• สรุปข่าวตลาดหุ้น (ภาคเช้า) ประจำวันที่ 27 พฤศจิกายน 2562

    27 พฤศจิกายน 2562 | SET News
 



· ตลาดหุ้นสหรัฐฯปิดปรับตัวสูงขึ้นเล็กน้อยแต่ทั้ง 3 ดัชนีก็ยังคงทำระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ได้อย่างต่อเนื่อง จากมุมมองเชิงบวกของถ้อยแถลงประธานาธิบดีสหรัฐฯ และข้อมูลเศรษฐกิจออกมาแย่กว่าที่คาด โดยดัชนีดาวโจนส์ปิด +55.21 จุด หรือ +0.2% ที่ 28,121.68 จุด ขณะที่ S&P500 ปิด +0.22% ที่ 3,140.52 จุด และ Nasdaq ปิด +0.18% ที่ 8,647.93 จุด

การเพิ่มขึ้นของกระแสความหวังเรื่องข้อตกลงการค้าสหรัฐฯและจีน ประกอบกับสัญญาณจากข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯที่แข็งแกร่งบางส่วน รวมถึงผลประกอบการไตรมาสที่ 3 ที่ส่วนใหญ่ออกมาดีขึ้นเกินคาดได้ทำให้ 3 ดัชนีหลักในตลาดสหรัฐฯทำระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในช่วง 5 วันจาก 8 วันทำการ

นอกจากนี้ ตลาดยังตอบรับกับถ้อยแถลงของเฟดที่ระบุถึงการดำเนินนโยบายที่เหมาะสมเพื่อสนับสนุนความแข็งแกร่งของตลาดแรงงาน

กลุ่มนักลงทุนกำลังเฝ้ารอสัญญาณความแข็งแกร่งของข้อมูลผู้บริโภคในช่วงวันหยุดเทศกาล หลังจากที่ข้อมูลความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่สำรวจโดย Conference Board ออกมาแย่ลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 4 ในเดือนพ.ย. แต่ข้อมูลดังกล่าวก็ถูกชดเชยด้วยข้อมูลยอดขายบ้านใหม่ที่ออกมาแย่ลงจากเดิมเล็กน้อย แต่ภาพรวมก็ยังมีกำลังการเข้าซื้อที่มากที่สุดในรอบ 12 ปี

· ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวสูงขึ้นในวันนี้จากการที่ตลาดหุ้นสหรัฐฯยังคงทำระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ได้อีกครั้งเมื่อคืนนี้ โดยดัชนีนิกเกอิเปิด +0.46% และ Topix +0.42% ในขณะที่ Kospi ของเกาหลีใต้เปิด +0.4% รวมทั้งดัชนี MSCI ที่ไม่รวมญี่ปุ่นเปิด +0.15%

ตลาดหุ้นเปิดปรับตัวขึ้นจากมุมมองเชิงบวกของการเจรจาการค้าสหรัฐฯและจีน หลังจากที่มีรายงานถึงการพูดคุยทางโทรศัพท์กันต่อของบรรดาผู้แทนเจรจาระดับสูงทั้งสองฝ่าย รวมทั้งการที่ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ กล่าวเสริมว่าทั้งสองประเทศใกล้บรรลุข้อตกลงร่วมกันในเร็วๆนี้ แต่นักลงทุนก็ยังรอคอยข้อตกลง “เฟสแรก” ว่าจะสามารถเกิดขึ้นได้ก่อนที่สหรัฐฯจะทำการขึ้นภาษีสินค้าจีนรอบใหม่ที่จะมีผลในวันที่ 15 ธ.ค.นี้ได้หรือไม่

· อ้างอิงจากสำนักข่าวอินโฟเควสท์

-นักบริหารเงิน คาดว่า วันนี้เงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบ 30.15-30.25 บาท/ดอลลาร์ เนื่องจากยังไม่มีปัจจัยใหม่เข้ามา และตลาดรอดูความชัดเจนเรื่องสงครามการค้า

-ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีไทย (ครม.) มีมติเห็นชอบมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงปลายปี 62 ตามที่กระทรวงการคลังเสนอใน 3 มาตรการ ได้แก่ โครงการเพิ่มความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานราก, มาตรการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าว และมาตรการลดภาระการซื้อที่อยู่อาศัย ภายใต้โครงการ "บ้านดีมีดาวน์"

-รมว.คลังไทย คาดว่า มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงปลายปี 62 จะมีส่วนช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในไตรมาส 4/62 ให้เติบโตได้ดีพอสมควร ซึ่งทำให้ทั้งปีมีความเป็นไปได้ที่เศรษฐกิจไทยจะเติบโตได้ในระดับ 2.6% ตามการคาดการณ์ของสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) และยังเป็นแรงส่งต่อเนื่องไปถึงเศรษฐกิจไทยในปี 63 ด้วยเช่นกัน

-รมว.คลังไทย กล่าวว่า รัฐบาลอาจจะมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมเป็นของขวัญปีใหม่ แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ในขณะนี้

-อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศของไทย เผยการใช้สิทธิประโยชน์ภายใต้ความตกลง FTA ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2562 (ม.ค.-ก.ย.) มีมูลค่า 50,312.06 ล้านดอลลาร์ หรือคิดเป็น 78.25% ของมูลค่าการส่งออกรวมในรายการสินค้าที่ได้รับสิทธิประโยชน์ทางการค้าซึ่งมีมูลค่าอยู่ที่ 64,296.03 ล้านดอลลาร์ ลดลง 3.41% จากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา

-ผู้อำนวยการศูนย์ศึกษาการค้าระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เผยผลศึกษาภาพรวมการค้าของอาเซียน การค้าของจีนใน CLMV ที่มีผลกระทบต่อไทย โดยคาดว่า ในอีก 5 ปีข้างหน้า หรือตั้งแต่ปี 63-67 สินค้าไทยจะถูกสินค้าจีนแย่งตลาด CLMV และมูลค่าส่งออกไทยในตลาดดังกล่าวหายไป 187,795 ล้านบาท หรือ 23.83% ของมูลค่าการส่งออกไทยไป CLMV

-รองอธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้าไทย เปิดเผยว่า ในเดือนต.ค.62 มียอดธุรกิจจัดตั้งใหม่อยู่ที่ 5,751 ราย ลดลง 1,203 ราย หรือคิดเป็น 17% เมื่อเทียบกับเดือน ก.ย.62 ที่มีจำนวน 6,954 ราย และลดลงจำนวน 446 ราย หรือคิดเป็น 7% เมื่อเทียบกับเดือน ต.ค.61 ที่มีจำนวน 6,197 ราย โดยคาดว่าในปี 2562 จะมีสถิติการจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา


บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com