• สรุปข่าวตลาดหุ้น (ภาคค่ำ) ประจำวันที่ 10 มีนาคม 2563

    10 มีนาคม 2563 | SET News

· ดัชนีหุ้นสหรัฐฯฟิวเจอร์ปรับตัวขึ้นได้ในเช้าวันนี้ หลังจากที่ดัชนี S&P500 ปรับตัวลงรายวันแย่ที่สุดนับตั้งแต่ที่เกิดวิกฤตทางการเงิน นำโดยดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์วันนี้ปรับขึ้นไป 669 จุด โดยภาพรวมปรับขึ้นได้มากกว่า 710 จุดในช่วงเปิดตลาดวันนี้ ขณะที่ดัชนี S&P500 และ Nasdaq-100 ฟิวเจอร์ส ต่างก็เปิดปรับตัวสูงขึ้นได้เช่นกัน หลังจากที่วันก่อนดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์สปรับตัวลงไปกว่า 400 จุด

ทั้งนี้ ตลาดหุ้นสหรัฐฯได้รับแรงหนุนหลังจากที่ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ มีแผนที่จะทำการผ่อนปรนหรือปรับลดดอกเบี้ยเพื่อชดเชยผลกระทบเชิงลบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา โดยแผนดังกล่าวมีขึ้นหลังจากที่นายทรัมป์ตัดสินใจลงนามกฎหมายงบประมาณวงเงิน 8.3 พันล้านเหรียญเมื่อเดือนที่แล้ว

· นักวิเคราะห์จาก DailyForex มองว่า ดัชนี S&P500 ที่ปรับตัวลงในคืนวันศุกร์ทดสอบ 2,900 จุด ก็ดูเหมือนจะมีความเป็นไปได้ที่จะเห็นดัชนีปรับตัวลงต่อ ซึ่งหาก Break หลุดต่ำกว่าระดับดังกล่าวลงมา ก็มีโอกาสเห็นดัชนีปรับตัวลงไปแตะ 2,700 จุดได้ แม้ว่าในระยะสั้นๆเราอาจจะเห็นได้ถึงการรีบาวน์กลับ แต่ระดับที่น่าเป็นห่วงก็คือการที่ดัชนีเคลื่อนไหวแนวเส้นค่าเฉลี่ย EMA 200 วัน

ทั้งนี้ ตลาดยังเผชิญกับความผันผวนค่อนข้างมาก ดังนั้น ก็ยังมีโอกาสสูงที่จะเห็นดัชนีลดความร้อนแรงในการฟื้นตัวระยะสั้นๆได้ และเราค่อนข้างกังวลเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาที่ลุกลามไปทั่วโลก รวมทั้งอุปสงค์ที่จะชะลอตัวลง โดยเฉพาะในตลาดน้ำมันที่มีการปรับตัวลงมาควบคู่ไป ซึ่งสัญญาณเหล่านี้สะท้อนถึงภาวะถดถอยทางเศรษฐกิจโลก และทั้งหมดนี้ก็ดูเป็นสาเหตุที่ทำให้หุ้นปรับตัวลงไม่เพียงแค่ในสหรัฐฯแต่ยังรวมถึงหุ้นประเทศอื่นๆด้วย

สำหรับภาพระยะยาว มีแนวโน้มที่ดัชนีจะหลุดแนวรับ 2,500 จุดลงมาได้ โดยหากทดสอบระดับดังกล่าวและมีการปรับขึ้นได้ ก็ดูจะเป็นโอกาสดีที่จะเข้าช้อนซื้อ แต่ภาพทางเทคนิคก็ดูเหมือนดัชนีจะพยายามทำ Bearish Flag

อย่างไรก็ดี ตลาดก็ยังมีสภาวะ Short Covering อยู่ ที่อาจทำให้ภาพระยะสั้นมีการรีบาวน์ได้ แต่ก็ไม่คิดว่าจะเป็นขาขึ้นได้จนกว่าจะมีความชัดเจนของทิศทางขาขึ้นที่มากกว่านี้

