• สรุปข่าวเศรษฐกิจ (ภาคเช้า) ประจำวันที่ 13 ธันวาคม 2562

    13 ธันวาคม 2562 | Economic News


· ค่าเงินดอลลาร์ปรับแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับค่าเงินเยนเมื่อวานนี้ หลังจากที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีทวิตเตอร์ข้อความที่ระบุถึงการเข้าใกล้บรรลุข้อตกลงร่วมกับทางจีน ซึ่งเป็นการประกาศถ้อยแถลงในเชิงบวกก่อนที่ภาษีรอบใหม่จะมีผลในวันอาทิตย์นี้ โดยค่าเงินเยนกลับอ่อนค่าอีก 0.55% ที่ระดับ 109.14 เยน/ดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับอ่อนค่ามากที่สุดในรอบเกือบ 1 สัปดาห์

นอกจากนี้ ดอลลาร์ยังได้รับแรงหนุนจากรายงานของ The Wall Street Journal ที่ระบุว่า ผู้แทนเจรจาสหรัฐฯได้มีการเสนอให้หั่นภาษีสินค้านำเข้าจากจีนลงกว่าครึ่งหนึ่งที่มูลค่า 3.6 แสนล้านเหรียญ รวมทั้งยกเลิกการขึ้นภาษีรอบใหม่ในวันที่ 15 ธ.ค.นี้ โดยดัชนีดอลลาร์ปรับแข็งค่าขึ้น 0.39% ที่ระดับ 97.46 จุด



· แหล่งข่าว 3 รายกล่าวกับสำนักข่าว CNBC ว่าทีมบริหารทรัมป์มีการเข้าใกล้ข้อตกลงการค้าหลักๆกับจีนได้ โดยรอเพียงการอนุมัติจากนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯเท่านั้น ขณะที่นายทรัมป์ มีการเข้าพบกับบรรดาที่ปรึกษาระดับสูงเมื่อวานนี้เกี่ยวกับเรื่องว่าจะเลื่อนภาษี 15 ธ.ค.นี้ออกไปก่อนหรือไม่ ซึ่งเป็นภาษีที่จีนจะโดนเพิ่มอีก 15% มูลค่าเกือบ 1.6 แสนล้านเหรียญ ในกลุ่มสินค้าประเภทของเล่น, คอมพิวเตอร์, โทรศัพท์ และเครื่องแต่งกาย

ทั้งนี้ ทางทำเนียบขาวมีการเสนอยกเลิกภาษีจีนครึ่งหนึ่ง โดยแหล่งข่าว 2 ราย เผยว่าอาจจะมีการปรับลดภาษีจีนประมาณ 50% มูลค่า 3.6 แสนล้านเหรียญ



เมื่อวานนี้ นายทรัมป์ก็มีการทวิตเตอร์ข้อความที่ระบุถึงมุมมองเชิงบวกเกี่ยวกับข้อตกลงการค้ากัจีน ว่าเข้าใกล้ข้อตกลงกับจีนแล้ว

· รายงานจากสำนักข่าว Reuters อ้างถึงแหล่งข่าววงในที่ระบุว่า สหรัฐฯเห็นพ้องที่จะลดภาษีจีนบางส่วนและมีการเลื่อนภาษี 15 ธ.ค.นี้ออกไปเพื่อเป็นส่วนหนึ่งของข้อตกลงการค้าเฟสแรก ขณะที่จีนก็เห็นพ้องที่จะทำการเข้าซื้อสินค้าเกษตรเพิ่ม 5 หมื่นเหรียญในปี 2020 เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของข้อตกลงการค้าสหรัฐฯ ซึ่งเป็นมูลค่าที่เพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัวจากปริมาณการเข้าซื้อของจีนในปี 2017

อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีรายงานอย่างเป็นทางการจากทำเนียบขาว บางส่วนจึงยังสงสัยว่าข้อตกลงดังกล่าวเป็นข้อตกลงที่เกิดขึ้นจริงระหว่างทั้งสองฝ่ายหรือไม่

· เมื่อวานนี้ การประชุมอีซีบี โดยมี นางคริสติน ลาการ์ด ร่วมประชุมเป็นครั้งแรกในฐานะประธานอีซีบีคนใหม่ โดยมติที่ประชุมยังคงระดับอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 0% ซึ่งถือเป็นระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ ขณะที่ดอกเบี้ยเงินฝากของธนาคารพาณิชย์ที่ฝากกับอีซีบียังอยู่ที่ -0.5% และดอกเบี้ยเงินกู้คงไว้ที่ 0.25%

โดยอีซีบีระบุว่า จึงยังตรึงระดับดอกเบี้ยปัจจุบันต่อไป หรือปรับลงจนกว่าเงินเฟ้อจะบรรลุเป้าหมายที่อีซีบีกำหนด พร้อมย้ำถึงการจะเข้าซื้อพันธบัตรในมาตรการ QE ต่อไปตราบนานเท่าที่จำเป็นด้วยวงเงิน 2 หมื่นล้านยูโร/เดือน ซึ่งการสิ้นสุด QE จะมีขึ้นก่อนที่อีซีบีจะเริ่มใช้นโยบายปรับขึ้นดอกเบี้ย

