MTS Help Center

· ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวสูงขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบเกือบ 8 เดือน หลังจากที่สหรัฐฯและจีนสามารถบรรลุข้อตกลงในข้อตกลงเฟสแรกร่วมกันได้ ขณะที่หุ้นออสเตรเลียปรับตัวสูงขึ้นได้ท่ามกลางกระแสคาดการณ์การผ่อนคลายนโยบายทางการเงิน

โดยนายโรเบิร์ต ไลท์ไธเซอร์ ตัวแทนการค้าจาก USTR กล่าวว่า การเข้าซื้อสินค้าเกษตรเพิ่มขึ้นของจีนจะทำให้สินค้าเกษตรสหรัฐฯมีการส่งออกเพิ่มขึ้นเป็นมูลค่า 2 แสนล้านเหรียญในช่วง 2 ปีข้างหน้า และตัวเขา ร่วมกับนายหลิว เฮ่อ รองนายกรัฐมนตรีคาดหวังว่าจะสามารถลงนามข้อตกลงฉบับดังกล่าวได้ในช่วงเดือนม.ค. ซึ่งเป็นข้อตกลงฉบับชั่วคราวที่จะมีผลบังคับใช้ 30 วันตามมา

ทั้งนี้ ดัชนี MSCI ที่ไม่รวมตลาดหุ้นญี่ปุ่นเพิ่มขึ้น 0.25% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที 18 เม.ย.ที่ผ่านมา ด้านดัชนี S&P/ASX 200 ออสเตรเลียเพิ่มขึ้น 1.63% แม้รัฐบาลออสเตรเลียปรับลดคาดการณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจและการขยายตัวของค่าแรงในช่วง 4 ปีข้างหน้า เนื่องจากการชะลอตัวของการใช้จ่ายภาคครัวเรือน ในขณะที่ค่าแรงยังคงขยายตัวอย่างซบเซา แม้รัฐบาลจะนำมาตรการลดหย่อนภาษีมาใช้เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจแล้วก็ตาม

· ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปรับตัวลดลง โดยปรับตัวลงจากระดับสูงสุดในรอบ 1 ปี เนื่องจากเหล่านักลงทุนเทขายทำกำไรหลังจากที่ปรับตัวสูงขึ้นได้ในช่วงก่อนหน้านี้ โดยได้รับแรงหนุนจากการเจรจาทางการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีน

โดยดัชนี Nikkei ลดลง 0.29% ที่ะรดับ 23,952.35 จุด เนื่องจากภาคอุตสาหกรรมและวัสดุปรับลดลง ขณะที่ดัชนี Topix ลดลง 0.18% ที่ะรดับ 1,736.87 จุด

· ตลาดหุ้นจีนปรับตัวสูงขึ้นทำระดับสูงสุดในรอบ 6 สัปดาห์ เนื่องจากเหล่านักลงทุนได้ตอบรับกับข่าวที่สหรัฐฯและจีนบรรลุข้อตกลงการค้าเฟสแรกร่วมกันได้ รวมทั้งข้อมูลทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจมีความยืดหยุ่น

โดยดัชนี Shanghai Composite เพิ่มขึ้น 0.6% ที่ระดับ 2,984.39 จุด ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 8 พ.ย.ที่ผ่านมา

ทัง้นี้ เหล่านักวิเคราะห์ คาดว่า ข้อตกลงทางการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีนจะช่วยลดความไม่แน่นอนในตลาด A-share และกระตุ้นความเชื่อมั่นของตลาด แม้ว่าบางส่วนยังคงกังวลกับผลกระทบในระยะยาว

· ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวสูงขึ้น หลังจากที่สหรัฐฯและจีนสามารถบรรลุข้อตกลงร่วมกันในเฟสแรกได้ แม้ว่าเหล่านักลงทุนจะยังคงระมัดระวังการลงทุนเนื่องจากรายละเอียดบางอย่างยังไม่มีความชัดเจนก็ตาม

โดยดัชนี Stoxx600 เพิ่มขึ้น 0.5% ด้านหุ้นกลุ่มทรัพยากรเพิ่มขึ้น 1% ท่ามกลางตลาดหุ้นภูมิภาคที่เคลื่อนไหวในแดนบวก

อ้างอิงจากสำนักข่าวอินโฟเควสท์

- น.ส.ธีรดา ชาญยิ่งยงค์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้ผันผวนในทางลงมากกว่าที่คาดไว้ เนื่องจากมีความกังวลปัจจัยการเมืองสอดแทรกเข้ามา แต่ก็ได้ Sentiment บวกจากเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีน แต่ก็ตอบรับไปแล้วในระดับหนึ่ง ทำให้เริ่มมี Profit taking หลังจากรีบาวด์ขึ้นไปในช่วง 2 วันที่ผ่านมา

ด้านตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้เคลื่อนไหวทั้งบวก-ลบ แนะติดตามความคืบหน้าเจรจาการค้าว่าจะมีการลงนามในข้อตกลงกันได้เมื่อใด ส่วนบ้านเรายังต้อวติดตามการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ในสัปดาห์นี้ ซึ่งตลาดฯคาดว่าจะคงอัตราดอกเบี้ย

- นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ (อนค.) เปิดเผยว่า ในวันที่ 18 ธ.ค.62 เตรียมส่งทีมกฎหมายยื่นฟ้องคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ทั้ง 7 คน ต่อศาลอาญาแผนกคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ ในความผิดตามมาตรา 157 กรณีมีมติให้ส่งศาลรัฐธรรมนูญพิจารณายุบพรรค อนค.โดยดำเนินการข้ามขั้นตอนที่กฎหมายกำหนดไว้

- ระหว่างวันที่ 15-16 ธ.ค. 62 นายดอน ปรมัตถ์วินัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของไทย จะเป็นหัวหน้าคณะผู้แทนไทยเข้าร่วมการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศเอเชีย-ยุโรป ครั้งที่ 14 (ASEM FMM14) ณ กรุงมาดริด ราชอาณาจักรสเปน โดยจะร่วมการแสดงวิสัยทัศน์ของไทยเกี่ยวกับการเสริมสร้างระบบพหุภาคีนิยมระหว่างเอเชียกับยุโรป ซึ่งเป็นหัวข้อหลักของการประชุมระดับรัฐมนตรีต่างประเทศเอเชีย-ยุโรปในปีนี้

ในการเข้าร่วมการประชุมฯ ครั้งนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศมีกำหนดพบหารือทวิภาคีกับประเทศสมาชิกการประชุมเอเชีย-ยุโรปหลายประเทศ เพื่อกระชับความสัมพันธ์และส่งเสริมความร่วมมือระหว่างกันให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น รวมทั้งมีกำหนดพบกับเยาวชนไทยจำนวน ๒ ราย ได้แก่ นายกฤษฏ์วรรธน์ ฟักสวัสดิ์ และนางสาวพิรญาน์ พงษ์พานิช ซึ่งได้รับการคัดเลือกให้เข้าร่วมโครงการ Model ASEM ครั้งที่ ๙ ซึ่งเป็นหนึ่งในกิจกรรมคู่ขนานของการประชุมระดับรัฐมนตรีต่างประเทศเอเชีย-ยุโรป จัดโดยมูลนิธิเอเชีย-ยุโรป (Asia-Europe Foundation) เป็นประจำทุกปี

อ้างอิงจากสำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย

- บริษัทจดทะเบียน (บจ.) ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) รายงานกำไรสุทธิรวม 9 เดือนปี 62 ลดลงถึง 15% จากช่วงเดียวกันปีก่อน จากภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวทั้งในและต่างประเทศ แต่ บจ.ในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) กลับรายงานกำไรสุทธิรวมเติบโตระดับ 69% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน แม้จะได้อานิสงส์จากกำไรพิเศษในบางบริษัท แต่หากตัดส่วนดังกล่าวออกไป กำไรสุทธิยังเติบโต 12% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน สะท้อนว่าหุ้นขนาดเล็กมีศักยภาพการเติบโตท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว

- นายประสงค์ พูนธเนศ ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ในวันที่ 24 ธันวาคมนี้ คณะกรรมการปฏิรูปโครงสร้างภาษีจะประชุมครั้งสุดท้ายของปีนี้ เพื่อรายงานความคืบหน้าการศึกษา และพิจารณาในรายละเอียดต่างๆ เกี่ยวกับการปรับโครงสร้างภาษีทั้งระบบ ที่มอบหมายให้สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกันปรับแก้ไขให้มีความเหมาะสม โดยยืนยันว่า การพิจารณาปรับลดภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาเหลือ 10% นั้นยังอยู่ในขั้นตอนของการศึกษา

อ้างอิงจากประชาชาติธุรกิจ

- นายพิพัฒน์ เหลืองนฤมิตชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ภัทร เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ทิศทางอัตราดอกเบี้ยของไทยจากนี้ไปจนถึงปี 63 จะขึ้นอยู่กับภาวะเศรษฐกิจภายในประเทศเป็นหลัก โดยการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) วันที่ 18 ธ.ค.นี้ น่าจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ 1.25% ต่อปี แต่น่าจะปรับลดประมาณการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (จีดีพี) ปีหน้าลง หลังจากรอบที่แล้วลดดอกเบี้ย แต่ยังไม่ได้ปรับจีดีพี ซึ่ง บล.ภัทรคาดการณ์ว่า มีโอกาสจะปรับลดดอกเบี้ยลงอีก 1 ครั้งช่วงต้นปีหน้า เพราะยังมีความเสี่ยงที่เศรษฐกิจไทยช่วงต้นปีจะชะลอตัวลงอีก เหตุผลเดียวถ้า ธปท.ไม่อยากลดดอกเบี้ยอีกก็คือ กังวลประสิทธิภาพของนโยบายการเงินว่า ถ้าลดต่ำเกินไปจะเพิ่มความเสี่ยงด้านเสถียรภาพทางการเงิน

ปัจจุบันตัวเลขเศรษฐกิจไทยยังลดลงเกือบทุกตัว ไม่ว่าจะเป็นส่งออกที่ติดลบต่อเนื่อง การบริโภคที่ชะลอตัว อัตราการว่างงานที่เพิ่มขึ้น ซึ่งแตกต่างจากสหรัฐอเมริกา ที่ล่าสุดธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณชะลอการลดดอกเบี้ย เนื่องจากไม่ได้กังวลปัจจัยเสี่ยงจากภายนอกแล้ว ขณะที่ปัจจัยภายในสหรัฐหลาย ๆ ตัวก็ดีขึ้น มีเพียงภาคการผลิตสินค้าที่ดูแผ่วลงไปตามภาวะการค้าโลกที่ชะลอ