• สรุปข่าวเศรษฐกิจ (ภาคค่ำ) ประจำวันที่ 18 ธันวาคม 2562

    18 ธันวาคม 2562 | Economic News

· ค่าเงินปอนด์อ่อนค่าลงอย่างหนัก หลังจากที่อังกฤษอาจเผชิญกับภาวะ Hard Brexit ได้ จึงกลับมาจุดประกายความกังวลต่อทิศทางการออกจากอียูของอังกฤษอีกครั้ง โดยเงินปอนด์ร่วงลงกว่า 6% ซึี่งเป็นระดับการอ่อนค่าลงที่มากที่สุดของปีนี้ หลังจากที่ นายบอริส จอห์นสันจะผลักดัน Brexit ให้ได้ในปีหน้า แต่จะมีการออกกฎหมายขวางการขยายเวลาหากเกินสิ้นปี 2020

ค่าเงินปอนด์ปรับแข็งค่าขึ้นเหนือ 1.35 ดอลลาร์/ปอนด์ หลังจากที่ นายบอริส คว้าชัยชนะการเลือกตั้งช่วงปลายสัปดาห์ที่แล้ว ก่อนที่จะปรับตัวลงมาแถว 1.3133 ดอลลาร์/ปอนด์ เมื่อวานนี้


ผลสำรวจภาคธุรกิจของเยอรมันในช่วงบ่ายวันนี้ ประกอบกับถ้อยแถลงของ นางคริสติน ลาการ์ด ประธานอีซีบี ดูจะเป็นปัจจัยที่ตลาดให้ความสนใจควบคู่กับ ถ้อยแถลงของนายชาร์ล อีวานส์ ประธานเฟดสาขาชิคาโกด้วย จึงเห็นค่าเงินยูโรทรงตัวอยู่แถว 1.1151 ดอลลาร์/ยูโร

· หนึ่งในปัจจัยที่สำคัญที่สุดของปี 2020 คือการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯในเดือน พ.ย. ซึ่งตลาดกำลังเตรียมรับมือกับความเสี่ยงของกรณีที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ชนะการเลือกตั้งและดำรงตำแหน่งเป็นสมัยที่สอง

ซึ่งนักวิเคราะห์จากสถาบัน Cowen policy มองว่า กรณีดังกล่าวจะทำให้ “ทรัมป์หยุดไม่อยู่” และนำไปสู่ 1) สงครามการค้าที่ขยายเป็นวงกว้าง 2) การลงจากตำแหน่งประธานเฟดของนายเจอโรม โพเวลล์ และ 3) การปรับลดภาษีส่วนบุคคลรอบใหม่

ทั้งนี้ มีความเป็นไปได้ที่กรณีสภาคองเกรสแบ่งแยกออกเป็น 2 ฝั่ง กล่าวคือ รีพับลิกันครองสภาสูง ส่วนเดโมแครตครองสภาล่าง อาจเป็นปัจจัยที่ช่วยให้นายทรัมป์ยังอยู่ในการควบคุมได้บ้าง ซึ่งโพลสำรวจล่าสุดของ PredictIt แสดงให้เห็นว่า รีพับลิกันมีโอกาสครองสภาสูงอยู่ที่ 66% ส่วนเดโมแครตมีโอกาสครองสภาล่างอยู่ที่ 74%

· ไม่ถึงหนึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมาหลังจากนายบอริส จอร์นสัน ได้รับชัยชนะอย่างถล่มทลายในการเลือกตั้งทั่วไปของอังกฤษ กำลังวางแผนที่จะทำตามคำมั่นสัญญา “ทำให้ Brexit แล้วเสร็จ”

โดยเมื่อวานนี้ สำนักนายกรัฐมนตรีอังกฤษ กล่าวว่า รัฐสภาอาจมีการลงมติข้อตกลง Brexit ของนายจอห์นสันเป็นครั้งแรก อย่างเร็วที่สุดภายในวันศุกร์นี้นั่นจะนับเป็นก้าวแรก ก่อนถึงกำหนดการที่อังกฤษจะถอนตัวออกจากอียูในวันที่ 31 ม.ค. 2020

