• สรุปข่าวเศรษฐกิจ (ภาคค่ำ) ประจำวันที่ 20 มกราคม 2563

    20 มกราคม 2563 | Economic News

· ค่าเงินดอลลาร์เปิดตลาดสัปดาห์นี้ค่อนข้างทรงตัวในแดนแข็งค่า ท่ามกลางข้อมูลทางเศรษฐกิจที่บ่งชี้ถึงความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ขณะที่มุมมองเชิงบวกต่อเศรษฐกิจจีนช่วยหนุนค่าเงินในตลาดเอเชียวันนี้

ค่าเงินดอลลาร์ค่อนข้างทรงตัวใกล้ระดับสูงสุดในรอบ 1 สัปดาห์ เมื่อเทียบกับเงินยูโร แถว 1.1095 ดอลลาร์/ยูโร และทรงตัวเมื่อเทียบกับเงินเยนแถว 110.17 เยน/ดอลลาร์ ใกล้ระดับสูงสุดในรอบ 8 เดือน ขณะที่ดัชนีดอลลาร์ก็ทรงตัวเช่นกัน



ค่าเงินหยวนแข็งค่า 0.2% ใกล้ระดับสูงสุดในรอบ 6 เดือน ขณะที่ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ต่างแข็งค่าขึ้นเล็กน้อย



ปริมาณการซื้อขายค่อนข้างเบาบาง เนื่องจากตลาดสหรัฐฯหยุดทำการในวัน Martin Luther King day รวมถึงวันหยุดของตลาดจีนในเทศกาลตรุษจีนปลายสัปดาห์นี้



เครื่องมือ Fedwatch ชี้ ตลาดคาดการณ์ว่าเฟดจะมีมติคงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมปลายเดือนนี้



นักวิเคราะห์จาก OANDA ระบุว่า ข้อมูลทางเศรษฐกิจ โดยเฉพาะจากฝั่งสหรัฐฯ ยังค่อนข้างแข็งแกร่ง ประกอบกับยังมีแรงหนุนจากการลงนามในข้อตกลงเฟสแรกระหว่างสหรัฐฯ-จีน ดังนั้นค่าเงินดอลลาร์จึงมีแนวโน้มที่จะแข็งค่าต่อเมื่อเทียบกับสกุลเงินส่วนใหญ่ ซึ่งได้ประเมินโอกาสที่เฟดจะลดดอกเบี้ยลงสู่ระดับ 0% ไว้แล้ว และโอกาสที่เฟดจะปรับลดดอกเบี้ยในอนาคตก็มีค่อนข้างศูง

· นายแกรี โคห์น อดีตที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจแห่งทำเนียบขาว มีความเห็นว่า การขึ้นภาษีสินค้านำเข้าของประธานาธิบดีทรัมป์ กำลังกดดันการเติบโตของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ซึ่งขัดแย้งกับนโยบายปรับลดภาษีให้กับภาคบริษัทภายในประเทศที่มีผลบังคับใช้เมื่อปี 2017 ทำให้นโยบายปรับลดภาษีไม่สามารถส่งผลได้เท่าที่ควร เนื่องจากภาคบริษัทที่ควรจะมีค่าใช้จ่ายด้านภาษีลดลง กลับต้องจ่ายต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้นเพื่อนำเข้าสินค้า

· นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ กล่าวยืนยันเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ต่อบรรดาเกษตรกรในรัฐเท็กซัส ว่าข้อตกลงการค้าที่ลงนามร่วมกับจีน จะผลักดันให้จีนเพิ่มปริมาณการเข้าซื้อสินค้าการเกษตรจากสหรัฐฯอย่างแน่นอน

· ผู้บริหารจากสถาบัน IMA Asia ระบุว่า มีโอกาส 50% ที่ข้อตกลงการค้าเฟสแรกระหว่างสหรัฐฯและจีนจะประสบความล้มเหลวภายในปีแรกของการลงนาม และโอกาสดังกล่าวจะลดลงเหลือ 25% ในปีถัดไป



โดยให้เหตุผลไว้ 2 ข้อ คือ 1) ในประวัติศาสตร์ ข้อตกลงการค้าใดๆที่เกิดขึ้นระหว่างรัฐบาลของประเทศหนึ่งกับอีกประเทศหนึ่ง มักจะไม่ค่อยประสบความสำเร็จเท่าที่คาดหวัง



และ 2) เนื้อหาของข้อตกลงที่ระบุว่า หากมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไม่พอใจต่อข้อตกลง ฝ่ายนั้นสามารถหันหลังให้กับข้อตกลงได้ทันที กล่าวคือ ข้อที่ระบุว่า สหรัฐฯสามารถลงโทษจีนเช่นไรก็ได้ หากจีนละเมิดข้อตกลง ซึ่งจีนก็น่าจะตอบแทนด้วยการเดินออกจากข้อตกลง

· ทีมวิจัยจากธนาคาร Danske Bank ระบุว่า สัปดาห์นี้ตลาดจะให้ความสนใจไปยังบรรดาธนาคารกลางเป็นปัจจัยเศรษฐกิจสำคัญ

โดยอีซีบีจะมีการประชุมในคืนวันพฤหัสบดีนี้ ส่วนบีโอเจจะมีกาประชุมในช่วงสายของวันอังคารสัปดาห์นี้