· ตลาดหุ้นเอเชียรีบาวน์ และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรปรับตัวสูงขึ้นจากระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ เนื่องจากการคาดการณ์เกี่ยวกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจากธนาคารกลางโลกและรัฐบาลต่างๆ

โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปี ที่ร่วงลงมากกว่า 2 เท่า 0.70% และราคาน้ำมันดิบปรับตัวสูงขึ้นมากกว่า 7% จึงช่วยชดเชยความหวังในตลาด แม้จะเป็นเพียงชั่วคราวก็ตาม

ทั้งนี้ ดัชนี MSCI ที่ไม่รวมหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้นเกือบ 1% หลังจากร่วงลงไปมากกว่า 5% เมื่อวานนี้ ด้านหุ้นออสเตรเลียเพิ่มขึ้น 0.9% เนื่องจากนักลงทุนที่เข้าซื้อมเื่อราคาอ่อนตัว ด้านดัชนี Nikkei ลดลง 0.3% แต่อยู่ทรงตัวเหนือระดับต่ำในช่วงแรก

· ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปรับตัวสูงขึ้น หลังจากที่นายซินโซ อาเบะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ระบุว่า

รัฐบาลของเขาจะทำงานอย่างใกล้ชิดร่วมกับธนาคารกลางเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ

โดยนายอาเบะ กล่าวว่า ตลาดกำลังเคลื่อนไหวอย่างผีนผวนท่ามกลางความไม่แน่นอนเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจโลก

ถ้อยแถลงของเขาสร้างแรงกดดันต่อบีโอเจให้ดำเนินการตามคำมั่นสัญญาเมื่อสัปดาห์ที่แล้วเพื่อสนับสนุนตลาด

ทั้งนี้ ดัชนี Nikkei รีบาวน์ 1.07% หลังจากร่วงลงไปในช่วงก่อนหน้านี้ ด้านดัชนี Topix เพิ่มขึ้น 1.65% ทั้ง 2 ดัชนีปรับตัวสูงขึ้นได้ หลังจากที่ร่วงลงไปมากกว่า 3% ในช่วงก่อนหน้า

· ตลาดหุ้นจีนปรับตัวสูงขึ้น เนื่อวจากจำนวนผู้ติดเชื้อจากการระบาดของไวรัสโคโรนารายใหม่ในจีนปรับลดลง รวมทั้งการที่นายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน ได้เข้าเยี่ยมเมืองอู่ฮั่นจึงช่วยหนุนความเชื่อมั่นให้กับเหล่านักลงทุนในตลาด ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจที่ออกมาอ่อนแอช่วยเพิ่มความคาดหวังว่าจีนจะออกนโยบายเพิ่มเติมเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ

โดยดัชนี Shanghai Composite เพิ่มขึ้น 1.82% ที่ระดับ 2,996.76 จุด หลังจากที่ผันผวนในแดนลบและแดนบวกในช่วงก่อนหน้านี้ แม้ดัชนีจะปรับตัวสูงขึ้นได้ แต่ดัชนียังลงปรับตัวลดลงมากกว่า 2.5% จากระดับสูงสุดเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา

· ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวสูงขึ้น หลังจากตลาดหุ้นสหรัฐฯปรับตัวลงมากที่สุดนับตั้งแต่วิกฤตการเงินปี 2008 ที่ผ่านมาในช่วงการซื้อขายก่อนหน้า โดยดัชนี Stoxx600 เพิ่มขึ้น 1.3% ด้านหุ้นน้ำมันและก๊าซ ฟื้นตัว 3.4% ท่ามกลางตลาดภูมิภาคที่เคลื่อนไหวในแดนบวก

อ้างอิงจากสำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย

- SET ร่วงกระจุย 108 จุด กังวลสงครามราคาน้ำมัน พบ PTT-PTTEP-PTTGC กดดัชนีกว่า 41 จุด ทำมาร์เก็ตแคปทั้งเครือหายวับ 4.73 แสนลบ. ฟาก "ภากร" ปัด ไม่เกี่ยวบล็อกเทรด-ชอร์ตเซล โบรกฯ หวั่นหากยืดเยื้ออาจกด SET ลงลึกถึง 1,150 จุด

