• สรุปข่าวเศรษฐกิจ (ภาคเช้า) ประจำวันที่ 6 มกราคม 2563

    6 มกราคม 2563 | Economic News

· ค่าเงินในสกุลสินทรัพย์ปลอดภัยปรับตัวสูงขึ้น โดยค่าเงินเยนไปทำระดับสูงสุดรอบเดือนหลังเกิดเหตุการณ์ที่สหรัฐฯโจมตีทางอากาศในอิรักและส่งผลให้มีเจ้าหน้าที่ระดับอาวุโสทางการทหารของอิหร่านเสียชีวิต จึงยิ่งจุดประกายความตึงเครียดในตะวันออกกลางให้ทวีความรุนแรงมากขึ้น

ทั้งนี้ ตราสารหนี้ น้ำมัน และทองคำ ฟื้นตัวอย่าง่ต่อเนื่อง หลังมีรายงานการเสียชีวิตของ พลตรีคาเซม โซเลมานี ผู้บัญชาการกองกำลังคุดส์ของอิหร่าน จากเหตุโจมตีดังกล่าว ขณะที่ทางเพนตากอนยืนยันการโจมตี และระบุถึงแผนความคืบหน้าของนายโซเลามนีที่ต้องการโจมตีสหรัฐฯในอิรัก รวมทั้งตะวันออกกลาง

ค่าเงินเยนทำระดับแข็งค่ามากที่สุดในรอบ 2 เดือนบริเวณ 107.92 เยน/ดอลลาร์ หรือปรับแข็งค่าประมาณ 0.5% ในวันศุกร์

อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯอายุ 10 ปี ปรับตัวลงทำต่ำสุดในรอบสัปดาห์บริเวณ 1.814% หลังจากที่ทำระดับสูงสุดของวันที่ 1.946%

ทางด้านดัชนีดอลลาร์ปรับอ่อนค่าลงมาแนว 96.835 จุด จากระดับสูงสุดช่วงต้นตลาดบริเวณ 96.873 จุด

· สถาบันจัดการด้านอุปทานสหรัฐฯหรือ ISM เผยว่า ดัชนี PMI ภาคการผลิตสหรัฐฯในเดือน ธ.ค. ปรับตัวลงมากที่สุดในรอบกว่า 10 ปีในเดือนธ.ค. แตะระดับ 47.2 จุด จากเดือนก่อนหน้าที่ 48.1 จุด ซึ่งข้อมูลล่าสุดถือเป็นระดับต่ำสุดตั้งแต่มิ.ย. ปี 2009 ท่ามกลางภาวะสงครามการค้าที่ดูจะจำกัดในส่วนของภาคโรงงาน, คำสั่งซื้อ และการจ้างงาน แม้ว่าจะเห็นข้อตกลงเฟสแรกระหว่างสหรัฐฯและจีน แต่ก็ดูเหมือนจะช่วยจำกัดภาวะขาลงได้บ้าง

ทั้งนี้ ภาคการผลิตสหรัฐฯโดยองค์รวมถูกกดดันมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงครึ่งปีหลังของปี 2019 ที่ผ่านมาจากความยืดเยื้อและตึงเครียดของ Trade War ระหว่างสหรัฐฯและจีน ที่ดูจะส่งผลต่อเศรษฐกิจของทั้งสองประเทศ รวมไปถึงการเติบโตทางเศรษฐกิจโลก

· รายงานการประชุมเฟดประจำวันที่ 10-11 ธ.ค. ที่ผ่านมา แสดงให้เห็นว่าสมาชิกเฟด 2-3 รายมีความกังวลมากขึ้นต่อการคงดอกเบี้ยเป็นเวลานานที่อาจทำให้ภาคการเงินเผชิญกับภาวะไร้สมดุล ขณะที่ส่วนใหญ่มองว่าการคงดอกเบี้ยไว้เป็นเรื่องเหมาะสมในเวลานี้

· ถ้อยแถลงบรรดาสมาชิกเฟด

- นายชาร์ล อีวานส์ ประธานเฟดสาขาชิคาโก กล่าวว่า ปัจจัยพื้นฐานของสหรัฐฯอยู่ในทิศทางที่ดีเวลานี้ รวมทั้งตลาดแรงงานยังคงมีความแข็งแกร่ง และจีดีพีมีแนวโน้มจะขยายตัวได้ในกรอบ 2-2.25% ในปีนี้ แต่ก็ยังคงมีความไม่แน่นอนจำนวนมากที่ต้องติดตาม โดยเฉพาะนโยบายภาษีที่ส่งผลให้เกิดความตึงเครียดทางการค้า

- นายโธมัส บาร์กิน ประธานเฟดสาขาริชมอนด์ เป็นอีกหนึ่งสมาชิกเฟดที่มีมุมมองต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯในเชิงบวก และค่อนข้างมั่นใจต่อข้อมูลตลาดแรงงาน และค่าใช้จ่ายในช่วงวันหยุด ซึ่งการที่เฟดได้ตัดสินใจปรับลดดอกเบี้ยในปีที่ผ่านมา 3 ครั้งก็ดูจะช่วยสนับสนุนให้อุปสงค์ของที่อยู่อาศัย, รถยนต์ และการใช้จ่ายในกลุ่มผู้บริโภคนั้นปรับตัวสูงขึ้นได้

- นางแมร์รี่ ดาร์ลี่ ประธานเฟดสาขาซานฟรานซิสโก กล่าวว่า เฟดจะหาทางต่อสู้กับเงินเฟ้อที่อยู่ในระดับต่ำมาเป็นเวลาหลายปี ซึ่งอาจเห็นเฟดจำเป็นต้องมีการปรับกรอบนโยบายใหม่เพื่อให้เงินเฟ้อนั้นสามารถขยายตัวถึงเป้าหมาย 2% ที่เฟดกำหนด

