• สรุปข่าวเศรษฐกิจ (ภาคเช้า) ประจำวันที่ 11 ธันวาคม 2562

    11 ธันวาคม 2562 | Economic News

· ค่าเงินยูโรปิดเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับค่าเงินดอลลาร์ ท่ามกลางกลุ่มนักลงทุนที่วิตกกังวลเกี่ยวกับกำหนดเส้นตายระหว่างสหรัฐฯและจีน ขณะที่การเลือกตั้งอังกฤษกำลังใกล้เข้ามา รวมทั้งตลาดจับตาผลประชุมเฟดและอีซีบี

นายแลรี่ คุดโลว์ ที่ปรึกษาเศรษฐกิจประจำทำเนียบขาวของสหรัฐฯ กล่าวเมื่อวันศุกร์ที่แล้วว่า กำหนดการขึ้นภาษี 15 ธ.ค.นี้ ยังคงมีอยู่ แต่เมื่อวานนี้ นายซอนนี่ เปอร์ดิว รัฐมนตรีกระทรวงเกษตรสหรัฐฯ กลับให้สัมภาษณ์ที่ต่างไป โดยระบุถึงความเป็นไปได้มากที่ขึ้นที่การขึ้นภาษีสินค้าจีนในวันที่ 15 ธ.ค.จะไม่เกิดขึ้น

ค่าเงินยูโรทรงตัวที่ 1.1072 ดอลลาร์/ยูโร ขณะที่เงินเยนทรงตัวที่ 108.62 เยน/ดอลลาร์ เช่นเดียวกับดัชนีดอลลาร์ที่ยังทรงตัวบริเวณ 97.605 จุด และค่าเงินหยวนค่อนข้างทรงตัวในกรอบ โดยล่าสุดอยู่ที่ 7.0370 หยวน/ดอลลาร์ โดยภาพรวมตลาดรอคอข่าวของสงครามการค้าเพิ่มเติม

บรรดานักลงทุนส่วนใหญ่ค่อนข้างมั่นใจที่จะเห็นเฟดคงดอกเบี้ยในการประชุมวาระนี้ ท่ามกลางนักลงทุนที่ดูจะให้ความสำคัญกับแนวโน้มและการหาข้อยุติ Trade War

ทางด้านอีซีบีก็ถูกคาดว่าในการประชุมวาระส่งท้ายปีจะยังคงดอกเบี้ยเช่นกัน

ค่าเงินปอนด์ปรับแข็งค่าขึ้นเล็กน้อยมาแถว 1.3140 ดอลลาร์/ปอนด์ ท่ามกลางตลาดที่ตอบรับกับมุมมองที่พรรคอนุรักษ์นิยมจะเป็นฝ่ายคว้าชัยในศึกการเลือกตั้งทั่วไปในวันพรุ่งนี้

· โพลสำรวจจาก YouGov ของอังกฤษล่าสุด เผยว่า นายบอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีอังกฤษมีสิทธิจะได้รับชัยชนะด้วยเสียงข้างมากที่เพิ่มขึ้น 28 ที่นั่งในรัฐสภาสู่ระดับ 339 ที่นั่ง จาก 650 ที่นั่ง โดยเพิ่มขึ้นจากการเลือกตั้งในปี 2017 ที่พรรคอนุรักษ์นิยมมีเสียงข้างมากที่ 317 ที่นั่ง ขณะที่พรรคฝ่ายค้านอย่างพรรคแรงงานมีแนวโน้มจะได้รับเสียงข้างมากที่ 231 ที่นั่ง โดยลดดลงจากเลือกตั้งในปี 2017 ที่คว้าเก้าอี้ได้มากถึง 262 ที่นั่ง

อย่างไรก็ดี YouGov ก็ยังระบุว่ายังมีความไม่แน่นอนอยู่ แต่ก็ค่อนข้างมีความเป็นไปได้มากขึ้นที่จะเห็นพรรคอนุรักษ์นิยมคว้าเสียงส่วนใหญ่ได้สำเร็จ

· The Wall Street Journal กล่าวว่า สหรัฐฯและจีนกำลังกำลังเจรจากันในเรื่องการเลื่อนการขึ้นภาษีสินค้ารอบใหม่ที่จะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 15 ธ.ค.นี้ เพื่อเป็นการยับยั้ง Trade War เป็นการชั่วคราวได้ โดยในรายงานยังระบุถึงการจะชะลอการขึ้นภาษีจีน 15% มูลค่า 1.6 แสนล้านเหรียญออกไปก่อน

