• สรุปข่าวตลาดหุ้น (ภาคเช้า) ประจำวันที่ 13 ธันวาคม 2562

    13 ธันวาคม 2562 | SET News
  

· ตลาดหุ้นสหรัฐฯปรับตัวสูงขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ หลังมีข่าวว่าสหรัฐฯและจีนบรรลุข้อตกลงในขั้นต้นรวมกันได้ เพื่อแก้ไขปัญหา Trade War ที่ยืดเยื้อมากว่า 2 ปี โดยดัชนีดาวโจนส์ปิด +220.75 จุด หรือ +0.79% ที่ 28,132.05 จุด ทางด้านดัชนี S&P500 ปิด +0.86% ที่ 3,168.57 จุด และ Nasdaq ปิด +0.73% ที่ 8,717.32 จุด

ทั้งนี้ ตลาดตอบรับกับการที่ผู้นำสหรัฐฯทวิตเตอร์ข้อความถึงการเข้าใกล้ข้อตกลงการค้ากับจีน รวมทั้งรายงานที่ระบุถึงการจะเลื่อนภาษีรอบใหม่ 15 ธ.ค.นี้ แต่ตลาดก็ยังให้ความสำคัญกับวันที่ 15 ธ.ค.นี้ พร้อมคาดหวังว่าในท้ายที่สุดจะเกิดการเลื่อนภาษีออกไปเพื่อให้ความคืบหน้าทางการค้าที่มีสามารถทำข้อตกลงขั้นแรกร่วมกันได้

· ตลาดหุ้นยุโรปฟื้นตัว หลังจากที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ทวิตว่า "กำลังเข้าใกล้ข้อตกลงทางการค้ากับจีน"

ซึ่งตลาดหุ้นขาดทุนเล็กน้อยหลังจากที่อีซีบีประกาศ คงอัตราดอกเบี้ยไว้ในการประชุมนโยบายการเงินครั้งแรกของนางคริสติน ลาการ์ด ประธานอีซีบีคนใหม่

โดยดัชนี Stoxx600 ปรับตัวสูงขึ้นประมาณ 0.5% ด้านหุ้นภาคธนาคาร กลุ่มทรัพยากร และกลุ่มยานยนต์ปรับตัวสูงขึ้นได้หลังจากที่นายทรัมป์ทวิตผ่านทวิตเตอร์

· ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวสูงขึ้น เนื่องจากความหวังที่ว่าสหรัฐฯและจีนจะสามารถบรรลุข้อตกลงการค้าก่อนเส้นตายวันที่ 15 ธ.ค.นี้ รวมทั้งการชนะการเลือกตั้งครั้งใหญ่ของพรรคอนุรักษ์นิยมขออังกฤษดูเหมือนจะทำให้ความกังวลลดลงไป

โดยเช้านี้ ดัชนี Nikkei เพิ่มขึ้น 2.09% ท่ามกลางดัชนี Fast Retailing เพิ่มขึ้นมากกว่า 2% ด้านดัชนี Topix เพิ่มขึ้น 1.63%

ขณะที่ดัชนี Kospi เกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 1.26 และดัชนี S&P/ASX 200 ออสเตรเลีย เพิ่มขึ้น 0.4%

ทั้งนี้ ผลสำรวจ tankan ของญี่ปุ่นแสดงให้เห็นถึงความเชื่อมั่นทางธุรกิจในหมู่ผู้ผลิตรายใหญ่ของประเทศปรับลดลงถึงระดับต่ำสุดในรอบกว่าหกปี

· อ้างอิงจากสำนักข่าวอินโฟเควสท์

- นักบริหารเงินประเมินกรอบการเคลื่อนไหวเงินบาทในวันนี้ไว้ที่ระหว่าง 30.10-30.20 บาท/ดอลลาร์ โดยค่าเงินบาทที่กลับมาแข็งค่า น่าจะเป็นจากข่าวการจัดอันดับความน่าเชื่อถือของหลายบริษัทที่ให้มุมมองประเทศไทยดีขึ้น ทำให้ไทยดู น่าลงทุนมากขึ้น นักลงทุนตอบสนองข่าวนี้ จึงส่งผลให้มี flow เข้ามาถือบาทค่อนข้างมาก

