• สรุปข่าวตลาดหุ้น (ภาคค่ำ) ประจำวันที่ 11 ธันวาคม 2562

    11 ธันวาคม 2562 | SET News

· ดัชนีหุ้นสหรัฐฯเปิดผสมผสานกันในวันนี้ ท่ามกลางนักลงทุนท่ี่รอคอยประชุมเฟด โดยดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์สปรับลง 15 จุด แต่ช่งต้นตลาดเปิดแดนบวก 14 จุด ทางด้าน S&P500 และ Nasdaq ปรับขึ้นเล็กน้อยในช่วงเปิดตลาด

นอกจากนี้ นักลงทุนในตลาดยังรอดูความไม่แน่นอนของการสงครามการค้าสหรัฐฯและจีนที่ยังไม่มีความชัดเจนว่าทั้งสองประเทศจะบรรลุข้อตกลงร่วมกัน และจะหยุดยั้งภาษีรอบใหม่ระหว่างกันได้หรือไม่ โดยสหรัฐฯกำหนดให้วันอาทิตย์นี้มีการขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจีนรอบใหม่



· ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวสูงขึ้น ก่อนหน้าการประชุมเฟดในคืนนี้ ขณะที่ค่าเงินปอนด์ผันผวนเนื่องจากโพลล์สำรวจความคิดเห็นแสดงให้เห็นถึงการเลือกตั้งที่เข้มงวดของอังกฤษในช่วงปลายสัปดาห์นี้

เหล่านักลงทุนระมัดระวังการลงทุนก่อนหน้ากำหนดเส้นตายภาษีรอบใหม่ที่จะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 15 ธ.ค.นี้ แม้ว่าข้อมูลเงินกู้จีนจะออกมาดีขึ้นเกินคาดได้ช่วยสนับสนุนความเชื่อมั่นนักลงทุนบางส่วน

ทั้งนี้ ดัชนี MSCI ที่ไม่รวมหุ้นญี่ปุ่นเพิ่มขึ้น 0.5% ด้านดัชนี Nikkei ไม่เปลี่ยนแปลง สัญญาซื้อขายล่วงหน้าคาดว่าจะเปิดทรงตัวในตลาดยุโรปและสหรัฐฯ

· ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปรับตัวลดลงเนื่องจากเหล่านักลงทุนปิดทำกำไร ก่อนหน้าเหตุการณ์ที่สำคัญ เช่น การเลือกตั้งอังกฤษและการประชุมเฟดเดือนธ.ค. รวมทั้งตลาดให้ความสนใจไปยังการเจรจาทางการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีน

โดยดัชนี Nikkei ลดลง 0.08% ที่ระดับ 23,391.86 จุด ขณะที่ดัชนี Topix เพิ่มขึ้น 0.34% ที่ระดับ 1,714.95 จุด

· ตลาดหุ้นจีนปรับตัวสูงขึ้น ท่ามกลางความหวังครั้งใหม่เกี่ยวกับการขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจีนจากสหรัฐฯในวันที่ 15 ธ.ค.นี้ อาจจะถูกเลื่อนออกไป อย่างไรก็ดี การเพิ่มขึ้นยังคงจำกัดเนื่องจากยังไม่รับรับการยืนยันอย่างเป็นทางการจากทางสหรัฐฯและจีน

โดยดัชนี Shanghai Composite ปิดเพิ่มขึ้น 0.2% ที่ะรดับ 2,924.42 จุด หลังขึ้นไปแตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 20 พ.ย.ในช่วงก่อนหน้านี้



· ตลาดหุ้นยุโรปมีการซื้อขายอย่างระมัดระวัง เนื่องจากเหล่านักลงทุนกำลังรอคอยการประชุมเฟด ซึ่งคาดว่าเฟดน่าจะคงดอกเบี้ยไว้เท่าเดิมในการประชุมครั้งนี้รวมทั้งยังให้ความสนใจไปยังการกำหนดเส้นตายการขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจีนจากสหรัฐฯในวันที่ 15 ธ .ค.นี้ โดยดัชนี Stoxx600 ค่อนข้างทรงตัว ด้านหุ้นทรัพยากรปรับตัวสูงขึ้น 0.6% ขณะที่หุ้นเทเลคอมปรับตัวลดลง 0.4%

