• สรุปข่าวเศรษฐกิจ (ภาคเช้า) ประจำวันที่ 16 มกราคม 2563

    16 มกราคม 2563 | Economic News

· ค่าเงินดอลลาร์ภาพรวมยังคงอ่อนค่าเมื่อเทียบกับค่าเงินยูโรและเงินเยนเมื่อวานนี้ หลังจากที่สหรัฐฯและจีนมีการลงนามข้อตกลงที่ลดความตึงเครียดทางการค้าระหว่างกันไปได้ ขณะที่หัวหน้านักกลยุทธ์ FX จาก Scotiabank กล่าวว่า ตลาดไม่ได้ตอบรับอะไรมากนักกับข่าวการลงนามการค้าทั้งหมด จึงเป็นปัจจัยลบต่อดอลลาร์ ขณะที่ความไม่แน่นอนต่างๆก็ยังคงมีอยู่

ค่าเงินยูโรปรับแข็งค่าขึ้น 0.22% ที่ 1.1151 ดอลลาร์/ยูโร ขณะที่เงินเยนแข็งค่า 0.05% ไปที่ 109.91 เยน/ดอลลาร์หลังไปทำอ่อนค่ามากที่สุดตั้งแต่พ.ค.ปีที่แล้วที่ 110.2 เยน/ดอลลาร์

ด้านเงินปอนด์แข็งค่าขึ้นหลังจากที่ข้อมูลเงินเฟ้ออังกฤษปรับตัวขึ้น แต่ก็ยังมีอัตราการชะลอตัวลงมามากที่สุดในรอบ 3 ปี จึงก่อให้เกิดความหวังว่าจะเห็นธนาคารกลางอังกฤษเดินหน้าปรับลดดอกเบี้ยในการประชุมเดือนนี้

· นักวิเคราะห์จาก UOB คาดว่า จีดีพีจีนปีนี้จะขยายตัวได้เพียง 5.9% ท่ามกลางระดับภาษีการค้ากับสหรัฐฯที่ยังคงอยู่ ขณะที่ค่าเงินหยวนจะเคลื่อนไหวในกรอบ 6.85 – 7.20 หยวน/ดอลลาร์


· สหรัฐฯและจีน ลงนามข้อตกลงเฟสแรกแล้ว

สหรัฐฯและจีนลงนามข้อตกลงเฟสแรกเป็นที่เรียบร้อยแล้วเมื่อวานนี้ ภายใต้ข้อตกลงที่จีนจะเพิ่มการนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯให้มีมูลค่าสูงกว่าปี 2017 พร้อมเพิ่มความเข้มงวดในกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับทรัพย์สินทางปัญญา แลกกับข้อแลกเปลี่ยนที่สหรับฯจะลดภาษีสินค้านำเข้าจากจีนลอตใหม่ลงกึ่งหนึ่ง ท่ามกลางภาษีนำเข้าส่วนใหญ่ยังคงอยู่

อย่างไรก็ดี บรรดานักวิเคราะห์และผู้นำในภาคอุตสาหกรรม ก็ดูจะมีความกังวลว่า การมาของข้อตกลงก็ยังดูจะล้มเหลวในการให้รายละเอียดเกี่ยวกับโครงสร้างทางเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบจากข้อขัดแย้งทางการค้า และไม่ได้มีการลดภาษีนำเข้าลงทั้งหมด จึงสะท้อนว่าเศรษฐกิจโลกยังเผชิญกับการชะลอตัวได้ รวมทั้งเป้าหมายการซื้อสินค้าที่เพิ่มขึ้นก็ดูจะเป็นเรื่องยากที่จะทำได้

ทั้งนี้ ทำเนียบขาวเปิดเผยว่า จีนจะเพิ่มการซื้อสินค้าเกษตร ตลอดจนสินค้าอื่นๆ ที่ครอบคลุมถึงภาคบริการสหรัฐฯในช่วง 2 ปี ที่มูลค่า 2 แสนล้านเหรียญ เพื่อให้มีมูลค่าสูงกว่า 1.86 แสนล้านเหรียญในปี 2017 ประกอบไปด้วย




- การซื้อสินค้าในกลุ่มพลังงานเพิ่ม 5.4 หมื่นล้านเหรียญ
(ปี 2020 ซื้อ 1.85 หมื่นล้านเหรียญ และ 2021 ซื้อ 3.39 หมื่นล้านเหรียญ)
- การซื้อสินค้าภาคการผลิตเพิ่ม 7.8 หมื่นล้านเหรียญ
(ปี 2020 ซื้อ 3.29 หมื่นล้านเหรียญ และ 2021 ซื้อ 4.48 หมื่นล้านเหรียญ)
- การซื้อสินค้าเกษตรเพิ่ม 3.2 หมื่นล้านเหรียญ
(ปี 2020 ซื้อ 1.25 หมื่นล้านเหรียญ และ 2021 ซื้อ 1.95 หมื่นล้านเหรียญ)
- การซื้อสินค้าในภาคบริการเพิ่ม 3.8 หมื่นล้านเหรียญ
(ปี 2020 ซื้อ 1.28 หมื่นล้านเหรียญ และ 2021 ซื้อ 2.51 หมื่นล้านเหรียญ)