- รมว.คลังของไทย เปิดเผยว่า ล่าสุด บริษัท S&P Global Ratings (S&P) ได้มีการปรับมุมมองความน่าเชื่อถือของเศรษฐกิจไทยจากระดับมีเสถียรภาพ (Stable) เป็นเชิงบวก (Positive) และยังคงอันดับความน่าเชื่อถือของรัฐบาลในการออกตราสารหนี้สกุลเงินตราต่างประเทศระยะยาวที่ BBB+ และระยะสั้นที่ A-2 รวมทั้งคงอันดับความน่าเชื่อถือสกุลเงินบาทระยะยาวที่ A- และระยะสั้นที่ A-2 ซึ่งช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศและสนับสนุนให้รัฐบาลสามารถดำเนินการตามแผนยุทธศาสตร์ชาติได้อย่างต่อเนื่อง

- ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลังของไทย (สศค.) เชื่อว่า เศรษฐกิจไทยในไตรมาส 4 จะเติบโตได้มากว่า 3% และถือว่าเป็นไตรมาสที่เติบโตได้สูงสุดของปี 62 โดยได้รับอานิสงส์ดีจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่างๆ ของรัฐบาลที่ทยอยออกมาอย่างต่อเนื่อง และเริ่มเห็นผลเป็นรูปธรรมจากการอุปโภคบริโภคที่ขยายตัวต่อเนื่อง สะท้อนจากรายได้ในการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) ในเดือนต.ค. 62 ที่เพิ่มขึ้น 6% และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นในเดือนพ.ย.เช่นกัน ซึ่งจะช่วยหนุนให้เศรษฐกิจไทยในปีนี้สามารถเติบโตได้ที่ระดับ 2.6-2.8%

- สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ระบุผ่านบทความเรื่อง"ยกระดับคุณภาพงบการเงิน

บริษัทจดทะเบียนไทยด้วย TFRS 9"ว่า ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.63 ประเทศไทยจะเริ่มใช้มาตรฐานการรายงานทางการเงิน (TFRS) กลุ่มเครื่องมือทางการเงิน ตามที่สภาวิชาชีพบัญชีกำหนด ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญของประเทศไทยที่จะช่วยยกระดับการรายงานทางการเงินของไทยให้เป็นมาตรฐานสากลมากขึ้น ทำให้งบการเงินของบริษัทจดทะเบียนในตลาดทุนไทยมีความน่าเชื่อถือมากขึ้น และสามารถเปรียบเทียบกับงบการเงินในตลาดทุนต่างประเทศได้

- ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลังของไทย (สศค.) ยืนยันว่าไม่ได้เลื่อนการบังคับใช้กฎหมายภาษีที่ดิน ทุกอย่างยังมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 ม.ค. 63 เหมือนเดิม แต่กระบวนการเสียภาษีจะเริ่มต้นในวันที่ 1 พ.ค.เพื่อตรวจสอบ และทำการเสียภาษีในเดือน ส.ค.

- ประธานคณะเจ้าหน้าที่ด้านโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา (BAY) กล่าวว่า แนวโน้มค่าเงินบาทไทยในปี 63 จะยังอยู่ในทิศทางแข็งค่า มีกรอบการเคลื่อนไหวอยู่ที่ 29.25-31 บาท/ดอลลาร์ จากสิ้นปี 62 ที่ธนาคารคาดว่าอยู่ที่ 30.40 บาท/ดอลลาร์ ซึ่งค่าเงินบาทในปีหน้าจะเป็นลักษณะแข็งค่าใกล้เคียงกับสกุลเงินอื่นในภูมิภาคแต่เป็นการแข็งค่าที่ชะลอตัวลง

- ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สำนักวิจัย ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย (CIMBT) คาดการณ์แนวโน้มเศรษฐกิจไทยในปี 63 โดยระบุว่า ในทางเศรษฐกิจขอพยากรณ์ว่าปีหน้าจะมีหนู 2 ตัว คือมีทั้งด้านบวกและด้านลบ จึงคาดว่าเศรษฐกิจไทยจะขยายตัวได้ 2.7% เพิ่มขึ้นจาก 2.4% ในปี 2562

บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com