• สรุปข่าวตลาดหุ้น (ภาคค่ำ) ประจำวันที่ 9 มีนาคม 2563

    9 มีนาคม 2563 | SET News

· ดัชนีฟิวเจอร์สสหรัฐฯปรับตัวลงกว่า 5% ในวันนี้ ส่งผลให้เกิดภาวะถูกระงับการซื้อขายชั่วคราว (Halt Trading) หลังจากที่ราคาน้ำมันดิบร่วงลงรายวันมากที่สุดในรอบเกือบ 30 ปีในช่วงเช้าวันนี้ จึงสร้างความกังวลไปทั่วตลาดการเงิน

ทั้งนี้ ประเด็นร้อนมาจากการที่ซาอุดิอาระเบียมีแผนจะเพิ่มกำลังการผลิตและลดราคาขายน้ำมันหลังรัสเซียลังเลที่จะตัดสินใจปรับลดกำลังการผลิตร่วมกับกลุ่มโอเปกในการรับมือกับพิษการระบาดของโคโรนาที่จะส่งผลต่อเศรษฐกิจโลก

ดัชนี S&P500 ปรับตัวลงต่อจากความกังวลเรื่องการแพร่ระบาดอย่างรวดเร็วของไวรัสโคโรนา ที่อาจทำให้สหรัฐฯเข้าสู่สภาวะถดถอย รวมทั้งกระทบต่อตลาดสินเชื่อที่กำลังตึงตัว

ความไม่แน่นอนเรื่องไวรัสได้ก่อให้เกิดแรงเทขายจึงเกิดขึ้นในตลาดทั้งหุ้นและอัตราผลตอบแทนพันธบัตร แต่ทั้งหมดนี้ก็ยังช่วยบ่งชี้ถึงภาวะความเชื่อมั่นในตลาดด้วยเช่นกัน

หัวหน้านักกลยุทธ์การตลาดจาก Ameriprise Financial กล่าวถึงการร่วงลงของตลาดหุ้นชี้ว่าความเชื่อมั่นนั้นอาจฟื้นตัวได้ ท่ามกลางผลกระทบของไวรัสโคโรนาที่อาจไม่นานเกินจัดการ

· ตลาดหุ้นทั่วโลกร่วงลง เนื่องจากออกจากสินทรัพเสี่ยงเพื่อกลับเข้าหาพันธบัตร ท่ามกลางการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา รวมทั้งการร่วงลงของน้ำมันดิบกว่า 30% หลังจากที่กลุ่มโอเปกไม่สามารถทำข้อตกลงกับพันธมิตรในเรื่องการลดการผลิต ทำให้ซาอุดิอาระเบียปรับลดราคาน้ำมันลงและมีรายงานว่าจะเพิ่มกำลังการผลิตเพิ่มอีก ทำให้ทั่วโลกกังวลว่าอาจจะเกิดสงครามราคาน้ำมันระหว่างผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่

ทั้งนี้ ดัชนี MSCI ที่ไม่รวมหุ้นญี่ปุ่นร่วงลง 3.9% ซึ่งเป็นภาพรายวันที่แย่ที่สุดนับตั้งแต่ปลายปี 2015 ที่ผ่านมา

· ตลาดหุ้นจีนปรับตัวลดลง เนื่องจากความกังวลเกียวกับผลกระทบทางเศรษฐกิจโลกจากการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา รวมทั้งการร่วงลงของราคาน้ำมันดิบที่ส่งผลกระทบต่อตลาดการเงินทั่วโลก

โดยดัชนี Shanghai Composite ลดลง 3.0% ที่ระดับ 2,943.29 จุด ท่ามกลางหุ้นภูมิภาคส่วนใหญ่ปรับตัวลง โดยถูกกดดันจากหุ้นกลุ่มวัสดุและบริษัทผู้บริโภค

สำหรับวันนี้กลุ่มนักลงทุนต่างชาติขายหุ้น A มูลค่ากว่า 12 พันล้านหยวน (1.73 พันล้านเหรียญ) ผ่านทาง Stock Connect ที่เชื่อมโยงจีนและฮ่องกง ท่ามกลางต้องการซื้อสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงน้อยลง