· ประธานบริหารจาก Goldman Sachs กล่าวว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯมีแนวโน้มจะปรับตัวขึ้นอย่างรวดเร็วหลังจากที่เริ่มต้นปี อันเป็นผลจากการดำเนินนโยบายผ่อนคลายทางการเงินของเฟด รวมทั้งกลุ่มผู้บริโภคที่แข็งแกร่งของสหรัฐฯ จึงทำให้ภาพรวมของเศรษฐกิจเป็นไปด้วยดี

· การประชุมเฟดประจำเดือนธ.ค.นี้ ดูมีสัญญาณที่จะเห็นเฟดไม่เร่งรีบต่อการดำเนินการใดๆต่อการเปลี่ยนแปลงเรื่องดอกเบี้ย โดยนายเจอโรม โพเวลล์ ประธานเฟดมีแนวโน้มจะกล่าวให้สัญญาต่อการที่เฟดจะเดินหน้าทำทุกวิถีทางที่จำเป็นเพื่อรักษาสภาพคล่องให้อยู่ในระดับสูง และน่าจะเห็นการคงดอกเบี้ยต่อในช่วงสิ้นปีนี้ โดยเฟดจะแถลงผลประชุมในช่วงเวลาประมาณตี 2 ตามเวลาไทย และตี 2 ครึ่งสำรหับการกล่าวถ้อยแถลงของประธานเฟด หลังจากที่ล่าสุดข้อมูลเศรษฐกิจออกมาในเกณฑ์ฟื้นตัวมากขึ้น โดยเฉพาะข้อมูลการจ้างงานในเดือนพ.ย.

· อดีตผู้อำนวยการฝ่ายการสื่อสารประจำทำเนียบขาว กล่าวว่า นายไมค์ บลูมเบิร์ก ซึ่งเคยเป็นอดีตนายกเทศมนตรีนิวยอร์ก ที่จะลงท้าชิงเก้าอี้ประธานาธิบดีสหรัฐฯในนามพรรคเดโมแครต อาจเอาชนะนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯได้ในศึกเลือกตั้งในวันที่ 24 พ.ย. 2020

เนื่องจาก 15% - 18% ของประชาชนในเวลานี้ต้องการเห็นการเปลี่ยนแปลง และนายบลูมเบิร์กก็ดูเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ดี รวมทั้งเขาเองก็เป็นนักจัดการธุรกิจที่ค่อนข้างดีเยี่ยม จึงมีโอกาสจะได้คะแนนนิยมในบทบาททางการเมือง

· รายงานล่าสุดจากรอยเตอร์ส ระบุว่า พรรคเดโมแครตมีแถลงการณ์ตั้งข้อกล่าวหานายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯอย่างเป็นทางการเมื่อวานนี้ จากการใช้อำนาจโดยมิชอบและขัดขวางสภาคองเกรส จึงส่งผลให้นายทรัมป์ เป็นประธานาธิบดีคนที่ 4 ในประวัติศาสตร์ที่ต้องเผชิญกับการลงมติถอดถอนออกจากตำแหน่ง

อย่างไรก็ดี ความเป็นไปได้ที่นายทรัมป์จะได้รับความพ่ายแพ้จากการลงมติถอดถอนครั้งนี้มีไม่มากนัก เนื่องจากพรรครีพับลิกันในวุฒิสภายังคงมีความคิดเห็นเดียวกันในการคัดค้านกระบวนการถอดถอนประธานาธิบดีดังกล่าว

· ราคาน้ำมันดิบปิดปรับตัวสูงขึ้นท่ามกลางข้อตกลงของกลุ่มโอเปกในสัปดาห์ที่แล้วที่มีมติในการปรับลดกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นต่อเนื่องในปี 2020 แต่ความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีนดูเหมือนจะยังเป็นปัจจัยที่เข้ากระทบกับแนวโน้มอุปสงค์น้ำมัน

น้ำมันดิบ Brent ปิดปรับขึ้น 7 เซนต์ ที่ 64.32 เหรียญ/บาร์เรล หรือ +0.2% ในขระที่น้ำมันดิบ WTI ปิดปรับขึ้น 22 เซนต์ ที่ 59.24 เหรียญ/บาร์เรล หรือ +0.3%

ทั้งนี้ ตลาดให้ความสำคัญกับวันที่ 15 ธ.ค. ซึ่งเป็นกำหนดเส้นตายสำหรับการขึ้นภาษีรอบใหม่ของสหรัฐฯและจีน และนั่นเป็นปัจจัยที่ยังคงเข้ากดดันตลาด

บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com