• สรุปข่าวตลาดหุ้น (ภาคเช้า) ประจำวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2563

    11 กุมภาพันธ์ 2563 | SET News



· ตลาดหุ้นสหรัฐฯปิดปรับขึ้นจากที่ปรับตัวลงในช่วงต้นตลาด อันได้รับแรงหนุนจากหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี รวมถึงหุ้นบริษัทอะเมซอนที่ปรับตัวสูงขึ้น โดยดัชนีดาวโจนส์ปิดปรับขึ้น 174.31 จุด หรือ +0.6% ที่ 29,276.82 จุด หลังจากที่ร่วงลงกว่า 100 จุดในช่วงต้นตลาด ด้าน S&P500 ปิด +0.6% ที่ 3,352.09 จุด และ Nasdaq ปิด +1% ที่ 9,628.39 จุด ซึ่งทั้ง S&P500 และ Nasdaq ต่างยังคงปิดทำ All-Time High ได้

· ตลาดหุ้นยุโรปปิดผสมผสานท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับไวรัสโคโรนาที่ฉุดให้ดัชนีในกลุ่มน้ำมันและแก๊สร่วงลงกว่า 2% แต่หุ้นกลุ่มก่อสร้างที่เพิ่มขึ้นก็ช่วยชดเชยการปรับลงในภาพรวมได้บางส่วน

· ตลาดหุ้นเอเชียปิดปรับตัวสูงขึ้นท่ามกลางกลุ่มนักลงทุนที่ยังคงจับตาแรงกดดันทางเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาที่มีผู้เสียชีวิตสูงกว่า 1,000 ราย โดยดัชนี Kospi ของเกาหลีใต้เปิด +0.7% ด้านหุ้น S&P/ASX200 ของออสเตรเลียเปิด +0.5% และภาพรวมของดัชนี MSCI ที่ไม่รวมญี่ปุ่นเปิด +0.17%

ด้านตลาดหุ้นญี่ปุ่นยังปิดทำการในวันหยุดประจำชาติหรือวันชาติ (National Foundation Day)

กลุ่มนักลงทุนยังคงเกาะติดสถานการณ์ของการแพร่ระบาดไวรัสโคโรนาที่ยังมีความไม่แน่นอนสูง แม้ว่าภาคโรงงานอุตสาหกรรมบางส่วนจะกลับมาเปิดทำการตามปกติก็ตาม

นักเศรษฐศาสตร์จาก Commonwealth Bank of Australia กล่าวว่า ความเสี่ยงใหญ่ที่จะเกิดกับจีนคือการปรับตัวลงของจีดีพีจีนในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ และภาพรวมของปี 2020 ขณะที่การเติบโตทางเศรษฐกิจจีนคิดเป็นร้อยละ 17 ของจีดีพีโลก ดังนั้น เมื่อเศรษฐกิจจีนกระเทือนก็จะส่งผลต่อภาพรวมทางเศรษฐกิจโลกอย่างเห็นได้ชัด รวมไปถึงเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่จะได้รับผลกระทบดังกล่าวด้วยเช่นกัน

· นักบริหารเงิน ประเมินว่า ค่าเงินบาทจะเคลื่อนไหวกรอบแคบระหว่าง 31.16 – 31.23 บาท/ดอลลาร์ โดยเงินบาทไม่ได้ตอบรับต่อคำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญมากเท่าไหร่ โดยจะเห็นได้ถึง Flow ที่เข้ามาในตาดพันธบัตร

· อ้างอิงจากสำนักข่าวอินโฟเควสท์

- ศาลรัฐธรรมนูญ แถลงอย่างเป็นทางการว่าได้มีมติเสียงข้างมากให้สภาผู้แทนราษฎรดำเนินการให้ถูกต้องในการขั้นตอนการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2563 เฉพาะในวาระที่ 2 และวาระที่ 3 และข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการ

จากนั้นให้เสนอร่าง พ.ร.บ.ที่แก้ไขให้ถูกต้องดังกล่าวให้วุฒิสภาให้ความเห็นชอบเพื่อดำเนินการตามรัฐธรรมนูญต่อไป พร้อม ทั้งให้สภาผู้แทนราษฎรรายงานผลการปฏิบัติตามคำบังคับต่อศาลรัฐธรรมนูญภายใน 30 วันนับแต่วันที่ศาลมีคำวินิจฉัย

- นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี คาดว่าสภาผู้แทนราษฎรจะลงมติร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2563 ในวาระที่ 2 และ 3 ในวันที่ 13 ก.พ.นี้ ตามคำสั่งของศาลรัฐธรรมนูญ และน่าจะนำขึ้นทูลเกล้าเพื่อทรงลงพระปรมาภิไธยได้ในช่วงปลายเดือน ก.พ.นี้

พร้อมยืนยันว่า แม้ ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯ ล่าช้า แต่คงไม่กระทบต่อการเบิกจ่ายงบประมาณในส่วนของงบประจำ ที่แม้ว่า ครม.จะมีมติเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาให้ขยายเพดานกรอบการใช้งบประมาณไปพลางก่อนจาก 50 % เป็น 75 % แต่ก็เชื่อว่า ยังไม่มีหน่วยงานใดเบิกจ่ายเพราะใน 50 % ยังพออยู่

บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com