อ้างอิงจากประชาชาติธุรกิจ

- “กอบสิทธิ์ ศิลปชัย” ผู้บริหารงานวิจัยเศรษฐกิจและตลาดทุน ธนาคารกสิกรไทย ประเมินว่า ช่วงครึ่งปีแรกปีหน้าค่าเงินบาทจะแข็งค่าระดับ 29.75 บาท/ดอลลาร์ และภายในสิ้นปีจะอยู่ที่ระดับ 29.25 บาท/ดอลลาร์ ส่วนหนึ่งมาจากการเกินดุลบัญชีเดินสะพัดในระดับสูงกว่า 3.15 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐของไทย ซึ่งเป็นผลมาจากความไม่สมดุลของเศรษฐกิจในประเทศและต่างประเทศ โดยเฉพาะการลงทุนที่ยังต่ำ ส่งผลให้มีเงินทุนไหลเข้าต่อเนื่อง

- “ดร.ทิม ลีฬหะพันธุ์” นักเศรษฐศาสตร์ ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด (ไทย) มองว่า ในระยะสั้นค่าเงินบาทมีแนวโน้มแข็งค่า โดยภายในปลายปี 2562 นี้จะเห็นค่าเงินอยู่ที่ระดับ 29.75 บาท/ดอลลาร์ แม้ว่าการส่งออกอาจจะติดลบ 3% แต่การนำเข้าจะติดลบมากกว่า ขณะเดียวกัน ช่วงปลายปีเป็นช่วงฤดูการท่องเที่ยว ทำให้เงินไหลเข้า ขณะที่ภายในครึ่งปีแรกปี 2563 อาจจะเห็นบาทแข็งค่าหลุดระดับ 30 บาท/ดอลลาร์ได้ จากดุลการค้าที่ยังเกินดุลต่อเนื่อง

- “ดร.จิติพล พฤกษาเมธานันท์” หัวหน้านักกลยุทธ์ตลาดทุนสายงานธุรกิจตลาดเงินทุน ธนาคารกรุงไทย ประเมินว่า ปีหน้าค่าเงินบาทมีโอกาสแข็งค่าไปแตะ 28.70 บาท/ดอลลาร์เลยทีเดียว จาก 3 ปัจจัยหลัก คือ 1.ธนาคารกลางทั่วโลกมีแนวโน้มปรับลดดอกเบี้ยลง โดยธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีโอกาสลดดอกเบี้ย 0.25-0.50% ถ้าตลาดหุ้นสหรัฐปั่นป่วนก่อนเลือกตั้ง ซึ่งก็จะทำให้ดอลลาร์อ่อนค่าลงได้อีก 2.สงครามการค้า ที่น่าจะสามารถจบได้ภายในปีหน้า และ 3.เงินทุนเคลื่อนย้ายคาดว่า 50% อยู่ในสหรัฐ ส่วนที่เหลือจะไหลเข้าตลาดเกิดใหม่

นอกจากนี้ การเลือกตั้งสหรัฐจะเป็นประเด็นที่อ่อนไหวที่สุด ถ้ามองจากในอดีต เงินดอลลาร์มักแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักราว 3.4% เมื่อมีการเลือกตั้ง แต่ในปีหน้าอาจต่างออกไป ขึ้นอยู่กับผลการเลือกตั้ง โดยหากนายโดนัลด์ ทรัมป์ ชนะ อาจเห็นดอลลาร์แข็งค่าขึ้นได้ 3-5% ในไตรมาส 4 แต่ถ้าแพ้ ตลาดอาจกังวลกับการเปลี่ยนแปลงและอาจสลับไปถือยูโรแทน ซึ่งในกรณีนี้เงินบาทก็จะแข็งค่าตามด้วย

“ปีหน้าเงินทุนเคลื่อนย้ายจะเห็นการไหลเข้ามากกว่าไหลออก โดยคาดว่าจะมีเงินไหลเข้าตลาดหุ้นราว 1 หมื่นล้านบาท เข้าตลาดตราสารหนี้ 2 หมื่นล้านบาท จึงเป็นโอกาสให้บาทแข็งค่า โดยคาดว่าครึ่งปีแรกค่าเงินจะผันผวน จะเห็นเงินบาทแข็งค่าและอ่อนค่าได้ แต่ในครึ่งปีหลังจะเห็นเงินดอลลาร์อ่อนค่าขาเดียว ทำให้เงินบาทจะแข็งค่า โดยคาดว่าปีหน้าเงินบาทจะแข็งค่าราว 5% ไปที่ 28.7 บาท/ดอลลาร์” ดร.จิติพลกล่าว