อย่างไรก็ การปรับตัวลงยังคงเป็นไปได้อย่างจำกัด เมื่อเทียบกับตลาดอื่น ๆ โดยได้รับแรงหนุนจากจำนวนผู้ป่วยไวรัสรายใหม่ในประเทศจีนที่ลดลงและความคาดหวังของการสนับสนุนนโยบายเพิ่มเติมเพื่อหนุนเศรษฐกิจ

· ตลาดหุ้นยุโรปเปิดปรับตัวลดลง เนื่องจากเหล่านักลงทุนทั่วโลกให้ความสนใจไปยังการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาและการร่วงลงของราคาน้ำมันดิบ หลังจากกลุ่มโอเปกไม่สามารถทำข้อตกลงกับพันธมิตรในเรื่องการลดการผลิต ทำให้ซาอุดิอาระเบียปรับลดราคาน้ำมันลง

โดยดัชนี Stoxx600 ลดลง 3% ด้านหุ้นกลุ่มค้าปลีกที่ลดลง 3.6% ท่ามกลางตลาดหุ้นภูมิภาคที่เคลื่อนไหวในแดนลบ

อ้างอิงจากสำนักข่าว ทันหุ้น

- รายงานว่า บล.ไทยพาณิชย์ มองกลุ่มการบิน คาดว่าผลการดำเนินงานของผู้ประกอบการสายการบินจะปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่องในปี 63 เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ส่งผลกระทบทำให้ความต้องการเดินทางปรับตัวลดลงอย่างมาก แม้ราคาหุ้นสายการบินร่วงลงมาแล้ว ถึง 29% นับตั้งแต่ไวรัสโควิด-19 เริ่มระบาด แต่ความเสี่ยงของอุตสาหกรรมสายการบินยังสูง โดยมีสาเหตุมาจากการแข่งขันอย่างรุนแรง แนะนำให้นักลงทุนหลีกเลี่ยงกลุ่มสายการบิน และเลือกหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานดีอย่าง AOT ERW และ MINT เพื่อเตรียมพร้อมรอรับการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย

รายงานจากกระทรวงการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ระบุว่าจำนวนนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาในประเทศปรับลดลงถึง 44.3% ในเดือน ก.พ. ที่ผ่านมา เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเป็นผลกระทบมาจากการระบาดของโคโรนาไวรัส ขณะที่นักท่องเที่ยวจากจีน ซึ่งเป็นส่วนสำคัญที่สุดของการท่องเที่ยวไทย ปรับลดลงไปถึง 85.3%

อ้างอิงจาก ประชาชาติธุรกิจ

- นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดี มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และประธานที่ปรึกษาศูนย์ พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยจากการสำรวจความเชื่อมั่นผู้ประกอบการ พบว่า ดัชนีความเชื่อมั่นหอการค้าไทย เดือน ก.พ. 63 ปรับตัวลดลงอยู่ที่ 44.9 จากเดือน ม.ค.อยู่ที่ 45.4 ต่ำสุดในรอบ 27 เดือน (9 ไตรมาส) แต่ยังคงคาดการณ์ว่าในอีก 6 เดือนข้างหน้าดัชนีฯ จะปรับตัวเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 47

ทั้งนี้เป็นผลมาจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวหายไป ภัยแล้ง ความกังวลจากปัญหาฝุ่น PM 2.5 ค่าเงินบาทปรับตัวอ่อนค่าสะท้อนถึงเงินทุนจากต่างประเทศที่ไหลออกจากไทย และเศรษฐกิจโลกปรับตัวลดลง ส่งผลให้เงินหายไปจากระบบเศรษฐกิจครึ่งปีแรกประมาณ 500,000 ล้านบาท ขณะที่รัฐอัดฉีดเงินเข้าระบบเพียง 150,000 ล้านบาทเท่านั้น โดยภาคอุตสาหกรรมหดตัวสูงสุด รองลงมาคือภาคบริการ และท่องเที่ยว ซึ่งพื้นที่กรุงเทพฯและปริมณฑลดัชนีฯ ลดลงสูงที่สุด

