• สรุปข่าวเศรษฐกิจ (ภาคเช้า) ประจำวันที่ 23 ธันวาคม 2562

    23 ธันวาคม 2562 | Economic News

· ค่าเงินดอลลาร์ค่อนข้างทรงตัวเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักส่วนใหญ่เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา แต่ภาพรวมยังถือเป็นสัปดาห์ที่ดีทีสุดสำหรับดอลลาร์ โดยได้รับอานิสงส์จากข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯที่แข็งแกร่ง โดยดัชนีดอลลาร์ทรงตัวบริเวณ 97.41 จุด โดยปรับตัวขึ้นได้ประมาณ 0.9% จากระดับต่ำสุดรอบ 5 เดือนที่ทำไว้ในสัปดาห์ก่อน ขณะที่ภาพรวมสัปดาห์ที่แล้วปรับขึ้นได้ประมาณ 0.3% ถือเป็นการปรับขึ้นรายสัปดาห์ที่มากที่สุดของเดือนธ.ค.

ค่าเงินปอนด์อ่อนค่าลงจากความกังวลครั้งใหม่เกี่ยวกับภาวะ Hard Brexit จึงทำให้ภาพสัปดาห์ที่ผ่านมาถือว่าแย่ที่สุดในช่วง 2 ปีเมื่อเทียบกับดอลลาร์ แต่เมื่อเทียบกับยูโรจะพบว่าระดับสัปดาห์นั้นเงินปอนด์อ่อนค่าลงมากที่สุดนับตั้งแต่ก.ค. ปี 2017 โดยล่าสุดเงินปอนด์ทรงตัวที่ 1.3023 ดอลลาร์/ปอนด์

อย่างไรก็ดี ตลาดค่อนข้างเบาบางก่อนเข้าสู่ช่วงเทศกาลคริสมาสต์ และปีใหม่ที่จะถึงนี้

ค่าเงินยูโรทรงตัวบริเวณ 1.11210 ดอลลาร์/ยูโร ขณะที่ค่าเงินเยนทรงตัวบริเวณ 109.39 เยน/ดอลลาร์

· นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ กล่าวว่า สหรัฐฯและจีนอาจจะลงนามข้อตกลงเฟสแรกกันได้ในไม่ช้า

· นักเศรษฐศาสตร์จาก S&P Global Ratings กล่าวว่า ตลาดค่อนข้างตอบรับกับการผ่อนคลายทางการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีนเกี่ยวกับข้อตกลงเฟสแรกที่ดูจะช่วยบรรเทาความเสี่ยงของภาวการณ์เติบโตทางเศรษฐกิจโลก แต่ปัจจัยเสี่ยงอื่นๆก็ยังคงมีอยู่ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการควบคุมด้านเทคโนโลยี ที่ดูเหมือนสหรัฐฯน่าจะกดดันจีนต่อไป และน่าจะสร้างความไม่แน่นอนมากขึ้น รวมทั้งเพิ่มความวิตกกังวลได้อีกครั้งตลอดปี 2020

ทั้งนี้ แม้สหรัฐฯและจีนจะมีข้อตกลงสงบศึกการค้าเป็นการชั่วคราวที่ทำให้ภาวะการเติบโตทางเศรษฐกิจโลกเปลี่ยนแปลงไปและทำให้ตลาดหุ้นปรับตัวสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์ได้ แต่ก็ต้องดูระดับภาษีควบคู่ไปด้วย ซึ่งในเรื่องเทคโนโลยี และการยกเลิกการจัดเก็บภาษีก็ดูจะเป็นเรื่องที่ยังซับซ้อน และมีความเสี่ยงจะสร้างความตึงเครียดให้เพิ่มขึ้นได้ และเมื่อคำนึงถึงระยะยาวน่าจะส่งผลกระทบครั้งใหญ่ได้

· นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ลงนามงบประมาณ 1.4 ล้านล้านเหรียญสำหรับปีงบประมาณ 2020 เพื่อหลีกเลี่ยงภาวะ Shutdown ของรัฐบาลสหรัฐฯ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

· รายงานจาก CNBC ระบุว่า มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของญี่ปุ่นที่เรียกว่า “Abenomics” เห็นผลชัดต่อการกระตุ้นเศรษฐกิจรวมทั้งยอดส่งออกจากภาวะอุปสงค์ทั่วโลกชะลอตัว แต่การชะลอตัวของปัญหาดังกล่าวอาจส่งผลให้รัฐบาลญี่ปุ่นและบีโอเจจำเป็นต้องเพิ่มมาตรการและวิธีกระตุ้นเศรษฐกิจของญี่ปุ่นในปี 2020 ขณะที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ไม่คาดว่าจีดีพีไตรมาสที่ 4/2019 ของญี่ปุ่นจะหดตัวตราบเท่าที่สหรัฐฯและญี่ปุ่นสามารถพูดคุยและตกลงกันได้เรื่องการค้า

· ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลงคืนวันศุกร์ แต่ภาพรวมสัปดาห์ที่ผ่านมายังเป็นไปในแดนบวกเนื่องจากได้รับอานิสงส์จากภาวะตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีนที่ผ่อนคลายลง จึงหนุนความเชื่อมั่นทางภาคธุรกิจและแนวโน้มการเติบโตทางเศรษฐกิจโลก

น้ำมันดิบ Brent ปิดปรับลง 48 เซนต์ หรือ -0.7% ที่ระดับ 66.06 เหรียญ/บาร์เรล ขณะที่น้ำมันดิบ WTI ปิดปรับลง 74 เซนต์ หรือ +1.2% ที่ระดับ 60.44 เหรียญ/บาร์เรล แม้ว่าภาพรวมราคาน้ำมันดิบ WTI ปิดสัปดาห์ที่ +0.5%

· กองกำลังตำรวจปราบจลาจลของฮ่องกงได้ใช้สเปย์พริกไทยในการสลายการชุมนุมของชาวฮ่องกง หลังจากที่การเดินขบวนสนับสนุนสิทธิมนุษยชนของชาวอุยกูร์ที่เริ่มต้นด้วยความสงบ กลับขยายตัวกลายเป็นความวุ่นวายเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา


บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com