รวมถึงยังมีดัชนี PMI ของยุโรป สหรัฐฯ และอังกฤษ ในคืนวันศุกร์นี้



สำหรับฝั่งตลาดหุ้น นักลงทุนน่าจะให้ความสนใจไปยังการประกาศผลประกอบการของภาคบริษัท ที่มีสัญญาณเริ่มต้นที่ค่อนข้างสดใส

· จีนปรับคาดการณ์การเติบโตของเศรษฐกิจปีระหว่างปี 2014 – 2018 เพิ่ม 0.1% ทำให้รัฐบาลมีโอกาสที่จะสามารถบรรลุเป้าหมายผลักดันให้เศรษฐกิจเติบโตเป็น 2 เท่าภายในปี 2020 จากปี 2010

โดยจีนปรับอัตราเติบโตของ GDP ปี 2014 – 2018 สู่ระดับ 7.4%, 7.0%, 6.8%, 6.9% และ 6.7% จากเดิม 7.3%, 6.9%, 6.7%, 6.8% และ 6.6% ตามลำดับ



จากตัวเลขที่ถูกปรับปรุงใหม่ หากการเติบโตของเศรษฐกิจจีนปี 2020 อยู่ที่ระดับ 5.6% เป็นอย่างน้อย ก็จะเท่ากับว่ารัฐบาลจีนสามารถบรรลุเป้าหมายผลักดันให้เศรษฐกิจเติบโตเป็น 2 เท่าได้ภายใน 1 ทศวรรษ

· โฆษกประจำกระทรวงต่างประเทศอิหร่าน ระบุว่า อิหร่านยังคงเคารพข้อตกลงนิวเคลียร์ปี 2015 แม้อิหร่านจะประกาศลดการดำเนินการตามข้อตกลงลงไปบ้างก็ตาม พร้อมระบุว่า ข้อกล่าวหาของยุโรปที่ระบุว่าอิหร่านละเมิดข้อตกลง เป็นข้อกล่าวหาที่ไม่เหมาะสม



· WTI Price Analysis: ราคาย่อกลับลงมาต่ำกว่าเส้นค่าเฉลี่ยราย 200 ช.ม.

ราคาน้ำมัน WTI ช่วงสายวันนี้เคลื่อนไหวในแดนลบประมาณ 20 เซนต์ โดยไม่สามารถยืนเหนือเส้นค่าเฉลี่ยราย 200 ช.ม. ที่ 59.28 เหรียญ/บาร์เรลได้ หลังจากขึ้นไปทำระดับสูงสุดที่ 59.61 เหรียญ/บาร์เรล

เนื่องจากไม่สามารถยืนเหนือระดับทางเทคนิคได้ ราคาจะมีโอกาสย่อลงมาแถว 58.77 เหรียญ/บาร์เรล ซึ่งจะเป็นการปิด Gap ที่เปิดสูงขึ้นในเช้านี้แถว 59.32 เหรียญ/บาร์เรล หลังจากมีข่าวว่า อิรักและลิเบีย สมาชิกรายใหญ่ของกลุ่มโอเปก ประกาศระงับการผลิตน้ำมันลงชั่วคราว ท่ามกลาวความตึงเครียดในพื้นที่ตะวันออกกลาง

หากราคาไม่หลุดลงมาต่ำกว่า 58.77 เหรียญ/บาร์เรล และฟื้นตัวเหนือเส้นค่าเฉลี่ยราย 50 กับ 100 ช.ม. ราคาจะมีโอกาสฟื้นตัวกลับมาแถว 60 เหรียญ/บาร์เรล

ในทางกลับกัน หากราคาหลุดต่ำกว่าแนวรับ 58.77 เหรียญ/บาร์เรล จะโอกาสย่อตัวไปถึง 58.25 เหรียญ/บาร์เรล และถัดไปที่ 57.35 เหรียญ/บาร์เรล

· ราคาน้ำมันดิบปรับตัวสูงขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบสัปดาห์ หลังจากที่ฐานการผลิตน้ำมันดิบขนาดใหญ่สองแห่งในลิเบียเริ่มปิดตัวลงท่ามกลางการปิดล้อมของทหาร และการที่กลุ่มโอเปกลดกำลังการผลิตลง

น้ำมันดิบ Brent ปรับเพิ่มขึ้น 70 เซนต์ หรือ 1.11% ที่ระดับ 65.55 เหรียญ/บาร์เรล หลังทำระดับสูงสุดที่ 66 เหรียญ/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ 9 มกราคม ที่ผ่านมา ขณะที่ น้ำมันดิบ WTI ปรับเพิ่มขึ้น 56 เซนต์ หรือ 1% ที่ระดับ 59.10 เหรียญ/บาร์เรล หลังทำระดับสูงสุดที่ 59.73 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 10 มกราคม



ปัญหาความขัดแย้งภายในลิเบียระหว่างกองกำลัง 2 ฝ่ายที่มีประวัติศาสตร์ความขัดแย้งมาอย่างยาวนาน ล่าสุด สถาบัน National Oil Corporation (NOC) ได้ประกาศว่า ฐานผลิตน้ำมันขนาดใหญ่ในพื้นที่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของลิเบีย 2 แห่งเริ่มปิดตัวลง เนื่องจากกองกำลังที่จงรักภักดีต่อกองทัพลิเบียได้เคลื่อนพลปิดท่อส่งน้ำมัน

บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com