึงความเคลื่อนไหวครั้งใหญ่ว่า การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาดูจะทำให้เศรษฐกิจและตลาดพันธบัตรของสหรัฐฯเกิดความผันผวน ดังนั้น เฟดจึงจะรับมือกับภาวะผันผวนในตลาดพันธบัตรที่ปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเฟด ยังมีแผนสำคัญคือการซื้อหลักทรัพย์เป็นวงเงินสูงถึง 6 หมื่นล้านเหรียญ โดยจะเริ่มซื้อจากพันธบัตรในระยะสั้น ซึ่งคาดว่าจะสามารถดำเนินการได้รวดเร็วที่สุดภายในเดือน เม.ย.
นอกจากนี้เฟดยังได้กล่าวเพิ่มเติมว่า เตรียมที่จะซื้อคืนพันธบัตรระยะเวลา 3 เดือน เป็นวงเงิน 5 แสนล้านเหรียญ ในวันนี้ และเตรียมที่จะซื้อคืนพันธบัตรระยะ 1 เดือน วงเงิน 5 แสนล้านเหรียญ และซื้อคืนพันธบัตรระยะสองสัปดาห์เป็นวงเงิน 2.2 แสนล้านเหรียญ ในวันพรุ่งนี้ต่อไป
· Deutsche Bank ปรับคาดการณ์โอกาสเฟดลดดอกเบี้ยในการประชุมสัปดาห์หน้า ว่าเฟดจะมีมติปรับลดดอกเบี้ยลงถึง 1% ซึ่งจะทำให้อัตราดอกเบี้ยของเฟดเข้าใกล้ระดับ 0% ยิ่งขึ้น
· วันนี้ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลงติดต่อกันเป็นวันที่ 3 โดย Brent ทำรายสัปดาห์ที่ต่ำที่สุดนับตั้งแต่ปี 1991 ขณะที่ WTI ทำรายสัปดาห์ที่แย่ที่สุดตั้งแต่ปี 2008 ท่ามกลางความตื่นตะหนกของตลาดที่อาจเห็นอุปสงค์น้ำมันชะลอตัวลงจากไวรัสโคโรนา
น้ำมันดิบ Brent ปรับลง 67 เซนต์ หรือ -2% ที่ 32.55 เหรียญ/บาร์เรล หลังจากที่ร่วงลงไปกว่า 7% เมื่อคืนวานนี้ โดยภาพรวมสัปดาห์นี้น้ำมันดิบปรับลงไปกว่า 28% ถือเป็นการปรับลงรายสัปดาห์ที่มากที่สุดตั้งแต่ 18 ม.ค. ปี 1991 หรือลงไปกว่ า 29% เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เกิด Gulf War
น้ำมันดิบ WTI ปรับลง 66 เซนต์ หรือ -2.1% ที่ 30.84 เหรียญ/บาร์เรล หลังจากที่ช่วงต้นตลาดปรับลงไปกว่า 1% และปิดลดไปกว่ า4.5% วานนี้ ภาพรวมสัปดาห์นี้ WTI ปรับตัวลงไปกว่า 25% ซึ่งเป็นการปรับลงมากที่สุดตั้งแต่ 19 ธ.ค. ปี 2008 และถือเป็นการปรับลงมากถึง 27% นับตั้งแต่เกิดวิกฤตทางการเงิน
· รายงานจาก CNN ระบุว่า สงครามราคาน้ำมันระหว่างซาอุดิอาระเบียกับรัสเซีย ในขณะที่อุปสงค์ทั่วโลกกำลังชะลอตัวทั้งในกลุ่มพลังงาน, ก๊าซโซลีน และดีเซล และในเวลาเดียวกันตลาดยังเผชิญภาวะการระงับการเดินทางระหว่างสหรัฐฯและยุโรปที่เปรียบเสมือนฝันร้ายของตลาดน้ำมัน
โดยจะเห็นได้จากราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวลงไปแล้วกว่า 6% ที่ 31 เหรียญ/บาร์เรลเมื่อวานนี้ หลังนายทรัม์ประกาศมาตรการคุมเข้มการเดินทางกับยุโรปเพื่อจำกัดการระบาดของไวรัสโคโรนา และนั่นทำให้น้ำมันดิบ WTI ปรับลงไปทำต่ำสุดมากถึงแนว 30.02 เหรียญ/บาร์เรล หรือลดลงไปประมาณ 27% ในสัปดาห์นี้
Rystad Energy กล่าวว่า ปัญหาใหญ่ของตลาดน้ำมันคือการกระตุ้นให้เกิดอุปสงค์เพิ่มขึ้น แต่หลายเที่ยวบินที่ถูกยกเลิก และมีแนวโน้มจะถูกระงับเที่ยวบินก็ดูจะยิ่งกดดันตลาด เนื่องจากการระงับการเดินทางจากยุโรปอาจเป็นสาเหตุที่ทำให้ความต้องการน้ำมันปรับตัวลงไป 600,000 บาร์เรล/เดือน หรือมากถึง 700,000 บาร์เรล/วัน ก็เป็นได้
หัวหน้าฝ่ายการตลาดน้ำมันของ Rystad Energy กล่าวว่า ท่ามกลางอุปสงค์น้ำมันที่มีสัญญาณปรับตัวลง การระงับการเดินทางจากยุโรปก็ดูจะเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่เข้ากดดันความเชื่อมั่นนักลงทุน โดยตลาดดูจะสูญเสียความเชื่อมั่นจากความพยายามของภาครัฐบาลและความไม่แน่นอนที่เพิ่มมากขึ้นเกี่ยวกับผลกระทบจากไวรัสโคโรนาตลอดจนภาพรวมเศรษฐกิจ
ทั้งนี้ การร่วงลงของราคาน้ำมันได้ส่งผลต่อบริษัทน้ำมันทั้งรายใหญ่และรายย่อย โดยกลุ่มพลังงานใน S&P500 ปรับลงไปกว่า 10% เมื่อวานนี้