• สรุปข่าวเศรษฐกิจ (ภาคค่ำ) ประจำวันที่ 25 ธันวาคม 2562

    25 ธันวาคม 2562 | Economic News

· ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นเล็กน้อยเมื่อเทียบกับเงินยูโร ท่ามกลางการซื้อขายที่เบาบางก่อนเข้าสู่วันหยุดคริสมาสต์ ขณะที่ค่าเงินปอนด์มีแนวโน้มฟื้นตัวหลังจากที่อ่อนค่าติดต่อกัน 5 วันทำการ

โดยค่าเงินดอลลาร์เมื่อเทียบกับยูโรแข็งค่า 0.05%



นักวิเคราะห์จากสถาบัน Bannockburn Global Forex ระบุว่า ตลาดส่วนใหญ่ปิดในวันคริสต์มาส บางส่วนที่ยังเปิดอยู่ก็มีการซื้อขายที่เบาบาง



ดัชนีดอลลาร์แข็งค่าเล็กน้อย 0.06% แถว 97.715 จุด สำหรับภาพรวมตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบัน ดัชนีดอลลาร์แข็งค่าได้ 1.6% ท่ามกลางการเข้าซื้อในฐานะ Safe-haven เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกและสงครามการค้า เนื่องจากเศรษฐกิจสหรัฐฯมีการขยายตัวที่ดีกว่าประเทศอื่นๆ






· คาดการณ์ค่าเงินยูโรปี 2020

ค่าเงินยูโรมีแนวโน้มปิดตลาดปี 2019 ในแดนลบ โดยเปิดตลาดปีนี้ที่ระดับ 1.1460 ดอลลาร์/ยูโร และในช่วงปลายปีเคลื่อนไหวต่ำกว่าระดับ 1.1100 ดอลลาร์/ยูโร โดยทำระดับต่ำสุดปีนี้ที่ 1.0978 ดอลลาร์/ยูโร แนวโน้มทิศทางขาลงในกราฟรายเดือนก็ยังคงอยู่อย่างแข็งแกร่ง และยังไม่มีท่าทีว่าทิศทางขาลงจะอ่อนกำลังลงแต่อย่างใด


ตามกราฟรายเดือนที่ยกมา ค่าเงินเคลื่อนไหวต่ำกว่าเส้นค่าเฉลี่ยสำคัญตั้งแต่ระดับ 1.1320 ดอลลาร์/ยูโร ซึ่งเป็นเส้นค่าเฉลี่ยราย 20 วัน ตามมาด้วย 1.1265 ดอลลาร์/ยูโร และ 1.1510 ดอลลาร์/ยูโร ซึ่งระดับดังกล่าว ถือเป็นแนวต้านสำคัญที่ต่าเงินจะต้องยืนเหนือให้ได้ก่อน ทิศทางขาขึ้นถึงจะเริ่มกลับมาอีกครั้ง แต่สัญญาณทางเทคนิคในปัจจุบันก็ยังคงในท่าทีที่ค่าเงินจะสามารถฟื้นตัวขึ้นได้ในเร็วๆนี้


สำหรับภาพรวมรายสัปดาห์ ค่าเงินยูโรมีการเคลื่อนไหวแบบ Neutral หรือขาดทิศทางที่ชัดเจน โดยทรงตัวแถวเส้นค่าเฉลี่ยราย 20 วัน แต่ยังต่ำกว่าบรรดาเส้นค่าเฉลี่ยที่ระยะยาวกว่า ซึ่งบ่งชี้ถึงแรงกดดันในทิศทางขาลงที่ผ่อนคลายบ้างเล็กน้อย

ทั้งนี้ แนวรับสำคัญของค่าเงินจะอยู่ที่ระดับ 1.1000 ดอลลาร์/ยูโร ซึ่งถือเป็นแนวรับสำคัญทางจิตวิทยา หากหลุดลงอาจย่อตัวลงไปบริเวณ 1.0880 -1.0720 ดอลลาร์/ยูโร และสุดท้ายที่ระดับ 1.0340 ดอลลาร์/ยูโร ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดของปี 2017



· นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ประกาศว่า เขาและนายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน จะร่วมลงนามในข้อตกลงการค้าเฟสแรกระหว่างสหรัฐฯและจีนที่สามารถตกลงกันได้

ขณะที่ยังไม่มีการยืนยันออกมาจากฝั่งจีน แต่ทางกระทรวงพาณิชย์จีนได้เคยระบุว่า รายละเอียดของข้อตกลงจะถูกเปิดเผยออกสู่สาธารณะหลังการลงนามอย่างเป็นทางการ