ทั้งนี้ ค่าเงินยูโรปรับแข็งค่าขึ้นเล็กน้อยมาที่ 1.1132 ดอลลาร์/ยูโร

อย่างไรก็ดี อีซีบีปรับเพิ่มคาดการณ์จีดีพียูโรโซนปีนี้ที่ 1.2% จากคาดการณ์เดิมในเดือนก.ย. ที่ 1.1% แต่ปีหน้าปรับลดลงสู่ 1.1% จากคาดเดิมที่ 1.2% และมีมุมมองว่าในปี 2021 – 2022 เศรษฐกิจยูโรโซนจะโตได้ 1.4%

นางลาการ์ด ระบุว่า เศรษฐกิจยูโรโซนมีการชะลอตัว ท่ามกลางเงินเฟ้อที่ยังคงอยู่ระดับต่ำ ซึ่งความเสี่ยงทางเศรษฐกิจยูโรโซนนั้นเกี่ยวเนื่องกับปัจจัยทางการเมือง, นโยบายการกีดกันทางการค้าที่เพิ่มขึ้น รวมไปถึงความผันผวนในตลาดเกิดใหม่ที่ยังเป็นปัจจัยลบในเวลานี้ แม้จะมีบางสถานการณ์ที่ผ่อนคลายลงไปบ้างแล้วก็ตาม

สำหรับเงินเฟ้อยูโรโซนมีการปรับทบทวนเพิ่มขึ้นอีก 0.1% ในปี 2020 แต่ปรับลดคาดการณ์ในปี 2021 ลง 0.1% สู่ระดับ 1.4% ทางด้านปี 2020 คาดเติบโตที่ 1.6%

· ผล Exit Poll ชุดแรกจาก Sky News, BBC และ ITV ชี้ พรรคอนุรักษ์นิยมของนายบอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีอังกฤษดูจะได้รับเสียงข้างมากในสภาอย่างชัดเจน และน่าจะได้รับชัยชนะไป 368 ที่นั่ง เพิ่มขึ้นจากปี 2017 มา 50 ที่นั่ง



ซึ่งผลดังกล่าวส่งผลให้เงินปอนด์แข็งค่าอย่างรวดเร็วกว่า 2%

ทั้งนี้ พรรคอนุรักษ์นิยมต้องการเก้าอี้ในสภามากกว่า 320 ที่นั่งเพื่อให้สามารถผ่านร่างกฎหมายได้ ขณะที่พรรคแรงงาน ถูกคาดว่าจะสูญเสียเก้าอี้ไป 71 ที่นั่ง เหลือเพียง 191 ที่นั่ง ทางด้าน LD น่าจะได้รับเพียง 13 ที่นั่ง ทางด้านพรรค Brexit และ SNP จะมีเก้าอี้ในสภา 55 ที่นั่ง

อย่างไรก็ดี ผลการเลือกตั้งอังกฤษจะเป็นตัวชี้วัดทิศทาง Brexit ต่อจากนี้ หลังจากที่เผชิญกับความไม่แน่นอนมาตลอดช่วง 3 ปีครึ่ง นับตั้งแต่การลงประชามติออกจากอียู ขณะที่นักวิเคราะห์บางส่วนมองว่าการที่พรรคอนุรักษ์นิยมได้รับชัยชนะจะทำให้ Brexit จบลงได้ โดยนายบอริส ได้ให้คำมั่นในช่วงหาเสียงเลือกตั้งที่ว่า พรรคอนุรักษ์นิยมจะทำให้ Brexit ลุล่วงไปได้

· ค่าเงินปอนด์อังกฤษปรับตัวสูงขึ้นหลังจากที่ Exit Poll คาดพรรคอนุรักษ์นิยมจะคว้าเก้าอี้ในสภาเพิ่มได้ 86 ที่นั่งในการเลือกตั้งทั่วไปวาระนี้ โดยเงินปอนด์ปรับแข็งค่าขึ้นกว่า 2% แตะ 1.3451 ดอลลาร์/ปอนด์ ซึ่งถือเป็นระดับสูงสุดเมื่อเทียบกับดอลลาร์นับตั้งแต่มิ.ย. ปี 2018

· ราคาน้ำมันปรับสูงขึ้นเกือบ 1% หลังประธานาธิบดีทรัมป์กล่าวว่า “ใกล้ที่จะบรรลุ” ข้อตกลงการค้าร่วมกับจีน โดยน้ำมันดิบ Brent ปรับสูงขึ้น 67 เซนต์ หรือ 1% ปิดที่ระดับ 64.39 เหรียญ/บาร์เรล ขณะที่น้ำมันดิบ WTI ปรับสูงขึ้น 42 เซนต์ หรือ 0.7% ปิดที่ระดับ 59.18 เหรียญ/บาร์เรล

ราคาน้ำมันได้ปรับแรงหนุนหลังจากนายทรัมป์ทวีตข้อความที่บ่งชี้ว่าสหรัฐฯใกล้ที่จะบรรลุข้อตกลงกับจีน รวมถึงมีความเป็นไปได้ที่สหรัฐฯจะเลื่อนหรือยกเลิกการขึ้นภาษีจีนในวันที่ 15 ธ.ค. นี้

อย่างไรก็ตาม ปริมาณความต้องการน้ำมันดิบในตลาดยังดูเหมือนจะเผชิญแรงกดดันอยู่เป็นบางส่วน เนื่องจากความไม่แน่นอนของการเจรจาการค้าและการขึ้นภาษีของสหรัฐฯ



บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com