นายหลิว เฮ่อ รองนายกรัฐมนตรีจีนกล่าวเสริมว่า บริษัทจีน จะทำการเข้าซื้อสินค้าเกษตรจากสหรัฐฯที่มูลค่า 4 หมื่นล้านเหรียญตลอดช่วง 2 ปีจากนี้ ขณะเดียวกันจีนก็ยังมีท่าทีที่ไม่เห็นด้วยต่อการซื้อสินค้าเกษตรจากสหรัฐฯในช่วงเบื้องต้น เนื่องจากจีนได้มีการลงนามสัญญาการเข้าซื้อถั่วเหลืองครั้งใหม่กับทางบราซิลไปในช่วงที่สงครามการค้าระหว่างสองประเทศเริ่มต้นขึ้น

ภาพรวมตลาดหุ้นตอบรับเชิงบวกและมีการไปทำสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยที่ข้อตกลงนำมาซึ่งการบรรเทาปัญหาความขัดแย้งทางการค้าระหว่างกันบางส่วนใหญ่ ขณะที่ราคาน้ำมันร่วงลงจากความไม่มั่นใจต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจโลกว่าจะช่วยหนุนอุปสงค์น้ำมันอย่างไร

· นายไมค์ เพนซ์ รองประธานาธิบดีสหรัฐฯ ให้สัมภาษณ์กับ Fox Business News โดยระบุว่า การหารือเกี่ยวกับการเริ่มเฟส 2 เริ่มต้นขึ้นแล้วหลังจากที่ทั้งสองฝ่ายได้ลงนามข้อตกลงการค้าเฟสแรกร่วมกัน

· นักวิเคราะห์บางส่วนมองว่าถึงแม้ปัญหาสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีนจะคลี่คลายลงไปได้บาง แต่ความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯและประเทศคู่ค้าอื่นๆก็อาจดำเนินต่อไปได้ โดยยุโรปอาจเป็นเป้าหมายต่อไปในการขึ้นภาษีของนายทรัมป์ หลังจากที่มีประเด็นกันในเรื่องสายการบินแอร์บัส และกรณีที่ฝรั่งเศสเก็บภาษีดิจิตัลบริษัทสหรัฐฯ ที่ทำให้ WTO อนุมัติให้สหรัฐฯสามารถเรียกเก็บค่าปรับผ่านการขึ้นภาษีได้ จึงส่งผลให้ทีมบริหารของนายทรัมป์กำลังพิจารณาการขึ้นภาษีไวน์และสินค้าอื่นๆของทางฝรั่งเศส และดูจะเป็นการเปิดประตูสู่ความเสี่ยงครั้งใหม่ทางการค้าของสหรัฐฯและยุโรป ซึ่งผลที่ตามมาอาจทำให้นักลทุนในตลาดหุ้นเลือกที่จะเทขายทำกำไรในหุ้น และลดความร้อนแรงของตลาดหุ้นลงได้ แต่ก็จะยังมีแรงซื้อกลับหลังจากที่เผชิญ Sell-off ในตลาดยุโรปช่วงไตรมาสแรกปีนี้

รายงานจาก Washington Post เมื่อวานนี้เผยว่า ทรัมป์ มีการขู่จะขึ้นภาษีกลุ่มรถยนต์ของยุโรป 25% หากว่าประเทศในแถบยุโรปไม่มีบทลงโทษต่อการที่อิหร่านละเมิดสนธิสัญญานิวเคลียร์

· ผู้อำนวยการสถาบัน Modern Terminals คาดหวังว่า กิจกรรมท่าเรือของฮ่องกงจะกลับมาคึกคักอีกครั้ง หลังการลงนามในข้อตกลงการค้าเฟสแรกระหว่างสหรัฐฯและจีน

โดยท่าเรือฮ่องกงนับเป็น 1 ในท่าเรือที่คึกคักที่สุดเมื่อเทียบตามปริมาณการซื้อขายในปี 2004 แต่หลังจากนั้นก็เริ่มที่จะชะลอตัวลง เนื่องจากท่าเรืออื่นๆในภูมิภาค โดยเฉพาะในประเทศจีนที่มีปริมาณซื้อขายมากขึ้นท่ามกลางการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศจีน

นอกจากนี้ ผู้อำนวยการยังมีความคิดเห็นว่า การที่จีนตกลงจะเข้าซื้อสินค้าและบริการจากสหรัฐฯเพิ่มเป็นมูลค่า 2 แสนล้านเหรียญ เป็นเรื่องที่ดี แต่สิ่งที่สำคัญกว่าคือการแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับการละเมิดลิขสิทธิ์และการบังคับส่งถ่ายเทคโนโลยี หากสามารถแก้ปัญหาในจุดนี้ได้ จะช่วยเปิดโอกาสให้เกิดอุตสาหกรรมทางการเงินและการประกันมากขึ้น และถ้าหากจีนทำให้ สหรัฐฯก็มีแนวโน้มที่จะกลับมาพิจารณาปรับลดภาษี

· นายโรเบิร์ต เคพแลนด์ ประธานเฟดสาขาดัลลัส กล่าวว่า นโยบายดอกเบี้ยระดับต่ำของเฟด ควบคู่กับความพยายามในการเพิ่มยอดงบดุลของเฟดเพื่อเสริมสภาพคล่องในตลาดการเงินดูเหมือนจะช่วยเพิ่มมูลค่าให้แก่สินทรัพย์เสี่ยงมากขึ้น

· สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯที่มีพรรคเดโมแครตเป็นฝ่ายครองเสียงข้างมาก มีมติส่งกระบวนการไต่สวนนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ทั้ง 2 ข้อกล่าวหาไปยังวุฒิสภา เพื่อทำให้กระบวนการไต่สวนสามารถดำเนินต่อไปได้อย่างเร็วที่สุดภายในสัปดาห์หน้า

ขณะที่วุฒิสภาซึ่งมีพรรครีพับลิกันเป็นฝ่ายครองเสียงข้างมาก ถูกคาดว่าจะลงมติให้นายทรัมป์พ้นความผิด เนื่องจากสมาชิกพรรครีพับลิกันทั้ง 53 คนในวุฒิสภาที่มี 100 ที่นั่ง ไม่สนับสนุนให้ถอดถอนนายทรัมป์ออกจากตำแหน่ง ซึ่งกระบวนการถอนถอนประธานาธิบดีจำเป็นต้องมีเสียงสนับสนุนอย่างน้อย 2 ใน 3 ของรัฐสภา

อย่างไรก็ตาม แม้นายทรัมป์จะมีโอกาสน้อยที่จะถูกถอดถอนออกจากตำแหน่ง แต่ก็จะเป็นประวัติเสื่อมเสียให้กับเขา และอาจส่งผลกระทบไปยังการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 3 พ.ย. ซึ่งปัจจุบัน นายโจ เบน คู่แข่งจากพรรคเดโมแครต ดูจะมีคะแนนความนิยมมากที่สุด และน่าจะไปท้าชิงตำแหน่งกับนายทรัมป์ในการเลือกตั้ง

· ราคาน้ำมันดิบปิดปรับตัวลงหลังจากที่รายงานจาก EIA เผยว่าสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐฯเพิ่มขึ้นสูงสุดทำระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ครั้งใหม่ที่ 13 ล้านบาร์เรล/วันในสัปดาห์ที่แล้ว ขณะที่ราคาอยู่ภายใต้แรงกดดันจากรายงานของโอเปกที่คาดว่า อุปสงค์น้ำมันปีนี้จะลดลง แม้ว่าจะมีความต้องการเพิ่มขึ้นจากทั่วโลกก็ตาม

น้ำมันดิบ Brent ปิดปรับลง 49 เซนต์ หรือ -0.8% ที่ 64 เหรียญ/บาร์เรล ขณะที่ WTI ปิดลง 42 เซนต์ หรือ -0.7% ที่ 57.81 เหรียญ/บาร์เรล โดยช่วงต้นตลาดน้ำมันดิบ WTI ปรับลงไปทำต่ำสุดตั้งแต่ 4 ธ.ค. ขณะที่ Brent ทำต่ำสุดตั้งแต่ 11 ธ.ค.

· นายฮัสซัน โรฮานี ประธานาธิบดีอิหร่าน ได้กล่าวสุนทรพจน์ด้วยความไม่พอใจเกี่ยวกับการที่ทหารสหรัฐฯและยุโรปตั้งฐานทัพอยู่ในพื้นที่ พร้อมเตือนว่า ทหารเหล่านั้นจะ “ตกอยู่ในอันตราย” ภายในวันพรุ่งนี้ ซึ่งนับเป็นครั้งแรกที่ประธานาธิบดีอิหร่านมีการกล่าวข่มขู่ทหารยุโรป รวมถึงยังเรียกร้องให้ทหารถอนกำลังออกจากพื้นที่และให้ขอโทษในอาชญากรรมที่พวกเขาเคยได้ทำเอาไว้เสีย

บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com