· นางคริสตาลินา จอร์เจียวา หัวหน้ากองทุน IMF คนใหม่ ระบุว่า ข้อตกลงทางการค้าเฟสแรกระหว่างสหรัฐฯและจีนเป็นไปในเชิงบวกต่อทั้งสองประเทศและเศรษฐกิจโลก โดยคาดว่าข้อตกลงการค้าระหว่างทั้งสองประเทศจะช่วยหนุนให้เศรษฐกิจจีนเติบโตได้ประมาณ 6% ในปีหน้า ปรับตัวสูงขึ้นจากคาดการณ์เดิมที่ 5.8% ในช่วงเดือนต.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งการคาดการณ์ก่อนหน้านี้เกิดขึ้นก่อนที่สหรัฐฯและจีนจะตกลงกันในเฟสแรกร่วมกันได้ จึงช่วยยุติสงครามการค้าที่ยืดเยื้อมา 18 เดือน,ลดภาษีสินค้านำเข้า,จีนเข้าซื้อสินค้าเกษตรจากสหรัฐฯเพิ่มมากขึ้น และมีความมุ่งมั่นในการปฏิรูปโครงสร้าง รวมทั้งการเปลี่ยนแปลงอื่น ๆ ต่อระบบเศรษฐกิจและการค้าของจีน



พร้อมทั้งระบุว่า ข้อตกลงดังกล่าวน่าจะช่วยลดผลกระทบของสงครามการค้าที่มีต่อเศรษฐกิจโลกและแน่นอนว่ามันจะเป็นประโยชน์ต่อการเติบโตของจีน แต่เตือนด้วยว่านี่เป็นเพียงการพักรบ “ เพื่อรักษาผลกระทบเชิงบวกต่อโลก ดังนั้นเราควรที่จะต้องเปลี่ยนจากการพักรบเพื่อสันติภาพ”





· นักวิเคราะห์จากสถาบัน Center for National Interest มีมุมมองว่า สหรัฐฯควรเลิกคาดหวังว่าเกาหลีเหนือจะ “ยอมจำนน” โดยง่ายและหันมาเจรจากับสหรัฐฯ โดยเกาหลีเหนือมีแนวโน้มที่จะกลับมาทดสอบขีปนาวุธระยะไกลเหมือนเมื่อปี 2017 อีกครั้ง เนื่องจากสัญญาณถึงความเป็นไปได้ดังกล่าวค่อนข้างชัดเจนมากขึ้นเรื่อยๆเมื่อไม่นานมานี้



ทั้งนี้ หลังจากที่ทางเกาหลีเหนือระบุว่า จะมี “ของขวัญ” วันคริสมาสต์ให้กับสหรัฐฯ ซึ่งผู้เชี่ยวชาญส่วนใหญ่กังวลว่าอาจเป็นขีปนาวุธระยะไกล ขณะที่นายนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ กล่าวติดตลกว่า อาจเป็น “แจกันสวยๆ คงไม่ใช่ขีปนาวุธ ตามที่หลายๆฝ่ายกังวลหรอก”





· คาดการณ์ราคาน้ำมัน WTI ปี 2020



ภาพรวมปี 2019 สำหรับราคาน้ำมัน WTI เป็นปีที่ค่อนข้างสมดุล การที่ราคาสามารถปรับสูงขึ้นในช่วงต้นปี กลับย่อตัวลงมาใกล้เคียงระดับเปิดตลาดในช่วงปลายปี โดยมีปัจจัยหลักมาจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีนที่ตึงเครียดในช่วงต้นปี และผ่อนคลายลงในช่วงปลายปี รวมถึงความพยายามปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันของกลุ่มโอเปกและประเทศพันธมิตรเพื่อรักษาสมดุลให้กับตลาด


WTI Oil Technical Analysis


ราคามีแนวโน้มที่จะ Break กรอบลักษณะ Symmetrical triangle ระยะยาวที่เคลื่อนไหวมาตลอดช่วงปีก่อน โดยหากราคา Break ออกจากแนวต้านของกรอบสามเหลี่ยม จะเป็นสัญญาณของทิศทางขาขึ้นในระยะกลาง

สำหรับฝั่งขาขึ้น ราคาจะเผชิญแนวต้านแรกที่บริเวณ 63.20 – 63.60 เหรียญ/บาร์เรล หากผ่านมาได้จะมีแนวต้านถัดไปที่ 66.57 เหรียญ/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับสูงสุดของปี 2019 หากยังผ่านขึ้นมาได้ ก็แนวโน้มสูงที่จะไปถึงระดับ 70.00 เหรียญ/บาร์เรล


ในกรณีที่ราคาปรับตัวลดลง จะมีแนวรับที่ระดับ 57.00 – 55.00 เหรียญ/บาร์เรล และสุดท้ายที่ 50.00 เหรียญ/บาร์เรล ซึ่งราคาน่าจะมีการรีบาวน์และกลับเป็นทิศทางขาขึ้นจากระดับนี้ได้ แต่ถ้ายังปรับลดลงต่อไปอีก จะมีแนวรับที่ 44.52 เหรียญ/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดของปี 2019 และถัดไปที่ 42.45 เหรียญ/บาร์เรล


ทั้งนี้ เมื่อพิจารณาจากแนวโน้มทางเทคนิคและปัจจัยพื้นฐานแล้ว ราคาน้ำมัน WTI ในปี 2020 มีแนวโน้มที่จะเคลื่อนไหวในทิศทางขาขึ้นในช่วงต้นปี และจะเริ่มทรงตัวแบบสะสมพลังในภายหลัง

บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com