- ตลาดหุ้นไทยปิดการซื้อขายวันที่ 9 มี.ค.63 ที่ระดับ 1,255.94 จุด ลดลง 108.63 จุด หรือ -7.96 % มูลค่าการซื้อขาย 1.03 แสนล้านบาท สัดส่วนการลงทุนรายกลุ่ม นักลงทุนสถาบันในประเทศขายสุทธิ 1.27 หมื่นลบ. บัญชีบริษัทหลักทรัพย์ซื้อสุทธิ 957.57 พันลบ. นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 3.99 พันลบ. นักลงทุนทั่วไปซื้อสุทธิ 1.57 หมื่นลบ.

ด้านหุ้นที่กดดันดัชนี 3 อันดับได้แก่ PTT ปิดที่ระดับ 28 บาท ลดลง 9.50 บาท หรือ -25.33% มูลค่าการซื้อขาย 1.86 หมื่นลบ. กดดันดัชนี 25.22 จุด PTTEP ปิดที่ระดับ 74.75 บาท ลดลง 31.75 บาท หรือ -29.81 % (ฟลอร์) มูลค่าการซื้อขาย 1.22 หมื่นลบ. กดดันดัชนี 11.71 จุด และ PTTGC ปิดที่ระดับ 31 บาท ลดลง 11.25 บาท หรือ -26.63% กดดันดัชนี 4.71 จุด

- บล.เอเซียพลัส เปิดเผยว่า ตลาดหุ้นไทยที่ปรับลดลงอย่างหนัก เป็นผลการประชุมกลุ่มประเทศผู้ผลิตและส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ที่ออกมาผิดคาดอย่างมาก โดยที่ รัสเซียปฎิเสธข้อเสนอการปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันดิบ 1.5 ล้านบาร์เรล/วัน ขณะที่ ซาอุดิอาระเบียประกาศเตรียมเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันดิบจากปัจจุบัน 9.9 ล้านบาร์เรล/วัน เป็น 12 ล้านบาร์เรล/วัน พร้อมปรับลดค่า OSP Premium น้ำมันดิบทุกประเภท

การเจรจาในกลุ่มผู้ผลิตน้ำมันที่ล้มเหลวดังกล่าว จะส่งผลทำให้สถาวะ Over Supply ดูรุนแรงมากยิ่งขึ้นสงผลให้ราคาน้ำมันปรับตัวลดลงรุนแรง และคาดว่าจะยืนในระดับต่ำต่อเนื่องไปอีกระยะหนึ่ง กดดันธุรกิจน้ำมัน โรงกลั่น รวมไปถึงปิโตรเคมี ซึ่งเป็นหุ้นที่มีมาร์เก็ตแคปสูงสุดในตลาดหุ้นไทย

- นายภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.) เปิดเผยว่า ดัชนีตลาดหุ้นไทยที่ปรับตัวลงมามากกว่า 100 จุด เป็นไปตามหุ้นกลุ่มพลังงานปรับตัวลงแรงมากกว่า 15% จากราคาน้ำมันตลาดโลกปรับตัวลดลงจากระดับ 50 เหรียญ/บาร์เรล มาอยู่ที่ 30 เหรียญ/บาร์เรล ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจทั่วโลก และ ตลาดหุ้นทั่วโลก

อ้างอิงจากกรุงเทพธุรกิจ

- กระทรวงสาธารณสุขแถลงสถานการณ์ผู้ป่วยติดเชื้อไวรัส COVID-19 จากต่างประเทศในประเทศไทย ประจำวันที่ 10 มีนาคม 2563 พบผู้ติดเชื้อเพิ่ม 3 คน รวม 53 คน โดยรายที่ 51 เป็นหญิงไทยอายุ 41 ปี ใกล้ชิดกับผู้ป่วยรายที่ 45 ส่วนรายที่ 52 และ 53 เป็นสามีภรรยากัน สามีอายุ 47 ปี ส่วนภรรยาอายุ 46 ปี กลับจากอิตาลี ขณะที่ตอนนี้อยู่โรงพยาบาล 19 คน รักษาหายกลับบ้านแล้ว 33 คน  

บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com