อ้างอิงจากสำนักข่าวอินโฟเควสท์

- รมว.คลัง เปิดเผยในงานสัมมนาเศรษฐกิจฐานรากพลิกความเชื่อมั่นประเทศไทย ว่า ในช่วงต้นปีหน้ากระทรวงการคลัง

เตรียมเปิดตลาดทุนรูปแบบใหม่ โดยสร้างให้เป็นตลาดทุนสำหรับชาวบ้านที่ประกอบธุรกิจขนาดเล็ก หรือเป็นวิสาหกิจชุมชน หรือสตาร์ทอัพ

สามารถเข้ามาระดมทุนผ่านตลาดทุนดังกล่าวได้ในลักษณะเดียวกันกับการซื้อขายหลักทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) หรือ

ตลาดเอ็มเอไอ หากทำได้สำเร็จ เชื่อว่า จะเป็นช่องทางสำคัญให้กับบรรดาเอสเอ็มอีขนาดเล็กจริงๆ มีช่องทางใหม่ในการหาแหล่งเงินทุน

มาพัฒนาธุรกิจของตัวเองได้ดียิ่งขึ้น

- ธนาคารแห่งประเทศไทย เปิดผลการศึกษา "ความเหลื่อมล้ำ" ประเทศไทย 10 ปีที่ผ่านมาความเหลื่อมล้ำโดยรวมดีขึ้นแต่ยังสูงเมื่อเทียบกับ

เพื่อนบ้าน คนจนสุดมีรายได้ต่ำกว่าคนรวยสุด 10.3 เท่า ขณะที่ความเหลื่อมล้ำเชิงพื้นที่ยังสูงมากและมีโอกาสสูงขึ้นจากเศรษฐกิจที่โตกระ

จุกใน กทม.และปริมณฑล

- ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการ สายงานวิจัย บล.เอเซีย พลัส เปิดเผยว่า แนวโน้มกำไรสุทธิบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ปี

63 เบื้องต้นคาดว่าจะอยู่ที่ 1 ล้านล้านบาท ถูกปรับลดจากประมาณการเดิมลง 47,600 ล้านบาท หรือคิดเป็น 4.53% จากช่วงก่อนหน้าที่

ประเมินไว้ที่ 1.05 ล้านล้านบาท สาเหตุหลักที่ปรับลดกำไรสุทธิลงเนื่องจากกลุ่มพลังงานถูกปรับลดลง 29%, กลุ่มปิโตรเคมี ถูกปรับลดลง

16% และหุ้นของ บมจ.ปูนซิเมนต์ไทย โดยฝ่ายวิจัยกำหนดสมมุติฐานราคาน้ำมันดิบเฉลี่ยแหล่งอ้างอิงดูไบ ตั้งแต่ปี 63 ไว้ที่ 65 ดอลลาร์ต่อ

บาร์เรล ส่วนกลุ่มปิโตรเคมี ยังอยู่ภายใต้แรงกดดันเป็นผลมาจากความต้องการที่ชะลอตัวจากสงครามการค้า และการผลิตใหม่ที่มีเข้ามาสู่

ตลาดต่อเนื่อง

- นายแพทย์วิทยา วันเพ็ญ ผู้ช่วยผู้อำนวยการ บมจ.โรงพยาบาลพระรามเก้า (PR9) เปิดเผยว่า รายได้ปี 62 จะทำได้พลาดเป้าที่คาดว่าจะเติบโต 15% จากปีก่อน หลังในช่วง 9 เดือนแรกปีนี้ รายได้เติบโตเพียง 6.3% เนื่องจากภาพรวมเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลง ทำให้คนไข้ตัดสินใจเข้ารับการผ่าตัดใหญ่ที่ยากขึ้น หรือมีการประเมินค่ารักษาเทียบกับโรงพยาบาลอื่น ๆ ทำให้โอกาสในการผ่าตัดลดลง นอกจากนี้ลูกค้าต่างชาติมีสัดส่วนลดลงต่ำกว่าที่คาดหมายไว้ด้วย


บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com