อย่างไรก็ตาม เมื่อวานนี้นายจอห์นสันยังได้ส่งสัญญาณที่จะไม่อนุมัติให้สามารถขอขยายระยะเวลาของ Brexit ออกไปมากกว่าปี 2020 ได้ ซึ่งหมายความว่า อังกฤษและอียูจะมีเวลาสำหรับการเจรจาหาข้อตกลงการค้าให้ได้เพียง 11 เดือน หรือนับตั้งแต่วันที่ 31 ม.ค. 2020 ถึง 31 ธ.ค. 2020

· ยอดส่งออกของญี่ปุ่นประจำเดือนพ.ย.ปรับลดลงติดต่อกัน 12 เดือน เนื่องจากการขนส่งไปยังสหรัฐฯและจีนร่วงลง ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ ทำให้ความเสี่ยงของการหดตัวในไตรมาส 4

รายงานระบุว่า ยอดส่งออกเดือนพ.ย.ร่วงลง 7.9% เมื่อเทียบเป็นรายปี แตะที่ระดับ 6.38 ล้านล้านเยน ซึ่งลดลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 12 ขณะที่ยอดนำเข้าทรุดตัวลง 15.7% สู่ระดับ 6.46 ล้านล้านเยน ซึ่งลดลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 7

· Thomson Reuters/INSEAD เผยดัชนีวัดความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจของผู้ประกอบการในภูมิภาคเอเชียประจำไตรมาสที่ 4/2019 โดยดัชนีรีบาวน์สูงขึ้นทำระดับสูงสุดในรอบ 18 ปี จากระดับ 13 จุด สู่ระดับ 71 จุด ท่ามกลางความเชื่อมั่นทางการค้าที่ดูดีขึ้น แม้ด้านการจ้างงานจะยังดูไม่ค่อยสดใสเท่าไหร่นัก

· รายงานจากที่ปรึกษาการค้าสหรัฐฯ ระบุว่า ทางการจีนจะทำการเข้าซื้อสินค้าเกษตรสหรัฐฯโดยอาจจะกำหนดถึงจำนวนการเข้าซื้อที่ควรจะเป็นสำหรับข้อตกลงการค้าเฟสแรก โดยที่จีนได้เคยให้คำมั่นที่จะทำการเข้าซื้อสินค้าเกษตรจากสหรัฐฯเพิ่มในช่วง 2 ปี อย่างน้อยที่สุด 8 หมื่นล้านเหรียญ โดยการเข้าซื้ออาจเป็นการค่อยๆเข้าซื้อตามเงื่อนไขของตลาด

· Forex Live ระบุว่า ตลาดกำลังรอถ้อยแถลงของนางคริสติน ลาการ์ด ประธานอีซีบีในวันนี้ พร้อมๆกับถ้อยแถลงของ นายมาริโอ ดรากี้ อดีตประธานอีซีบีด้วย

· ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลง หลังจากข้อมูลสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐฯที่ออกมาสูงขึ้นเกินคาด อย่างไรก็ดี กระแสคาดการณ์อุปสงค์ที่แข็งแกร่งในปีหน้าได้ช่วยจำกัดการปรับตัวลงของราคาน้ำมันดิบ

ทั้งนี้ ราคาน้ำมันดิบ Brent ปรับลดลง 38 เซนต์ หรือ 0.57% ที่ระดับ 65.72 เหรียญ/บาร์เรล ในวันนี้ เพิ่มจากเมื่อวาน 1.2% ที่ระดับ 66.10 เหรียญ/บาร์เรล ขณะที่น้ำมันดิบ WTI ปรับลดลง 46 เซนต์ หรือ 0.75% ที่ระดับ 64.48 เหรียญ/บาร์เรล

บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com