• สรุปข่าวตลาดหุ้น (ภาคเช้า) ประจำวันที่ 17 ธันวาคม 2562

    17 ธันวาคม 2562 | SET News
   
 

· ตลาดหุ้นสหรัฐฯทำระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์เมื่อวานนี้ หลังจากที่ภาวะตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีนผ่อนคลายลง ท่ามกลางข้อมูลเศรษฐกิจที่ออกมาดีขึ้นจากจีน อันได้แก่ ข้อมูลผลผลิตภาคอุตสาหกรรมและยอดค้าปลีกเดือนพ.ย.ที่ดีขึ้นเกินคาด และช่วยหนุนความเชื่อมั่นของนักลงทุนด้วย

ดัชนีดาวโจนส์ปิดปรับขึ้น 100.51 จุด หรือ +0.36% ที่ระดับ 28,235.89 จุด ทางด้าน S&P500 ปิด +0.71% ที่ 3,191.45 จุด และ Nasdaq ปิด +0.91% ที่ 8,814.23 จุด

ดัชนีดาวโจนส์ปิดเหนือระดับสูงสุดในเดือนพ.ย.ได้ ในขณะที่ S&P500 และ Nasdaq ก็ยังคงทำระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ต่อเนื่อง 3 วันทำการ

· นักวิเคราะห์ทางเทคนิคจาก Oppenheimer กล่าวว่า ทิศทางตลาดหุ้นสหรัฐฯค่อนข้างเป็นในเชิงบวกอย่างมาก โดยเฉพาะการทำระดับสูงสุดใหม่อย่างต่อเนื่องของ S&P500 ที่ทำให้เราเห็นสัญญาณของการปรับขึ้นอย่างต่อเนื่อง หลังจากที่เมื่อวานนี้ 3 ดัชนีหลักในตลาดหุ้นสหรัฐฯต่างก็ทำระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ และนั่นส่งสัญญาณบวกต่อตลาดมากขึ้น ซึ่งการที่ตลาดปรับตัวสูงขึ้นอย่างมากแบบนี้ ก็อาจทำให้เราเห็นการอ่อนตัวลงมาบ้างในช่วงแรก แต่ตลาดก็จะมีแรงเทขายเข้ามาอย่างจำกัดเท่านั้น และเชื่อว่าจะเห็นตลาดหุ้นสหรัฐฯปรับตัวสูงขึ้นได้อีก

· ตลาดหุ้นยุโรปปิดปรับตัวสูงขึ้นหลังจากที่สหรัฐฯและจีนบรรลุข้อตกลง “เฟสแรก” ร่วมกันที่ดูจะกลายเป็นปัจจัยช่วยหนุนทิศทางสินทรัพย์เสี่ยงในเชิงบวก โดยดัชนี Stoxx600 ปิดปรับขึ้นเกือบ 1.5% และมีการทำ All-Time High ครั้งใหม่ ในขณะที่หุ้นกลุ่มทรัพยากรปิด +2.3% และหุ้นหลักๆส่วนใหญ่เคลื่อนไหวแดนลบ

· ตลาดหุ้นเอเชียเปิดปรับตัวสูงขึ้นจากความเชื่อมั่นของกลุ่มนักลงทุนที่ยังมีอย่างต่อเนื่องตอบรับกับข้อตกลงการค้าเฟสแรกระหว่างสหรัฐฯและจีน โดยดัชนีนิกเกอิเปิด +0.51% ในขณะที่ Topix เปิด +0.43% และ Kospi เปิด +0.35% ด้านS&P/ASX200 ปิดปรับขึ้นได้เช่นกัน

ภาพรวมดัชนี MSCI ที่ไม่รวมญี่ปุ่นเปิด +0.1%

· อ้างอิงจากสำนักข่าวอินโฟเควสท์

- นักบริหารเงินประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทไว้ที่ระหว่าง 30.15-30.25 บาท/ดอลลาร์ โดยมีกระแสเงินทุนต่างประเทศไหลออกส่งผลให้บาทมีแนวโน้มอ่อนค่าต่อเนื่อง โดยระหว่างวัน

- ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (YLG) กล่าวว่า แนวโน้มราคาทองคำปี 63 ยังต้องจับตาดูประเด็นเรื่องสงครามการค้าต่อเนื่อง เพราะแม้ว่าในระยะยาวยังไม่มีความชัดเจน แต่หากทั้ง 2 ประเทศหาข้อยุติได้อาจเกิดแรงขายทองคำได้ จึงต้องประเมินสถานการณ์เป็นระยะ อย่างไรก็ตาม คาดว่าธนาคารกลางสหรัฐยังคงนโยบายการเงินแบบผ่อนคลาย ซึ่งจะทำให้ตลาดทองคำยังคงได้รับความสนใจ และคาดว่าราคาทองคำจะมีโอกาสปรับตัวขึ้นไปต่อที่ระดับ 1,603-1,616 ดอลลาร์/ออนซ์ หรือ 22,900-23,100 บาท/บาททองคำ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดของราคาที่เคยขึ้นไปในช่วงเดือน มี.ค.-เม.ย.56

- ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) กระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า ความสำเร็จของการเจรจา การเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน Phase-1 Deal นี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งของข้อเรียกร้องที่สหรัฐฯ ผลักดันให้จีนแก้ไข โดยประเมินว่าทั้งสองฝ่ายต่างต้องการหลีกเลี่ยงความเสี่ยงของการชะลอตัวทางเศรษฐกิจและผลกระทบต่อธุรกิจและผู้บริโภค โดยข้อตกลงระยะแรก จะช่วยลดภาระภาษีนำเข้าแก่ผู้ประกอบการสหรัฐฯ และช่วยลดแรงกดดันด้านราคาต่อผู้บริโภค รวมถึงการบรรเทาภาวะการส่งออกและเศรษฐกิจจีนที่ชะลอตัวต่อเนื่องมาตั้งแต่ปีก่อน โดยคาดว่าจะช่วยให้เศรษฐกิจสหรัฐฯ และจีนขยายตัวดีขึ้น และช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจโลก รวมถึงการส่งออกไทยให้ขยายตัวได้มากขึ้น

บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com