ดังนั้นเอกชนจึงขอให้รัฐต้องมีแนวทางแก้ปัญหา โดยเพิ่มความเชื่ออมั่นให้ประชาชนเกี่ยวกับการควบคุมสถานการณ์ของไวรัส COVID-19, บริหารจัดการน้ำให้เพียงพอ, กระตุ้นการจับจ่ายซื้อสินค้า และหันกลับมาท่องเที่ยว, เร่งเบิกจ่ายงบประมาณ และจัดสรรงบประมาณให้ลงไปถึงระดับรากหญ้า

อ้างอิงจากสำนักข่าวอินโฟเควสท์

- นางจันทวรรณ สุจริตกุล ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายสื่อสารและความสัมพันธ์องค์กร ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ธปท.จะติดตามสถานการณ์ราคาน้ำมันในตลาดโลก และภาวะในตลาดการเงินโลกอย่างใกล้ชิด ประกอบการพิจารณาของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.)ในวันที่ 25มี.ค.63

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะนี้กำหนดการประชุมของ กนง.ยังเป็นไปตามวาระปกติ คือ 25 มี.ค.

- นายภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า ตลท.ยืนยันว่ามาตรการปัจจุบันที่มีอยู่เพียงพอจะรองรับสถานการณ์ความผันผวนของตลาดหลักทรัพย์ไทย แม้ว่าจะปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง และล่าสุดช่วงเช้าวันนี้ลดลงไปกว่า 90 จุด หรือกว่า6% ซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นทั่วโลก

ผลกระทบต่อตลาดหุ้นสืบเนื่องมาจากการประชุมกลุ่มโอเปกและประเทศพันธมิตรไม่สามารถตกลงกันได้ ส่งผลให้ราคาน้ำมันปรับร่วงลงมาจาก 50 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล มาอยู่ที่ราว 30 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล จึงกดดันราคาหุ้นใน 3 กลุ่มหลักที่มีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (มาร์เก็ตแคป) เป็นสัดส่วนมากกว่า 45-50%ในตลาดหุ้นไทย คือกลุ่มพลังงาน ปรับตัวลดลงมากกว่า 15% กลุ่มทรัพยากรธรรมชาติ (Resources) และกลุ่มธนาคาร ส่วนกลุ่มที่เหลือที่ไม่ได้เกี่ยวข้องด้วยราคาปรับตัวลดลงราว 2-3%

- นายกันย์ ศรีสมพงษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายการเงินและบริหารสินทรัพย์ บมจ.โรงแรมเซ็นทรัลพลาซา (CENTEL) เปิดเผยว่า บริษัทคาดว่ารายได้รวมในปี 63 มีโอกาสปรับตัวลงราว 15% ตามทิศทางของอัตรารายได้เฉลี่ยต่อห้อง (RevPar) ของธุรกิจโรงแรมที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) ทำให้บริษัทประเมินว่า RevPar ในปี 63 จะปรับตัวลดลงราว 15% จากจำนวนนักท่องเที่ยวที่ลดลง ส่งผลให้บริษัทไม่สามารถปรับขึ้นราคาห้องพักได้ และมีการจัดโปรโมชั่นลดราคาห้องพักเพื่อกระตุ้น

- ราชกิจจาฯ ลงประกาศ สธ.ให้ “เกาหลี-จีน-อิตาลี-อิหร่าน” เป็นท้องที่นอกราชอาณาจักรที่เป็น “เขตติดโรคติดต่ออันตราย” กรณี “โควิด-19” รวม “ฮ่องกง-มาเก๊า” ด้วย พบผู้ป่วยโควิด-19 ใหม่ 4 ราย ไทย 2 – ต่างชาติ 2 เดินทางมาจากอิตาลี – อิหร่าน

- พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการรัฐมนตรีเศรษฐกิจ (ครม.เศรษฐกิจ) โดยจะมีการพิจารณามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ และเยียวยาผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา-19

- ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) และโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า มั่นใจว่าการเสนอชุดมาตรการดูแลและเยียวยาผลกระทบไวรัสโควิด-19 ชุดที่ 1 วงเงินหลายแสนล้านบาทให้ ครม. เศรษฐกิจพิจารณาวันที่ 6 มี.ค. 63 จะช่วยสร้างความเชื่อมั่นต่อระบบเศรษฐกิจ และลดผลกระทบจากการระบาดของไวรัสโควิดได้ โดยจะมีการเสนอมาตรการไปเป็น 10 ด้านและมีขนาดใหญ่เพียงพอต่อการดูแลเศรษฐกิจและขอให้มั่นใจว่ารัฐเอาอยู่

- บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด เปิดเผยว่า ได้ปรับประมาณการอัตราขยายตัวทางเศรษฐกิจไทย หรือจีดีพีในปีนี้เหลือเติบโตเพียง 0.5% จากเดิมคาด 2.7% เนื่องจากไวรัสโควิด-19 ได้ส่งผลกระทบหนักสุดที่ภาคการท่องเที่ยวไทย คาดว่ารายได้ของนักท่องเที่ยวต่างชาติจะหายไป 4.1 แสนล้านบาท คิดเป็น 8.3 ล้านคน หรือหดตัวติดลบ 20.8% จากปีก่อนเช่นเดียวกับการส่งออกไทยที่จะติดลบ 5.6% เพราะการแพร่ระบาดขยายวงกว้างมากขึ้นส่งผลให้เศรษฐกิจโลกชะลอ และความต้องการสินค้าส่งออกไทยลดลง

- ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ททท.อยู่ระหว่างพิจารณาการจัดงานเทศกาลมหาสงกรานต์ประจำปี 63 ว่า จะสามารถจัดงานใหญ่ขึ้นได้หรือไม่ โดยขอประเมินสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 อย่างต่อเนื่องไปก่อนว่าสถานการณ์จะเป็นอย่างไร แต่เบื้องต้นททท. และกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ก็มีความพร้อมจัดงานขึ้นในบางพื้นที่โดยหากสามารถจัดงานขึ้นมาได้ ก็อาจลดขนาดลงมาเป็นงานส่งเสริมวัฒนธรรม และมีการรดน้ำดำหัวตามประเพณี โดยที่ไม่ได้จัดให้มีขนาดใหญ่เหมือนปีก่อนๆ

- กลุ่มซีพีชนะกาปรระมูลบริษัทเทสโก้ไทยและมาเลเซีย โดยบริษัทซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) ถือ 4.0% บริษัทเจริฐโภคภัณฑ์ โฮลดิ้ง จำกัด ถือ 40% และบริษัทซี.พี.เมอร์แซนไดซิ่ง จำกัด 20%

ราคาประมูลสูงกว่าที่ตลาดคาดไป 9% หรืออยู่ที่ 3.38 แสนล้านบาท และจะเริ่มแบ่งจ่ายทันที ทั้งนี้ จะมีการประชุมรายละเอียดการชำระต่อไป

ด้านสำนักข่าว Doew Jones Newswires รายงานว่า บริษัทเทสโก้ (UK) นอมรับการขายกลุ่มเทสโก้เอเชียที่ 10.58 พันล้านเหรียญ ทำให้ประเมินว่าอาจมีการแลกเปลี่ยนเงินบาทที่ 31.94 บาท/ดอลลาร์ ซึ่งสูงกว่าระดับปัจจับนที่ 31.65 บาท/ดอลลาร์

โดยสถานการณ์ดังกล่าว คาดว่าจะมีเม็ดเงินไหลออกจากไทย เพื่อจ่ายให้บริษัทเทสโก้ในอังกฤษ ซึ่งคาดว่าจะเป็นหนึ่งใแัจจัยที่กดดันให้ค่าเงินบาทอ่อนค่าได้ในระยะสั้น

บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com