- นางลอเรตต้า เมสเตอร์ ประธานเฟดสาขาเคฟแลนด์ ระบุถึง สมาชิกเฟดโดยส่วนใหญ่ยังมีความกังวลต่อการใช้นโยบายผ่อนคลายทางการเงินที่อาจสร้างความเสี่ยงต่อการปรับขึ้นมากเกินความจำเป็นของเงินเฟ้อ และเฟดน่าจะตั้งใจปล่อยให้ระดับดอกเบี้ยคงเดิมต่อไปก่อนจนกว่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงของทิศทางเศรษฐกิจในเวลานี้

· รายงานจาก South China Morning Post (SCMP) เผยว่า คณะผู้แทนทางการค้าของจีน นำโดย นายหลิว เฮ่อ รองนายกรัฐมนตรีจีน มีแผนจะเดินทางมายังประเทศสหรัฐฯในวันที่ 13 ม.ค.นี้ เพื่อลงนามข้อตกลงเฟสแรกและจะเดินทางกลับในวันที่ 16 ม.ค.

· รายงานจากธนาคารกลางจีน เผยว่า จีนจะยังคงแนวทางการดำเนินนโยบายทางการเงินด้วยความรอบคอบ ยืดหยุ่น และเป็นไปอย่างเหมาะสม สอดคล้องกับแผนปฏิรูปทางการเงิน ซึ่งถึงแม้เศรษฐกิจของประเทศจะมีการเติบโตที่ชะลอตัวลงใกล้ระดับต่ำสุดรอบ 30 ปี ที่ 6% เมื่อช่วงไตรมาสที่ 3/2019 แต่ก็คาดว่าภาพรวมของปี 2019 จะเติบโตได้ภายใต้กรอบที่รัฐบาลตั้งไว้ 6%-6.5%

· นายบอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีอังกฤษได้รับชัยชนะในการอนุมัติแผน Brexit ของเขาจากทางรัฐสภาเมื่อคืนวันศุกร์ ซึ่งถือเป็นขั้นแรกของเขาในการเดินหน้าพาประเทศออกจากอียูภายใน 31 ม.ค.นี้


· สถานการณ์ตึงเครียดสหรัฐฯ-ตะวันออกกลาง

นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้ทวิตเตอร์ข้อความเตือนอิหร่าน โดยระบุว่า สหรัฐฯกำลังเล็งเป้าพื้นที่โจมตี 52 แห่งที่เป็นแหล่งผลประโยชน์ของอิหร่าน ซึ่งการโจมตีดังกล่าวจะเกิดขึ้นรวดเร็วและรุนแรงหากรัฐบาลอิหร่านทำการโจมตีพลเมืองสหรัฐฯ หรือผลประโยชน์ของสหรัฐฯในการล้างแค้นให้กับการเสียชีวิตของนายโซเลมานี

สำนักข่าวรอยเตอร์ส รายงานเหตุความคืบหน้าของความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯและอิหร่าน โดยระบุว่า ทางสภาของอิรักมีมติเห็นชอบไม่ให้สหรัฐฯใช้พื้นที่ใดพื้นที่หนึ่งของประเทศเป็นฐานบัญชาการการโจมตีอิหร่านทั้งบนบก, ทางน้ำ และทางอากาศ โดยเรียกร้องให้ทหารสหรัฐฯออกจากประเทศทั้งหมด เนื่องจากไม่มีความจำเป็นต้องอยู่หลังกลุ่ม IS ได้สลายไปหมดแล้ว

ด้านโฆษกกระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐฯ แสดงความผิดหวังต่อการตัดสินใจดังกล่าวของอิรักและเรียกร้องให้กลุ่มผู้นำอิรักมีการพิจารณาความสำคัญครั้งใหม่อีกครั้งเพื่อความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจและความมั่นคงระหว่างสองประเทศ โดยยังคงมีทหารสหรัฐฯกว่า 5,000 นายที่ยังประจำการอยู่ในอิรัก

ทางด้านอิหร่าน ประกาศกร้าวในการยุติการปฏิบัติตามข้อตกลงนิวเคลียร์ทั้งหมดที่มีร่วมกับชาติตะวันตก และพร้อมเดินหน้าเสริมสมรรถนะ, การวิจัย รวมทั้งการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์อย่างเต็มรูปแบบเพื่อเป็นการปกป้องตนเอง

ล่าสุดในเช้าวันนี้ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ข่มขู่จะคว่ำบาตรอิรักด้วยมาตรการ "อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน" หลังจากรัฐบาลอิรักผ่านร่างกฏหมายขับไล่กองกำลังต่างชาติออกจากประเทศ

· ราคาน้ำมันดิบปิดปรับขึ้นเกือบ 3 เหรียญ เช่นเดียวกับทองคำ, เยน และสินทรัพย์ปลอดภัยอื่นๆ รวมทั้งตราสารหนี้ที่ฟื้นตัวได้ทั้งหมดจากเหตุตึงเครียดสะหรัฐฯ-อิหร่าน โดยน้ำมันดิบ Brent ปิดปรับขึ้น 2.35 เหรียญ ที่ระดับ 68.60 เหรียญ/บาร์เรล หลังไปทำสูงสุดที่ 69.20 เหรียญ/บาร์เรล ขณะที่น้ำมันดิบ WTI ปิดปรับขึ้น 1.87 เหรียญ ที่ระดับ 63.05 เหรียญ/บาร์เรล และระหว่างวันไปทำสูงสุดที่ 64.09 เหรียญ/บาร์เรล ซึ่งเป็นสูงสุดนับตั้งแต่เม.ย. ปี 2019

บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com